xs
xsm
sm
md
lg

แม่ทัพ 1 จวก“เพ็ญ”กุข่าวทหารแฝงม็อบเสื้อแดง-ป้ายสีกองทัพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1
กองทัพใช้แผน“อาร์มทอง”เตรียมพร้อมในที่ตั้ง รอสัญญาณ ตร.ขอความช่วยเหลือคุมม็อบเสื้อแดง ด้านแม่ทัพ 1 สวน “จักรภพ”กุเรื่องทหารส่งกำลังแฝงตัวม็อบ หวังโยนผิดให้กองทัพหากเกิดเหตุร้าย หน่วยข่าวคาด “ไข่แม้ว” 2-3 หมื่น จากเหนือ-อีสานรวมตัวสนามหลวง 4 โมงเย็น ก่อนเคลื่อนสู่ทำเนียบ 3 ทุ่ม สตช.วางกำลังสกัด 4 จุด ระหว่างทาง ทำขึงขังห้ามผ่านเด็ดขาด

พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมรับมือกับการชุมนุมของกลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดี ในนามแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ว่า กองทัพเพียงติดตามดูสถานการณ์อย่างเดียว แต่หน้าที่หลักขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจการดูแลความสงบเรียบร้อย ตอนนี้ตำรวจได้ประสานงานมายังกองทัพให้เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานหากเกิดกรณีฉุกเฉินตำรวจไม่สามารถดูแลควบคุมสถานการณ์ได้

“ตอนนี้การดูแลความสงบเรียบร้อยยังคงใช้แผนเดิม คือจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลักในการดูแล ถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรงตามที่กลุ่ม นปช.ประกาศไว้ ทหารก็จะอยู่ในที่ตั้งตามปกติ ตามแผนอาร์มทองที่เคยใช้ในการดูแลความสงบเรียบร้อย แต่เชื่อว่าสถานการณ์คงจะไม่รุนแรงอะไร และคงไม่ต้องใช้กำลังทหารหรอก”พล.ท.คณิต กล่าว

พล.ท.คณิต ยืนยันด้วยว่าสายข่าวยังไม่ได้รับรายงานว่ากลุ่ม นปช.จะบุกทำเนียบรัฐบาลเพื่อปิดล้อมไม่ให้คณะรัฐมนตรีทำงานได้ ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ไม่ได้มีการสั่งการอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่ให้ติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช. ที่จะมาปักหลักชุมนุมที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 31 ม.ค.นี้เท่านั้น

พล.ท.คณิต ยังบอกด้วยว่า กองทัพไม่เคยส่งเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปแฝงตัวหรือหาข่าวกับกลุ่ม นปช. ตามที่ แกนนำกลุ่มเสื้อแดงระบุ เป็นเรื่องไม่จริง แต่โดยหลักการเมื่อเขารู้ว่าเราจะไปแฝงตัวในกลุ่ม นปช. แล้วเราจะเข้าแฝงได้อย่างไร การที่แกนนำกลุ่ม นปช.ออกมาพูดในลักษณะเช่นนี้เป็นตีกันว่า ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นมาก็เกิดจากกองทัพ ทั้งๆ ที่กองทัพไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย และกองทัพไม่เคยทำ และทำไม่ได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม สถานการณ์จะรุนแรงหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับแกนนำว่าจะทำให้รุนแรงหรือไม่ แต่เชื่อว่าจะไม่รุนแรง

รายงานข่าวจากหน่วยงานด้านความมั่นคง แจ้งว่า กลุ่ม นปช.ที่จะมาชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวง เพื่อกดดันให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยุบสภานั้น จะมีกลุ่มคนที่เดินทางมาร่วมประมาณ 20,000 – 30,000 คน โดยคนส่วนใหญ่จะเดินทางมาจาก จ.เชียงใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มคนรักเชียงใหม่ และ ในพื้นที่ จ.อุดรธานี หรือกลุ่มคนรักอุดร ซึ่งการชุมนุมจะร่วมตัวกันชุมนุมตั้งแต่เวลา 16.00 น. และในเวลา 21.00 น. ก็จะเคลื่อนย้ายจากบริเวณท้องสนามหลวงเข้ามายังทำเนียบรัฐบาล

รายงานข่าวจากหน่วยงานด้านความมั่นคง ยังบอกด้วยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมความพร้อมด้วยการสนธิกำลังจากตำรวจนครบาล 1-9 และตำรวจตระเวนชายแดน และตำรวจที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับกรุงเทพมหานคร โดยเบื้องต้นจะสนธิกำลังประมาณ 35 กองร้อย ขณะที่กองทัพบก ได้มีการงัดแผน “อาร์มทอง” โดยมีการสนธิกำลังจาก กองทัพบก กองทัพเรือ และ กองทัพอากาศ จำนวน 22 กองร้อย โดยในส่วนของกองทัพจะเตรียมกำลังอยู่ในที่ตั้งของหน่วยจนกว่าจะได้รับการประสานงานจากตำรวจในการออกไปสนับสนุน โดย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีการประสานขอกำลังสนับสนุนจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกไว้เรียบร้อยแล้ว แต่เบื้องต้นกำลังทหารทั้ง 22 กองร้อย ยังคงอยู่ในที่ตั้งของหน่วยทั้งหมด

