“สนธิ” เผย “แท็กซี่เอื้ออาทร” สุดทนบุกร้อง “นายกฯ” ช่วย แฉเหตุเพราะราคารถยนต์แพงเกินเหตุ แถมเปลี่ยนสเปกรถ-ซุกอุปกรณ์เทียมทั้งคัน ปูดซ้ำ “นช.แม้ว” ชักใย “เอสเอ็มอีแบงก์” ดำเนินปล่อยเงินกู้ให้นักการเมืองชั่วจนเกิดหนี้เสียมหาศาล ก่อนอัด “สาทิตย์” ไร้น้ำยาตอบโต้ “เสื้อแดง”
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “Good Morning Thailand”
รายการ “Good Morning Thailand” ดำเนินรายการโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน เวลา 06.00-07.00 น.วันจันทร์ถึงศุกร์ สำหรับวันพุธที่ 25 มีนาคม 2552 ได้นำข่าวคราวต่างๆ มาวิเคราะห์ และนำเสนออย่างหลากหลายเช่นเคย
สวัสดีครับวันนี้เป็นวันพุธที่ 25 มีนาคม 2552 โลกที่ช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน What a Wonderful World เป็นไตเติลของรายการ Good Morning Thailand
ขณะนี้เป็นเวลา 06.04 น.ที่กรุงเทพมหานคร และทั่วประเทศไทย เป็นเวลา 1 ทุ่มที่มหานครนิวยอร์ก 4 โมงเย็นที่มหานครลอสแองเจลิส แล้วก็ 10 โมงเช้าที่ซิดนีย์ เข้าใจว่าน่าจะเป็นเที่ยงคืนที่มหานครลอนดอน
ท่านผู้ชม และพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่อยู่ต่างประเทศ ถ้าอยู่ในประเทศที่ดูรับสัญญาณดาวเทียมได้ ก็สวัสดีครับ ถ้าอยู่ในประเทศที่กำลังเปิดอินเทอร์เน็ตอยู่ ก็สวัสดีครับ
วันนี้ก็เหมือนทุกๆ วัน สังคมไทย ณ เวลานี้ไม่มีอะไรที่ไม่ตื่นเต้น ตื่นเต้นไปหมด เดี๋ยววันนี้จบรายการแล้วสักพักหนึ่งผมก็ไปขึ้นศาลฟังคำพิพากษาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ท่านได้ฟ้องร้องผม อ.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ คุณเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และผู้คนอีกมากหลาย จำเลยประมาณ 10 คน ข้อหาหมิ่นประมาทเขา เรื่องปฏิญญาฟินแลนด์ ก็ว่ากันไป สุดแล้วแต่ศาลพิพากษาอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น ถ้าเขาชนะผมก็อุทธรณ์ ถ้าเขาแพ้เขาก็ต้องอุทธรณ์
เมื่อวานนี้มีข่าวคราวของ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี เข้ามาเพิ่มเติม คุณพิเชษฐ สถิรชวาล อดีตเป็นคนซึ่งทำงานให้กับพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน และเป็นคนสนิทของพจมาน ดามาพงศ์ ตอนนี้ใช้ชินวัตรไม่ได้แล้ว ก็ออกมาว่าคุณพัลลภ ได้ไปหาคุณทักษิณจริง และเขาเป็นคนกลางที่พาไปพบ ปรากฏว่าโดยสรุปคือในขณะนี้คุณพัลลภ ไปเล่าเรื่องต่างๆ ซึ่งจริงหรือไม่จริงก็เยอะ เอาไปเล่าให้คุณทักษิณฟัง คุณทักษิณก็เอาเรื่องนั้นมาเล่นงานหลายๆ คน อย่างไม่จริง หรือจริงก็ไม่ทราบ ในที่สาธารณะ ปรากฏว่าคุณพัลลภก็อยู่ในสภาพที่เพิ่งรู้ว่ามันไม่คุ้มเลยที่ตัวเองถูกหลอกไป หรือเต็มใจไป และหวังว่า ตัวเองจะได้เป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง หรือผู้อำนวยการ กอ.รมน. ในยุครัฐบาลชุดคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นอกจากไม่ได้แล้วยังจะต้องโดนคุณทักษิณเอาคำพูดนั้นมาพูด ทำให้ตัวเองหมดราคาเมื่อแก่ตัวลง ทั้งที่อายุก็ 70 กว่าแล้ว ก็เลยออกมาพูดว่า จริงครึ่งเดียว อีกครึ่งไม่จริง
คุณพิเชษฐ ก็ออกเล่าให้ฟังว่าเป็นคนพาคุณพัลลภ ไป และที่คุณพัลลภพูดไปทุกอย่างถูกต้อง คือช่วยซึ่งกันและกัน คน 3 วันมีวัตถุประสงค์ไม่เหมือนกัน คนหนึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเอาข้อมูลตรงนี้จริงหรือไม่จริงไม่ทราบ ออกมาเล่นงานประเทศไทย คนอีกคนไปเพื่อเอาข้อมูลตรงนี้ไปเล่าให้ฟังเพื่อหวังประโยชน์ลาภยศที่ตัวเองจะได้จากการที่เอาข้อมูลที่ตัวเองไปเล่าให้ฟังทำให้อีกฝ่ายซึ่งอยู่เบื้องหลังของการเป็นเจ้าของรัฐบาลชุดสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และสมัคร สุนทรเวช ที่ตั้งตัวเองขึ้นมาเป็นมีอำนาจวาสนาในหน้าที่ทางการเมือง ทั้งหมดนี้จึงทำให้ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี กลายเป็น จปร.รุ่น 7 ที่โดดเด่นที่สุดในวันนี้ ส่วนจะโดดเด่นในแง่ดี หรือแง่ร้าย ท่านผู้ชม และพ่อแม่พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งผมเชื่อว่าหลายๆ ท่านคงรู้จักคนที่ชื่อ พัลลภ ปิ่นมณี ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาวมุสลิม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ในกรณีกรือเซะ
