“รองสุเทพ” นั่งแท่นคุมสถานการณ์เคลื่อนพลเสื้อแดง เรียก “พัชรวาท-สุชาติ” พบสั่งการเฝ้าระวัง พร้อมดึงทหารตั้งแนวเสริมรับป้องกันทำเนียบ เผย หากควบคุมสถานการณ์ไม่ได้เตรียมแก๊สน้ำตา-รถฉีดน้ำต้อนรับม็อบบุก แต่ยึดหลักสลายโดยไม่รุนแรงตามกติกาสากล หวั่นซ้ำรอยยึดทำเนียบ เกรงส่งผลประชุมอาเซียนทำลายความเชื่อมั่นประเทศ ยันไม่สกัดเสื้อแดงแห่เข้ากรุง ทวงสัญญา 15 วัน เชื่อ กษิต-ประพันธ์ ไม่ร่วมชุมนุมที่อุดรฯ
วันนี้ (12 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงข่าวกรณีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เรียก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.มารายงานสถานการณ์ และการเตรียมความพร้อมการดูแลการชุมนุมของ นปช.ในวันที่ 14 ก.พ.ว่า เบื้องต้นได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.สุชาติ เป็นผู้บัญชาการสถานการณ์ในการติดตามเฝ้าระวังและเสนอมาตรการด้านประชาชนเพื่อป้องกันการชุมนุม โดยจะดูแลผู้ชุมนุมภายใต้กติกาสากล คือ เลี่ยงความรุนแรง โดยเริ่มจากการเจรจา ขอความร่วมมือ ชี้แจงให้ชุมนุมโดยสงบ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ไม่เข้าไปยึดสถานที่ราชการ จากนั้นจะมีมาตรการที่เพิ่มขึ้น คือ เจ้าหน้าที่โดยไม่มีอาวุธที่มาป้องกันสถานการณ์ หากสถานการณ์รุนแรงขึ้น เช่น ทำลายและบุกยึดสถานที่ราชการก็จะพิจารณาใช้แนวทางอื่นๆ หากสถานการณ์รุนแรงจนถึงที่สุดก็ยึดหลักสากลในการดูแลการชุมนุม คือ ใช้เครื่องมือสลายเท่าที่จำเป็น
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ.เป็นต้นไป ผบช.น.จะเตรียมแผนและติดตามสถานการณ์แบบใกล้ชิด โดยจะแถลงข่าวให้สื่อมวลชนรับทราบ และจะรายงานให้นายสุเทพ รับทราบแบบต่อเนื่อง โดยได้ขอความร่วมมือประชาชนที่เข้าใจว่า หากเลี่ยงที่จะไม่มาชุมนุมได้นั้นจะเป็นสิ่งที่ดี เพราะวันนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงการประชุมอาเซียนซัมมิต ในการเรียกความเชื่อมั่นให้ประเทศ เชื่อว่า คนไทยจะต้อนรับการประชุมครั้งนี้ จึงไม่อยากให้เหตุมีความรุนแรงและภาพลักษณ์ที่ไม่สวยงามออกไปสู่สายตาชาวต่างประเทศ
เมื่อถามว่า รัฐบาลประเมินสถานการณ์เบื้องต้นอย่างไร นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ทราบจากรายงานข่าวว่า มีการเชิญชวนประชาชนให้มาชุมนุมจริง โดยจะรวมตัวกันอย่างสงบ หากแกนนำ นปช.ยืนยันแบบนี้รัฐบาลจะเฝ้าดูแบบห่างๆ หากมีการดำเนินการที่มีความเสี่ยงและประชาชนเสียหายนั้นก็จะใช้มาตรการต่างๆ ที่ตนระบุไว้ในข้างต้น แต่วันนี้ไม่มีการสกัดกั้นในจังหวัดต่างๆ เพื่อปิดกั้นไม่ให้ประชาชนมาชุมนุม แต่ใช้วิธีชี้แจงผ่านสื่อมวลชนแทนว่าวันนี้สถานการณ์บ้านเมืองที่คนไทยต้องช่วยกันและไม่ควรมีภาพความรุนแรงเกิดขึ้น
เมื่อถามว่า นายสุเทพ สั่งการให้นำทหารมาดูแลด้วย นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ในส่วนนั้นเป็นแนวทางสำรอง หากตำรวจควบคุมสถานการณ์การชุมนุมในกรอบกฎหมาย ก็ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังสนับสนุนจากทหาร เมื่อถามว่า นปช.บุกทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 31 ม.ค.สังคมเห็นภาพทหารคุ้มกันทำเนียบรัฐบาล จนภาพลักษณ์เสียหายและคราวนี้จะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ขอเรียนว่า รัฐบาลมีความระมัดระวังและไม่อยากให้ความรุนแรงเกิดขึ้น และไม่อยากให้การยึดสถานที่ราชการเกิดขึ้นอีก เพราะจะสร้างความไม่มั่นใจจากต่างชาติที่จะเข้ามาในประเทศ แต่ก็มีความจำเป็นที่ต้องขอกำลังทหารมาสำรองไว้บ้าง หากสถานการณ์เกินกว่าความรับผิดชอบของตำรวจจะรับได้และรัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดสถานการณ์ความวุ่นวาย