รายงานข่าวจากหน่วยงานด้านความมั่นคง ยังเปิดเผยด้วยว่า กำลังตำรวจที่ออกมาปฏิบัติครั้งนี้จำนวน 35 กองร้อย จะมีการตั้งจุดสกัดทั้งหมด 4 จุด คือจุดแรกบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จุดที่สองบริเวณสะพานผ่านผ้าลีลาศ จุดที่สามบริเวณสี่แยก จปร. บริเวณใกล้กับกองบัญชาการกองทัพบก และจุดที่สี่บริเวณสี่แยกสะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยแต่ละจุดจะใช้กำลังตำรวจคละเคล้ากันไปความเหมาะสม นอกจากนี้ยังจัดกำลังเข้าไปดูบริเวณสถานที่ราชการสำคัญตั้งแต่บริเวณถนนราชดำเนินจนมาถึงทำเนียบรัฐบาล

ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า เมื่อวันที่ 30 ม.ค.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงได้ ได้เรียก พล.ต.อ.พัชรวาท ไปหารือถึงแผนปฏิบัติการในการดูแลความสงบเรียบร้อยในวันที่ 31 ม.ค. อีกด้วย โดยเบื้องต้น พล.ต.อ.พัชรวาท จะลงมาบังคับบัญชาด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวอีกว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมที่จะสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มคนเสื้อแดงผ่านเข้าไปยังบริเวณ 4 จุดสำคัญที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดกั้นเอาไว้ รวมถึงคนที่ใส่เสื้อแดงด้วย

เมื่อเวลา 10.00 . วันที่ 30 ม.ค. ที่กองทัพเรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ของ นปช.ในวันที่ 31 ม.ค.ว่า ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากมีความต้องการให้ทหารช่วย เราก็พร้อมที่จะช่วยเต็มที่ อยากบอกใครก็แล้วแต่ที่เข้ามาชุมนุมว่า รัฐบาลกำลังเพิ่งเริ่มทำงาน และกำลังเดินหน้า อยากให้ประชาชนทุกฝ่ายช่วยกันให้ประเทศเดินหน้าสักระยะ หากมีอุปสรรคค่อยว่ากันอีกครั้ง

ส่วนกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปช.และผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ระบุว่า กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) ส่งทหารจำนวน 400 คน เข้าไปแฝงตัวในกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น ยืนยันว่าไม่มี เพราะเราไม่เข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของใคร อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ากองทัพได้มีการติดตามสถานการณ์ เพื่อดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อย

เมื่อถามว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงจะปล่อยให้กลุ่มเสื้อแดงชุมนุมปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลยืดเยื้อเหมือนเสื้อเหลืองหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าว่า คงต้องเจรจา อะไรที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติ ทำไมจะปล่อยให้เกิดซ้ำซาก ไม่ใช่ว่าจะห้ามไม่ให้ชุมนุม แต่หากมีการชุมนุมต้องมีการดำเนินการทางกฎหมาย ทั้งนี้จะไม่มีการเลือกปฏิบัติ เพราะจะไม่มีเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง และเชื่อว่าจะไม่มีมือที่ 3 มาสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย

กรณีที่กลุ่มเสื้อแดงบอกว่า เสื้อเหลืองทำได้ เหตุใดเสื้อแดงทำไม่ได้นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของคนละรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลนี้คงทำให้กฎหมายเข้มแข็ง ทั้งนี้การแก้ปัญหาต้องเป็นไปตามสถานการณ์ และคงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายต้องทำตามกฎหมาย หากไม่ทำตามกฎหมายก็ลำบาก ทั้งนี้เราจะพยายามไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากันของประชาชน เพราะเราเป็นคนไทยเหมือนกัน

เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐบาลเสนอกฎหมายเอาผิดผู้ที่ปิดล้อมสนามบิน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องไปถามรัฐสภา แต่ขณะนี้กฎหมายยังไม่ออกมา อย่างไรก็ตามทุกอย่างมีขั้นตอน และสนามบินถือเป็นผลประโยชน์ของชาติ ส่วนบทลงโทษที่มองว่า เบาเกินไปนั้น คงต้องมีการหารือกันกันอีกครั้ง และยังมีหลายขั้นตอนในการพิจารณาในสภา อย่างไรก็ตามเชื่อว่า กฎหมายปกติยังใช้ได้อยู่
จักรภพ เพ็ญแข
กำลังโหลดความคิดเห็น