ผมจะเล่าตำนานให้ฟังนิดหนึ่ง ในช่วงหนึ่ง คุณพัลลภ ปิ่นมณี ต้องการที่จะเข้ามาเป็นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยรุ่นที่ 2 ปรากฏว่า ฟังให้ดีๆ ท่านผู้ชม และพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของ คุณพัลลภ ปิ่นมณี เป็นคนปฏิเสธในที่ประชุมพวกเรา บอกว่า อย่าเอาท่านเรียก คุณพัลลภ ว่า ไอ้ลภ มันเข้ามานั่งเป็นแกนนำ เป็นได้อย่างมาก คือ ที่ปรึกษาฝ่ายความปลอดภัยเท่านั้น และตรงนี้เองเมื่อเรื่องมีราว คุณจำลอง ถูกจับในตอนนั้น ก็มีข่าวเสนอมาว่า คุณพัลลภ จะเข้ามาเป็นแกนนำ เราก็ปฏิเสธไปว่าไม่ใช่ เป็นแค่ที่ปรึกษาความปลอดภัย ท่าน พล.อ.พัลลภ ท่านก็โกรธ ท่านก็เลยออกมาด่าพันธมิตรฯ ด่า พล.ต.จำลอง ด่าเละเทะไปหมดในวันนั้น ถ้าผู้ใดติดตามข่าวก็คงจะจำได้
หลังจากนั้นแล้ว ความที่ พล.ต.จำลอง คือ สุภาพบุรุษ ชายชาติทหารที่แท้จริง เมื่อออกมาแล้วเดินมาที่หลังเวที ขอร้องพวกเราทุกคนบอกว่า “เฮ้ย สนธิ ผมขอร้องเถอะ ให้ไปบอกทุกคนว่า อย่าไปพูดถึงไอ้ลภมันเลย เงียบๆ ไปเลยดีกว่า มันอยากพูดอะไรให้มันพูดไปเถอะ แค่นี้มันก็จบแล้วไม่จำเป็นต้องพูดอีก” นี่ไงละครับพี่น้อง อะไรเป็นทองแท้ อะไรเป็นทองเก๊ วันนี้ก็ดูออกแล้วนะครับ คุณจำลอง ศรีเมือง พร้อมที่จะอดทน รับภาระทุกอย่าง ขมขื่นเจ็บปวด และยังไม่ต้องการที่จะว่าอะไรเพื่อนฝูงทั้งที่เพื่อนออกมาว่ากล่าว ด่า พล.ต.จำลอง อย่างเสียๆ หายๆ เพียงเพราะว่าตัวเองไม่ได้ตำแหน่งเป็นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หลังจากนั้นก็ยังออกมาข่มขู่พ่อแม่พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คนเราอย่างที่บอก “แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน” จริงๆ ครับ
ข่าวแรกวันนี้น่าสนใจมาก คุณสมัคร สุนทรเวช ได้ให้สัมภาษณ์นิตยสารฉบับหนึ่ง และคุณเปลว สีเงิน ของหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ได้ออกมาเล่าให้ฟัง คุณสมัคร พูดบอกว่า คุณทักษิณ ที่เสียเพราะคนรอบด้าน รอบข้าง แนะนำในทางที่ผิดๆ นอกจากแนะนำในทางผิดๆ แล้ว ยังแสวงหาผลประโยชน์เข้ากับตัวเองอีก และพูดแบบชนิดที่เรียกว่าอธิบายความเลยว่า ผู้นำคนหนึ่งที่มันพังพินาศฉิบหายลงไป เพราะว่าคนรอบด้าน คุณสมัคร ยกตัวอย่างว่า แม้กระทั่งการรายงานสถานการณ์ก็รายงานผิดๆ พันธมิตรฯ มาชุมนุมเป็นหมื่น แต่ก็รายงานแค่ 1,000 เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อรับทราบสถานการณ์ที่ผิดไปแล้ว จะแก้ปัญหาที่ถูกต้องอย่างไร แล้วคุณสมัคร ก็ยังพูดต่อว่า คนที่รอบตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ล้วนแต่เป็นคนที่มุ่งหวังผลประโยชน์ส่วนตัวทั้งสิ้น ไม่มีใครที่ตั้งใจทำให้กับประโยชน์ส่วนรวม
อันนี้ก็เป็นข้อคิดอันหนึ่งที่ทุกๆ คนก็คงจะทราบ และผมก็มีความรู้สึกว่า คุณสมัคร ที่พูดออกมาเช่นนี้ คุณสมัคร ก็น่าจะพูดถึงตัวเองมากกว่านะครับ เพราะว่าคุณสมัคร ในสมัยที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยความเคารพในตัวท่าน ท่านเองก็ไม่ใช่ย่อย คนรอบตัวท่านนั้นคอร์รัปชันกันหนักหนาสาหัส พอพ้นจากท่านเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว มาจนถึงรัฐบาลชุด อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คนรอบตัวท่านบางคนก็วิ่งเข้าไปเกาะกับคุณเนวิน ชิดชอบ แล้วก็ยังทำมาหากินเอาญาติพี่น้องที่อยู่ในบอร์ดรัฐวิสาหกิจบางคน ก็ยังผลักดันให้ดำรงตำแหน่งอยู่ และคนรอบตัวท่านคนนี้ที่เป็นคนที่ TOT หรือองค์การโทรศัพท์ในอดีต มีโครงการที่จะทำโทรศัพท์ 3G ตั้งงบประมาณไว้ 17,000 ล้าน คนๆ นี้แหละ คนสนิทของคุณสมัคร กลับไปดำเนินการเพื่อแจ้งมาว่าให้เพิ่มงบประมาณจาก 17,000 ล้าน เป็น 27,000 ล้าน กะที่จะกินทีเดียว 10,000 ล้าน และมีอีกคนๆ หนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ตัว คุณสมัคร สุนทรเวช เป็นที่รู้กันว่าคอร์รัปชั่นอย่างมโหฬาร กินหมดทุกอย่างทุกประการเพื่อส่วนตัวไม่ใช่ส่วนรวม