เมื่อถามว่า พันธมิตรฯจะไปชุมนุมในวันที่ 14 ก.พ.ที่ จังหวัดอุดรธานี นั้น ได้ห้าม นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำพันธมิตรฯบ้างหรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า เป็นอีกส่วนหนึ่ง เพราะรัฐบาลไม่ได้ผูกติดกับแกนนำการชุมนุมใดๆ วันนี้รัฐบาลรับทราบการชุมนุมของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล และพยายามควบคุมสถานการณ์ให้ปกติ จึงขอร้องประชาชน ว่า ขอให้เห็นกับบ้านเมืองที่ต้องเรียกความเชื่อมั่นกลับมา ฉะนั้น คนไทยต้องช่วยกัน มาตรการที่จะนำมาใช้ก็ไม่ได้ใช้ความรุนแรงและทำให้ดีที่สุด
เมื่อถามว่า รัฐบาลไม่ได้ห้ามพันธมิตรฯเลย เพราะอาจเกิดม็อบชนม็อบได้ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ขอความร่วมมือทุกส่วนกับการชุมนุมที่อาจสร้างความรุนแรงและแตกแยก จนเกิดผลลบกับประเทศนั้น เชื่อว่า ผู้บริหารคงไม่เลือกปฏิบัติกับทั้งสองฝ่าย และคิดว่า ผู้ว่าฯ จ.อุดรธานีจะดูแลให้เรียบร้อย หากเกิดการปะทะกันระหว่าง นปช.กับพันธมิตรฯนั้น ตำรวจและทหารจะเข้าไปดูแล
“ทราบว่า ได้ขอความร่วมมือกับแกนนำ นปช.ไปแล้วแต่ได้รับการยืนยันว่า จะชุมนุมโดยสงบในรูปแบบงานเลี้ยงบนพื้นที่จำกัดหากมีการเคลื่อนย้ายเปลี่ยนสถานที่ชุมนุมนั้น ก็จะมีการประเมินและติดตามการชุมนุมตลอดเวลาทุกชั่วโมงและเปลี่ยนมาตรการได้ตลอด แม้วันนั้นจะมีการประชุมใหญ่พรรคภูมิใจไทยด้วยก็ตามแต่มันเป็นคนละส่วนกัน เพราะตรงนี้เป็นกำหนดการทางการเมืองที่เตรียมไว้นานเล้ว คงไม่มีเหตุเสื้อแดงเก่าชนกับเสื้อแดงใหม่ และคงแยกการชุมนุมได้” นายพุทธิพงษ์ กล่าวและว่า พรรคร่วมรัฐบาลกันนั้นคงไม่สร้างปัญหาใดๆ ให้เกิดขึ้นและคงระวังไม่ให้อะไรเกิดขึ้น เพราะวันนี้เสื้อแดงในต่างจังหวัดนั้นบางส่วนเปลี่ยนขั้วก็มีกาต่อว่าและปะทะกันบ้าง แต่มันต้องระวังกัน
เมื่อถามว่า แกนนำพันธมิตรฯที่สังกัดพรรคประชาธิปัตย์นั้น จะไปร่วมชุมนุมหรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ไม่ เพราะหลายคนหน้าที่ เปลี่ยนมาทำหน้าที่ในรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนแล้วและคงไม่มีโอกาสไปร่วมชุมนุมแน่นอน
เมื่อถามว่า คล้ายว่า รัฐบาลมักท้าทายฝ่ายตรงข้ามเสมอ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้มองได้หลายมิติ บางครั้งเตรียมการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรง แต่มุมของผู้ชุมนุมก็อาจมองว่าท้าทาย แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ เพราะรัฐบาลเตรียมพร้อมไม่ให้เหตุไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น หากไม่เตรียมการเลยนั้นก็จะโดนตำหนิอีก รัฐบาลพยายามทำอย่างดีที่สุดหากได้รับความร่วมมือจากผู้ชุมนุมนั้น ไม่ว่าจะมองจากมุมใดมันก็น่าจะดีแต่สถานการณ์นั้นมันเปลี่ยนแปลงได้ทุกวินาที ตนขอร้องประชาชนว่าหากไม่จำเป็น และเห็นแก่ประเทศนั้น ควรหลีกเลี่ยงการชุมนุม
เมื่อถามว่า ทราบว่า ทหารเข้ามาตรวจสอบพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลแล้วและอาจกระตุ้นฝ่ายตรงข้ามได้ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ในส่วนนี้ต้องเตรียมพร้อมหากจำเป็น ต้องมีกำลังอื่นๆ มาช่วยแต่คงไม่มาตั้งแรก มันเป็นการเตรียมการและยังไม่ได้ดำเนินการ หากการชุมนุมไม่สร้างความเสียหาย เพราะธงของรัฐบาลและประชาชนส่วนใหญ่ในวันนี้ต้องการเรียกความเชื่อมั่นกลับมา การประชุมอาเซียนซัมมิตจะเป็นเวทีในการเรียกความเชื่อมั่นกลับมา และเหลือไม่กี่วันจะเข้าสู่การประชุมดังกล่าวแล้ว