เพราะฉะนั้นแล้วผมเองก็อยากจะเตือนสติคุณสมัคร สักนิดว่า อย่าไปว่าคนอื่นเลย ผู้นำโดยทั่วไปแล้วจะมีคนรอบด้านที่เริ่มแรกอาจจะคิดถึงประโยชน์ส่วนรวม แต่พอมีคนมาเสนอให้ หรือว่าเอาผลประโยชน์มาล่อ จิตใจก็เปลี่ยนจากส่วนรวมกลายมาเป็นส่วนตัว อีกประการหนึ่งคุณสมัครเองท่านน่าที่จะมาทบทวนว่าในอดีตที่ท่านทำนั้น ช่วง 6-7 เดือน หรือ 8 เดือน ที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีท่านได้สั่งการอะไรบ้าง ผมคิดว่าท่านคงรู้อยู่แก่ใจเองว่า การฉ้อราษฎร์บังหลวงนั้น มันเกิดขึ้น บางครั้งไม่ต้องพูด ประชาชนก็ดูรู้ อย่างน้อยที่สุด พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ดูรู้ และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งคุณสมัคร ที่พวกเราลุกขึ้นมาประท้วงท่าน ไม่ใช่เรื่องของการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม หรือเป็นนอมินีให้กับคุณทักษิณ ชินวัตร อย่างเดียว แต่รวมไปจนถึงกระบวนการฉ้อราษฎร์บังหลวงที่ออกมาจากรัฐบาลที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีการฉ้อราษฎร์บังหลวงอย่างน่าเกลียด และพูดภาษาที่ไม่สุภาพ คือ อุบาทว์ที่สุด สุดๆเลย ก็เลยฝากให้ท่านคิดนิดหนึ่งนะครับ
เรื่องที่ 2 พี่น้องครับเมื่อตอนที่เราไปจัดรายการที่พิษณุโลก ปรากฏว่ามีภาพของคนเสื้อแดงจับคนเสื้อเหลืองมาทำร้าย เรียกว่ารุมกระทืบ เมื่อวันที่ตอนที่เราไปจัดพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ จ.พิษณุโลก โดยที่เอาชาวภาคเหนือตอนล่างมาร่วม เห็นได้ชัดตอนนี้หลังจากเวลาผ่านไปเกือบเดือนในที่สุดแล้ว เราไปจัดวันที่ 28 กุมภาพันธ์ก็ผ่านไป 1 เดือนพอดี เป็นเวลาที่กำลังดี ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก พ.ต.ท.สมบูรณ์ สีแดง พนักงานสอบสวนของคดีกลุ่มเสื้อแดง หรือที่เขาเรียกว่า กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้ออกหมายเรียกให้คนพวกนี้มามอบตัว ถ้าไม่มาในเวลาที่ต้องการจะออกหมายจับออกมา ก็เป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับตำรวจภาค 5 ตั้งแต่ ท่าน พล.ต.ท.สุรสีห์ สุนทรศารทูล ท่านเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 คนใหม่เข้าไปดูแลเหตุการณ์ก็เลยทำให้อย่างน้อยในที่สุด จ.พิษณุโลก ก็เริ่มกลายเป็นจังหวัดที่ผู้คนที่เป็นมนุษย์ที่มีธรรมนำหน้าก็สามารถเดินบนถนนได้อย่างปลอดภัย และไม่หวั่นเกรงใดทั้งสิ้น
อีกเรื่องที่ต้องพูดกันยาวนิดหนึ่ง คือ เรื่องของแท็กซี่เอื้ออาทร เมื่อวันที่ 23 มีนาคมนั้น ถ้าพี่น้องจำได้ เจ้าของรถยนต์แท็กซี่ที่อยู่ในโครงการแท็กซี่เอื้ออาทรก็ได้มาร้องเรียนให้กับนายกฯ อภิสิทธิ์ และคุณสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ก็ลงมารับเรื่อง ประเด็นของการร้องเรียนคือว่า แท็กซี่เอื้ออาทรในยุคของคุณทักษิณที่ให้ไปกู้เงินบริษัท SMSs ราคาแพงเกินกว่าเหตุ ราคาต้นทุนรถเพียง 700,000 กว่าบาท แต่บวกโน้นนี่เข้าไปต้องผ่อนถึงเดือนละล้านบาทเศษๆ เขาบอกว่าสู้ไม่ไหว ก็เลยมาร้องเรียนให้เห็นชัดว่า จาก 700,000 กว่าขึ้นเป็นล้านกว่า มีผลประโยชน์ผูกพัน
แท็กซี่เอื้ออาทร เดิมทีพี่น้องครับ ได้ตกลงกันว่าจะเป็นยี่ห้อโตโยต้า อัลติส ปรากฏว่า ตอนหลังจะด้วยอีท่าไหนก็ตามก็คือโดยสรุปแล้วกลายเป็นบริษัทนิสสัน ของไทยรุ่ง สยามนิสสันธนบุรี ก็เป็นที่เข้าใจว่ามีการวิ่งเต้นกันที่จะเป็นสเปกจากโตโยต้าอัลติส มาเป็นนิสสันไทยรุ่ง
ประเด็นของการผ่อนส่งนั้นก็ต้องไปผ่อนส่งกับเอสเอ็มอีแบงก์ พี่น้องรู้ไหมว่าใครเป็นผู้จัดการ ก็คือ คุณโชติศักดิ์ ก็เป็นคนของไทยรักไทย เป็นคนของคุณหน่อย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แล้วก็ได้อยู่ในวงการไทยรักไทยมาตลอด พอพ้นจากเอสเอ็มอีแบงก์ พ่อแม่พี่น้องจำได้ไหมว่า คุณโชติศักดิ์ ได้รับปูนบำเหน็จรางวัลให้เป็นผู้ว่าการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ในยุคก่อน 19 กันยา หลังจากนั้นก็ลาออกไป ที่มีการปฏิวัติรัฐประหาร วันนี้คุณโชติศักดิ์ ซึ่งเป็นตัวจักรกลในการปล่อยกู้แท็กซี่เอสเอ็มอีนี้ และก็เป็นคนที่ต้องรับผิดชอบกับหนี้เสียที่มากกมายมหาศาลของเอสเอ็มอีแบง์ ซึ่งถูกปล่อยให้กับบรรดานักการเมือง และธุรกิจฝ่ายคุณทักษิณ ที่เอสเอ็มอีแบงก์เสียหายมากมายเหลือเกิน คุณโชติศักดิ์จะต้องรับผิดชอบ น่าเสียดายที่การสอบสวนดำเนินการเรื่องนี้ยังไปไม่ถึงไหน ในขณะเดียวกันวันนี้คุณโชติศักดิ์ มีข่าวแว่วว่า กำลังจะกลับมามีตำแหน่งหน้าที่ที่สำคัญในบอร์ดรัฐวิสาหกิจอีก เมืองไทยมันก็มีแต่เรื่องเน่าๆ วงจรที่อุบาทว์ตลอดไป
ทีนี้กลับมาที่แท็กซี่เอื้ออาทร เขาบอกว่ารถที่เข้าร่วมโครงการมีทั้งหมด 1,500 คัน มีปัญหาอันเนื่องมาจากการใช้งาน ไม่ว่าจะอะไหล่ และเรื่องอุปกรณ์ภายใน เมื่อตรวจเช็กแล้วพบว่าอุปกรณ์ภายในนั้นมันไม่ใช่อุปกรณ์แท้ เขาบอกว่าตัวแทนเคยร้องเรียนมาแล้ว ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ จึงเดินทางมาร้องเรียนอีกครั้งเพื่อให้สอบสวนหาข้อเท็จจริง และปรับโครงสร้างของราคาเช่าซื้อแท็กซี่เอื้ออาทร นอกจากนี้ขอให้นายกรัฐมนตรีช่วยระงับความรับผิดชอบของผู้ค้ำประกันในกรณีที่ธนาคาร และบริษัทยกเลิกสัญญาจากการขาดส่ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เพราะทราบว่าธนาคารและบริษัทที่ขายรถ ได้ร่วมมือกันเพียงนำรถที่ยึดไปออกขายทอดตลาด และเอื้อประโยชน์ให้พรรคพวกตัวเอง ในขณะเดียวกันขอให้ตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลในส่วนของเอสเอ็มอีแบงก์ ซึ่งมีส่วนรู้เห็นที่มาที่ไปของโครงการนี้แต่ต้น
พี่น้องครับโครงการแท็กซี่เอื้ออาทรนั้น ถ้าจะเล่าเบื้องหลังให้ฟังพี่น้องคงจะต้องรู้นิดหนึ่ง จริงๆ แล้วโครงกาให้แท็กซี่มีรถเป็นของตัวเองนั้น ความคิดนี้ริเริ่มมาจากคุณวิโรจน์ นวลแข กรรมการผู้จัดการบริษัทธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในขณะนั้นคุณวิโรจน์ ต้องการจะสร้างผู้ประกอบการ ไม่ต้องการให้คนขับแท็กซี่ไปผ่อนส่งอะไรมากมายนัก และถ้าจะต้องผ่อนส่ง ก็มีสิทธิ์ที่จะมีรถเป็นของตัวเอง คุณวิโรจน์ ก็เลยคิด ไม่ใช่แค่ 1,500 คนเท่านั้น คุณวิโรจน์คิดว่าน่าจะถึงเวลาแล้วที่คนขับแท็กซี่ที่ผ่อนอยู่ สามารถมีรถเป็นของตัวเองได้ ด้วยเงินดาวน์ที่ต่ำมากๆ และดอกเบี้ยที่ถูก เสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะมีการบริการให้หลายๆอย่าง ปรากฏว่าไอเดียนี้ก็ถูกนำเสนอไปยังคุณทักษิณ ชินวัตร คุณทักษิณ ก็เห็นช่องทางเลยสั่งไม่ให้แบงก์กรุงไทยทำ ถ้าให้ทำระบบตรวจสอบ ระบบความโปร่งใส สูงกว่าเอสเอ็มอีแบงก์มากมาย ก็เลยโยนมา แล้วก็หาช่องทางให้เอสเอ็มอีแบงก์ทำ
เอสเอ็มอีแบงก์ทำ วิธีการก็คือว่าเมื่อแท็กซี่ก็เหมือนกับประชาชนที่จำเป็นต้องไปซื้อกล้ายาง ตอนรัฐบาลบอก เอากล้ายางให้ เอาไปปลูกเถอะ แล้วยางก็จะได้เจริญเติบโต จะได้มีผลประโยชน์จากน้ำยา ทำให้สามารถคืนทุนได้ และผมก็เคยเอามาพูดในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ว่า กล้ายางเป็นกล้ายางที่ไม่สมบูรณ์ ปลูกไปแล้วมันไม่ได้ตามที่ต้องการ และเป็นต้นกล้ายางที่บกพร่อง แม้กระทั่ง สตง.ก็ตรวจสอบแล้ว จนกระทั่งมีคดีกล้ายาง ทุจริตกล้ายางขึ้นมา เรื่องราวก็ถูกดำเนินการไปจนกระทั่งเรื่องทุจริตกล้ายางนั้นก็อยู่ในศาลฎีกา แผนกคดีอาญา ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
แท็กซี่เอื้ออาทรก็เช่นกัน เริ่มจากความคิดของคุณวิโรจน์ นวลแข ที่ต้องการให้คนทำมาหากิน แต่ความคิดนี้ถูกดัดแปลงไปโดยรัฐบาลชุดคุณทักษิณ ชินวัตร เพื่อแทรกผลประโยชน์เข้าไปทุกจุด ที่มาคือว่า รถราคาแค่ 6 แสนกว่าบาท ทำไมกลายเป็น 1 ล้านกว่าบาท ก็ไม่กลายเป็น 1 ล้านบาทได้อย่างไร เมื่อใครก็ตามจะไปกู้เอสเอ็มอีแบงก์เพื่อจะทำแท็กซี่เอื้ออาทร แทนที่จะกู้แค่ 6 แสนกว่าบาท รถแท็กซี่เอื้ออาทรมีเพียงแค่รถยนต์ใหม่ ติดแอร์ให้ดี พนักงานขับรู้เส้นทาง และสุภาพเรียบร้อย ติดเครื่องหมายบัตรประชาชน บัตรประจำตัวคนขับรถอยู่ข้างหลังเบาะให้คนเห็นชัดๆ แค่นี้ก็ทำมาหากินทุกวันนี้เขาสามารถจะหารายได้แล้ว เหลือแล้วผ่อนส่งได้วันละ 400 บาท เขาผ่อนส่งวันละ 400 บาทได้แล้วครับ เขาไม่ต้องไปส่งค่าแท็กซี่วันละ 500 - 600 บาท ให้กับเจ้าของ ทุกวันนี้เขาสามารถที่จะหารายได้ เหลือที่จะผ่อนส่งได้วันละ 400 บาท เดือนหนึ่งผ่อนส่งได้หมื่นกว่าบาท 4 - 5 ปี เขาได้แท็กซี่เป็นของเขา พอ 5 ปีแล้วเขาขับไป เขาก็มีเงินเก็บ รถคันหนึ่งถ้าเขารักษาดีๆ เขาใช้ไปถึง 7 ปี เมื่อเขาผ่อนส่งไปได้ 5 ปี เขามีการทำมาหากินอยู่ได้ในจำนวน 5 ปี เลี้ยงลูกเลี้ยงเมียได้ แล้วพอครบ 5 ปี เขาไม่พอใจ จะขายรถทิ้งเขาก็ยังมีเงินเหลืออีกหลายแสนบาท เป็นทุนที่จะไปพัฒนาต่อเนื่องที่จะไปทำธุรกิจเล็กๆของเขาได้ แต่ปรากฏว่า แทนที่รถจะราคา 600,000 บาท ก็มีการบังคับให้ติดจีพีเอส จีพีเอสคือระบบแผนที่ผ่านดาวเทียม เขามองว่าแท็กซี่ต้องมีจีพีเอส พี่น้องครับระบบจีพีเอส แม้กระทั่งในอเมริกายังทำได้ไม่เต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ ทำได้อย่างมากก็ 70 เปอร์เซ็นต์ บริษัทที่เข้ามาทำจีพีเอส ก็ต้องจ่ายเงิน หรือคนที่เกี่ยวข้องต้องไปวิ่งเต้นเอสเอ็มอีแบงก์ หรือผู้ที่เป็นเจ้าของโครงการเพื่อบังคับให้แท็กซี่ทุกคันติดจีพีเอส และผู้ที่มาร้องเรียนก็บอกว่ารถวิ่งอยู่ที่สามเสน จีพีเอสไปปรากฏว่าขณะนี้รถวิ่งอยู่ที่สำโรง มันก็ใช้ไม่ได้ และแท็กซี่ตอ้งเสียค่าบริการจีพีเอสรายเดือน ทั้งๆที่ข้อตกลงแล้ว จีพีเอสขึ้นเมื่อไหร่ต้องจ่ายเเท็กซี่หัวละ 20 บาท
นอกจากนั้น ไม่พอ ยังต้องมีที่รูดบัตรเครดิต เพื่ออะไร ในกรณีที่คนไทยขึ้นแท็กซี่แล้วไม่มีเงินสดจ่ายก็สามารถจะเอาบัตรเครดิตรูดได้ คือเลียนแบบฝรั่งไปหมด การเลียนแบบฝรั่งนั้นองค์ประกอบของการเลียนแบบเหมือนกันเป๊ะ แต่เนื้อหาที่แท้จริงทำแบบฝรั่งไม่ได้ เพราะว่าคนไทยที่ขึ้นแท็กซี่ทุกคนล้วนแล้วแต่มีเงินสดทั้งสิ้น ไม่มีใครไม่มีเงินสด น้อยเหลือเกิน แล้วตัวบัตรเครดิตมันก็ต้องไปเชื่อม มันจะไปเชื่อมตรงไหนละครับ จู่ๆ ซี้ซั้วมารูดได้อย่างไร มันต้องเชื่อมเข้าเครือข่ายสัญญาณของระบบโทรศัพท์มือถือ ส่วนจะไปเข้าระบบใครคนนั้นก็ได้ไป แล้วมันก็เชื่อมต่อไม่ได้ มนก็เจ๊งอีกเป็นข้อที่ 2 ทำไม่ได้
3.ติดตั้งโทรทัศน์ติดรถยนต์ 7 นิ้ว 1 เครื่อง และมีจำนวนค่าโฆษณา 7 ชิ้น แล้วอ้างว่าผู้เช่าซื้อจะได้ค่าโฆษณาคันละ 500 - 800 บาทต่อเดือน ก็มีคนหัวใสได้กำไรจากค่าขายโทรทัศน์ 7 นิ้ว 2.มีคนเหมาโฆษณา ซึ่งผมไม่รู้ว่าเป็นบริษัทใด บริษัทนั้นก็สามารถจะโฆษณาในรถแท็กซี่โดยอ้างได้ แล้วก็เก็บเงินค่าโฆษณามาก็ให้เขาเดือนละ 500 - 800 บาท เขาบอกว่า จนวันนี้เมื่อติดตั้งไป 1 ปี ยังไม่มีวี่แววจะจ่ายค่าโฆษณาให้กับผู้เช่าซื้อเลย ก็ยังไม่ได้จ่าย รูดบัตรเครดิตนะครับ จะได้ค่าธรรมเนียมใบละ 5 บาท ต่อครั้ง แต่เครื่องดังกล่าวก็ใช้ไม่ได้ เครื่องเชื่อมสัญญาณจีพีเอส จะได้ค่าธรรมเนียมครั้งละ 20 บาท ก็ไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ เพราะว่ามันจะต้องเข้าไปเชื่อมเครือข่ายเอกชนรายอื่น เพราะฉะนั้นแล้วทั้งหมดเบ็ดเสร็จคือกระบวนการเข้ามารุมทึ้งคนจน โดยใช้แท็กซี่เป็นเหยื่อ แล้วแท็กซี่อยากได้รถ เขาก็บอกว่าเดี๋ยวให้แท็กซี่เอื้ออาทรให้ ไปผ่อนเลย วันละ 400 - 500 บาท นี่นะฝีมือของรัฐบาลคุณทักษิณ ชินวัตร เสร็จเรียบร้อยแล้วระหว่างที่ตั้งโครงการก็มีนักการเมืองเอาของต่างๆมาโหลดในแท็กซี่ แล้วให้ใครจ่าย คนขับแท็กซี่ครับ คนขับแท็กซี่แทนที่จะได้รับประโยชน์จริงๆ ที่พอจะทำมาหากินได้ทันที ก็ต้องมาแบกรับภาระต่างๆ เหมือนกับที่ไม่จำเป็น ที่ตัวเองไม่ต้องการเลย
เหมือนกับรายการเงินกู้กองทุนหมู่บ้าน พี่น้องจำได้ใช่ไหม กู้ไปวัตถุประสงค์เพื่อเอาไปทำมาหากิน ปรากฏว่าเมื่อกู้ไปแล้วก็ไปไซื้อโทรศัพท์มือถือ ซื้อรถมอเตอร์ไซค์ ซื้อจักรยานยนต์ ไม่ได้เป็นการกู้ไปเพื่อสร้างผลผลิตให้ตัวเอง แต่เป็นการกู้ไปเพื่อความฟุ่มเฟือย การเอาเงินลงไปในที่ที่ประชาชนรากหญ้าอยู่ หาใช่การเข้าไปช่วยอย่างจริงจัง อย่างที่มีเจตนาจะช่วยไม่ แต่แอบแฝงด้วยผลประโยชน์ทางการค้า ส่วนใครได้ประโยชน์ทางการค้าก็ไปเช็กดูซิครับ ก็เป็นเครือข่ายที่โยงใยกับระบอบทักษิณ ด้วยเหตุนี้พี่น้องจะเห็นได้ชัดเลยว่าเรื่องราวต่างๆเหล่านี้ เป็นเรื่องของการใช้รากหญ้า ใช้คนจนเป็นเครื่องมือ และที่น่าเสียดายที่สุด รากหญ้า และคนจนอีกมายหลาย ยังไม่ได้รับข้อมูลไม่เข้าใจเรื่องราวต่างๆนี้ เหมือนกรณีแท็กซี่เอื้ออาทรเช่นนี้ คุณสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ซึ่งท่านคุมการสื่อสารของประเทศไทย โดยผ่านช่อง 11 และช่อง 9 กลับไม่ได้ทำเรื่องราวอย่างนี้เลยเป็นกิจลักษณะ เป็นเรื่องราว สารคดี หรือผู้ที่ออกรายการทั้งช่อง 9 และช่อง 11 มาถกเรื่องปัญหานี้ หรือเอาตัวแทนผู้ที่ถูกคดโกงมาออกรายการทั้งช่อง 11 และช่อง 9 ไม่ทำ กลับเงียบสนิท พี่น้องรู้ไหมทำไมไม่ทำ ผมจะเล่าให้ฟัง
เหตุผลเพราะว่า โครงการแท็กซี่เอื้ออาทร และสามล้อตุ๊กตุ๊กเอื้ออาทร เป็นโครงการของคุณเนวิน ชิดชอบ สมัยนั้น พี่น้องจำได้หรือเปล่าว่า คุณเนวิน ต้องการสร้างพลังในแผ่นดิน โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร เป็นพลังของคุณทักษิณ อะไรที่จะสร้างได้ ต่างจังหวัดนั้นสร้างง่าย ก็เพราะว่าต่างจังหวัดสามารถจะให้หัวละ 300 - 500 ได้ แล้วกวาดต้อนเหมือนวัวเหมือนควายขึ้นรถ แล้วก็มาชุมนุม แต่ในกรุงเทพฯ คนต้องทำมาหากิน ก็ไม่มีอะไรดีกว่าช่วยเหลือพวกแท็กซี่ทำมาหากินได้ เพื่อแท็กซี่พวกนี้จะได้เป็นพวกของคุณทักษิณ ชินวัตร หรือพวกของรัฐบาลชุดทักษิณ ชินวัตร แล้วก็ไม่ใช่เพราะเครือข่ายอันนี้หรือ ทุกวันนี้ที่มีปัญหาอยู่ในกรุงเทพฯ ที่มีวิทยุชุมชนแท็กซี่ ที่มีแท็กซี่ขับไป แล้วก็พูดถึงเรื่องคุณงามความดีของคุณทักษิณ แล้วก็ด่าพันธมิตรฯ ด่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จาบจ้วงไปจนถึงสถาบัน ไอ้คนขับแท็กซี่นี่แหละคือผลพวงของคุณเนวิน ชิดชอบ นี่แหละคือยักษ์ที่ถูกปล่อยออกจากขวดเพียงเพื่อเอามาทำลายพันธมิตรฯ เสร็จเรียบร้อยกลายเป็นทำลายชาติบ้านเมือง แท็กซี่บางคันหลงเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่า พล.อ.เปรม ท่านคือหัวหน้าค้ายาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มาเล่าให้ฟังน่าตาเฉยเลยว่า เหตุผลที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องสู้กับ พล.อ.เปรม เพราะ พล.อ.เปรม นั้นค้ายาเสพติด นี่คือวิธีโฆษณาชวนเชื่อเข้าไปสู่คน ซึ่งใจชอบอยู่แล้ว เพราะว่าได้รับของเอื้ออาทรมา ก็เลยต้องพูดเชียร์
พี่น้องลองมาย้อนหลังนิดหนึ่ง ผมจะให้ดู ว่าหลังประมาณ 5 ปีกว่า วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ.2547 คุณทักษิณ ชินวัตร ได้เชิญแท็กซี่ประมาณเกือบ 2,000 คัน ไปรับประทานอาหารกับคุณทักษิณ ที่ทำเนียบรัฐบาล และคุณทักษิณ ก็ไปพูดจาส่งเสริมให้กำลังใจ และพูดเพื่อที่จะให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีคนนี้เห็นใจคนหาเช้ากินค่ำ ถามว่าลูกมีปัญหาไหม ถ้าลูกมีปัญหาไม่มีทุนการศึกษา เรียกคุณจาตุรนต์ ฉายแสง มาบอกให้เอาเงินหวยบนดิน ที่ตัวเองมาอย่างผิดกฎหมาย เอาเงินหวยบนดินได้มาแล้วจ่ายเป็นทุนการศึกษาไป เท่ากับว่าใช้เงินที่หลอกให้ประชาชนเล่นการพนัน เสร็จแล้วเอาเงินการพนันประชาชนมาให้ทุนการศึกษากับคนจน เอาเงินคนจนซึ่งหลอกให้ไปเล่นการพนันมาให้ทุนการศึกษากับลูกหลานบางคนเท่านั้นเอง เพื่อแสดงว่าตัวเองรักคนจน แต่ว่าข้อเท็จจริงนั้น ไม่ใช่ การที่เอาแท็กซี่ให้ ก็โกหกหมด บอกให้ใช้ก๊าซเอ็นจีวี ก็หันไปสั่ง น.พ.พรหมมินทร์ เลิศสุริเดช ซึ่งตอนนั้นก็เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เอาก๊าซเอ็นจีวีติดให้ ซึ่งวันนี้แท็กซี่ที่ติดเอ็นจีวีน้อยมาก เหตุผลเพราะก๊าซเอ็นจีวีมันหนัก และมันบรรจุได้แค่ 100 กิโลฯ แค่นั้นเอง แท็กซี่ไม่พร้อมที่จะติด และอีกอย่างปั๊มซึ่งเป็นเอ็นจีวีหายากมาก
เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ยังจะบอกว่า เอาใครเดินตั๋ว บอกตำรวจให้ยกเลิกใบสั่งวันนี้ซะ ซึ่งท่านทำแบบนี้ท่านก็ทำผิดกฎหมาย ท่านจะไปบอกตำรวจซึ่งปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องตามกฎหมายให้ยกเลิกได้อย่างไร ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จนในที่สุดแล้วก็มาถึงช่วงของการชุมนุมแท็กซี่ต่อ พูดง่ายๆ ว่า ระดมคนซึ่งหลงเชื่อในการโฆษณาชวนเชื่อ หลังจากทำแท็กซี่เอื้ออาทร เลี้ยงแท็กซี่เมื่อเดือนพฤษภาคม เสร็จเรียบร้อยสร้างกระแสให้เกิดขึ้นว่าคุณทักษิณ เป็นนายกฯคนเดียวที่เห็นใจแท็กซี่ แล้วแท็กซี่ส่วนใหญ่เป็นใครละครับ ร้อยละ 90 เป็นพี่น้องที่มาจากภาคอีสานทั้งสิ้น แท็กซี่พวกนี้ก็จะบอกกลับไปที่บ้านตัวเองว่า นายกฯ ทักษิณ รักคนอีสาน รักประชาชน แต่ว่ามันเป็นยาพิษที่เคลือบด้วยน้ำตาล เสร็จแล้วก็ปรากฏออกมาเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2548 ได้มีการชุมนุมคนแท็กซี่ที่สนามกีฬา แล้วคุณทักษิณ ก็ถือโอกาสใช้เวทีนั้นเป็นเวทีหาเสียงทางการเมือง กล่าวโจมตีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพูดคำซึ่งเป็นคำอุบาทว์ที่สุดออกมาว่า "จู่ๆ จะมากล่าวหาว่าผมไม่จงรักภักดี ถ้าคนอย่างผมไม่จงรักภักดีแล้ว แล้วผีที่ไหนจะจงรักภักดีวะ" เห็นหรือยังพี่น้อง นี่คือที่มาของแท็กซี่เอื้ออาทร
47 , 48 ,49 ,50 ,51 ,52 มัน 5 ปี เต็มๆ พี่น้องกว่าความจริงมาจะเปิดเผย หลังจากแท็กซี่เอื้ออาทรบาดเจ็บ ชอกช้ำ ทนไม่ไหวกับการผ่อนส่งรถ แล้วเริ่มรู้ว่าตัวเองถูกหลอก จะโผล่ขึ้นมาแล้วเอาความจริงมาเปิดเผย 5 ปีพี่น้อง ผมสู้มาตั้งแต่ปี 48 , 49 ,50 ,51 แล้วก็ต่อ 52 ผมสู้มา 4 ปีกว่า แล้วจนวันนี้ยังมีประชาชนอีกไม่น้อย และมีสื่อมวลชนอีกมาก ตลอดจนรายการตอนเช้าๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่อง 3 ไม่ทราบว่าโง่หรือแกล้งโง่ ก็ยังเอาความเท็จมาพูด ไม่ยอมเอาเรื่องราวที่เป็นความจริงที่เราพูดมาออกมา มีเฉพาะแค่ ASTV กับหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก และหนังสือพิมพ์แนวหน้า แค่นั้นเองพี่น้อง ในหนังสือพิมพ์ประเทศไทย และทีวีประเทศไทยที่กล้าพูดความจริง เอาความจริงมาเผย
พี่น้องครับ น่ากลัวนะสังคมไทยทุกวันนี้ ผ่านยุคคุณสุรยุทธ์ จุลานนท์ มาแล้ว ผ่านยุคคุณสมัคร สุนทรเวช มาแล้ว ผ่านยุคคุณสุรยุทธ์ ที่มี ดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กระบวนการให้ความรู้ประชาชนก็ไม่ไปอยู่ไหน พอผ่านมายุคคุณสมัคร คุณสมชาย ที่มีคุณจักรภพ เพ็ญแข และคุณสุรพล ฟองงาม เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ก็กระโดดเข้าไปจัดการช่อง 11 ทันที เอาช่อง 11 เปลี่ยนเป็นช่องเสื้อสีแดงทันที แล้วก็เอาช่องนั้นตีความเศร้าเล่าความเท็จ ด่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้านเดียว เรานึกว่าอะไรจะดีขึ้นพอมายุคคุณสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ทุกอย่างก็กลับไปเหมือนยุคคุณธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ เหมือนเดิม ASTV และพวกเราเคยเดือดร้อนขนาดไหน บาดเจ็บขนาดไหน จากยุคสมัยคุณทักษิณ ต่อมายุคคุณสุรยุทธ์ ต่อมายุคของคุณสมัคร ต่อมายุคคุณสมชาย และมาจนยุคนี้ก็ยังเหมือนเดิมพี่น้องไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็ยังถือโล่สังกะสี ขี่ม้าก้านกล้วย ถือไม้ดาบออกมารบกับความชั่วช้าเหมือนเดิม ไม่มีอะไรที่เราจะไปกำลังใจ หรือเข้มแข็งขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียวพี่น้อง
พักกันสักครู่ครับ เดี๋ยวกลับมาเรื่องอื่นๆ
(เบรก)
Good Morning Thailand สวัสดีตอนเช้า โลกที่น่ามหัศจรรย์มาก ข่าวต่อไปที่จะต้องพูดกันนิดหนึ่งก็คือข่าวที่ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ คือข้าวไทยใส่โสร่ง เหมือนไม้ใส่โสร่ง แปลว่าอะไร ที่แปลก็คือว่า ตอนนี้ข้าวทะลักเข้ามาในประเทศไทยมากจากพม่า เพราะคุณภาพข้าวที่ส่งเข้ามานั้นเป็นคุณภาพข้าวที่ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก และก็มีการส่งข้าวออกมาขาย เพราะว่าพม่านั้นอาจจะมีข้าวเหลือ หรือมีการต้องการทำกำไร วิธีการก็คือ สมัยก่อนข้าวเข้านั้นเข้าโดยที่ไม่มีการตรวจสอบ แต่พอมาช่วงหลัง เข้ามาประมาณ 2 ล้านกว่ากิโลฯ แล้ว เยอะเหลือเกิน ก็เลยทำให้เกิดการตรวจสอบขึ้นมา ศุลกากรเข้ามาเช็ก ก็เลยมีคนเข้าไปวิ่งเต้นเอาใบอนุญาต เขาเรียกใบอนุญาต WTO ว่า เฮ้ยเนื่องจากว่าเป็นประเทศที่ผลิตทางเกษตรกรรม ก็สามารถจะสั่งข้าวเข้ามาได้ ก็เลยมีการซื้อขายใบอนุญาต ปรากฏว่าข้าวที่มานั้นเขาก็มีการตรวจสอบเฉยๆ ว่าเข้ามาใครได้ใบอนุญาตบ้าง พอได้เท่าไรแล้วก็ออกไป ไม่มีการติดตามว่าข้าวพวกนี้หายไปไหน อันนี้น่าสนใจมากพี่น้อง ผมจะเล่าให้ฟัง
ลักษณะข้าวที่จะหายไป หายไปได้ 2-3 อย่าง อย่างแรก เอาข้าวราคาถูก คุณภาพต่ำ ส่งขายศูนย์ผู้อพยพของสหประชาชาติ ซึ่งปริมาณก็จะไม่มากนัก อีกประการหนึ่งก็ส่งมาทางแถวอ่างทอง สิงห์บุรี นครปฐม เข้าโรงสีต่างๆ เพื่อเอามาขายประชาชนในราคาแพงขึ้น อันที่ 3 ที่น่าสนใจ มันมีการจำนำข้าว เมื่อจำนำข้าวแล้ว บางทีข้าวคุณภาพสูงกว่าพม่าถูกเอามาจำนำ ก็อาจจะเอาข้าวที่จำนำไว้ จำนำคือสมบัติไม่ใช่ของคนที่เอาเข้าไปจำนำ แต่ว่าฝากเอาไว้ที่คนขอจำนำ เอาข้าวพวกนี้ออกไปขายในราคาแพง แล้วเอาข้าวพม่าเข้ามาแทนที่ เพราะฉะนั้นแล้วโอกาสที่มันจะเป็นเช่นนี้ มีสูงมาก และด้วยความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ที่มาตรวจสอบ คือการตรวจสอบโกดังระหว่างที่ไม่มีข้าวเลย กับมีข้าวอยู่เต็มไปหมด ถึงจะมีข้าวคุณภาพห่วยลง อย่างน้อยที่สุดมันก็กล้อมแกล้มบอกไปได้ว่าการจำนำนั้นถูกต้อง
เห็นไหมครับพี่น้อง นี่คือยุทธวิธีอันหนึ่งของการทำมาหารับประทานในการคอร์รัปชั่นได้หมดทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ประเทศชาติจะเหลือแค่กระดูก เหมือนอย่างที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตามหาบัว ท่านเคยพูดในยุครัฐบาลทักษิณว่า การโกงกินนั้นมันไม่ได้กินแค่ผิวเผิน มันบุกเข้าไปถึงตับถึงปอดแล้ว ถึงข้างในหมดแล้ว ประเทศไทยจะไม่เหลืออะไรเลย
ข่าวต่อไปที่ต้องพูดก็คือ ปีนี้ WTO หรือองค์การค้าโลก ยืนยันมาแล้วนะครับว่าเศรษฐกิจปีนี้จะติดลบ 9 เปอร์เซ็นต์ พี่น้อง 9 เปอร์เซ็นต์นี่เรื่องใหญ่มากนัก เขาบอกว่าเลวร้ายที่สุดตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ตั้งกี่ปีแล้วครับพี่น้อง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เยอะมาก เพราะฉะนั้นวิกฤตภาคการเงิน การธนาคาร ก็ทำให้เงินทุนมันขาดแคลน เมื่อทำให้เงินทุนมันขาดแคลนแล้ว มันก็เลยไม่มีการขยายตัว ซึ่งเศรษฐกิจโลกต้องการการขยายตัว เพื่ออะไร เพื่อให้มีการหมุนเวียนกันต่อไป เพื่อให้คนนั้นสามารถจะค้าขายต่อ และคนจะได้มีเงินใช้ และหมุนกลับไปสู่วัฏจักรเดิม
องค์การค้าโลกบอกว่าอย่างนี้ บอกว่าเดี๋ยวนี้ประเทศต่างๆ เริ่มกีดกันการค้ามากขึ้น เอ้า ไม่กีดกันได้อย่างไรล่ะ ประเทศที่ฉลาดเขาต้องเอาประชาชนเขา สังคมเขาอยู่รอดก่อน ประเทศที่มัวหลงใหลในเรื่องความเป็นสากลก็จะโง่ ก็จะเปิดประเทศ เหมือนครั้งหนึ่งที่มีวิกฤตค่าเงินบาท มีนายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนเดียวเท่านั้นเองในภูมิภาคนี้ คือท่านมหาเธร์ ซึ่งท่านปิดประเทศทางการเงิน ท่านบอกใครมีเงินริงกิตอยู่ทั่วโลก ให้มาแลกกลับคืนภายใน 7 วัน หลังจากนั้นแล้วท่านไม่รับแลก คนก็เอามาแลกคืนหมด พอแลกคืนหมดท่านก็เลยเพ็ก (peg) เงินริงกิตไว้เลย เพ็กก็คือว่า ท่านตั้งราคาเลยว่า 1 ดอลลาร์เท่ากับกี่ริงกิต ถ้าผมจำไม่ผิดประมาณ 4-5 ริงกิต และท่านตั้งราคาถาวร ราคาถาวรนี้ก็เลยทำให้คนนั้นมาเก็งกำไรค่าเงินไม่ได้ มาเลเซียก็เลยรอดพ้นจากความพินาศฉิบหายของค่าเงินตกได้ในขณะนั้น แต่ประเทศไทยไม่ใช่ ประเทศไทยเราเศรษฐกิจตก ค่าเงินบาทเริ่มตก แทนที่จะรักษา 56 ไฟแนนซ์ สถาบันการเงินเอาไว้ไม่ให้ล้ม หรือไม่ปิด มันก็ยังไม่ไปซ้ำกระทืบ เหมือนกับคนกำลังเซ พี่น้องเข้าใจไหม เมื่อเซแล้วเราก็ประคอง 56 ไฟแนนซ์ไว้ เพื่อให้เขายืนตัวได้ แต่ไม่ใช่พอเซปั๊บ รัฐบาลไทยชุดนั้นก็เตะตัดขาคนนั้นเลย ก็ล้มตึงลงไปเลย ก็เลยทำให้ทุกอย่างพินาศฉิบหายหมด และคนที่ทำเช่นนั้นชื่อ ดร.ทนง พิทยะ ครับพ่อแม่พี่น้องให้จำเอาไว้
พี่น้องครับ เศรษฐกิจตกนั้นลามไปถึงทุกเรื่อง ลามไปถึงเรื่องสายการบินทั่วโลก สายการบินทั่วโลกนั้นรายได้จะลดลง 62,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 13 เปอร์เซ็นต์ ของยอดรายได้ทั้งหมด เยอะนะพี่น้อง เพราะทุกปีมันต้องเพิ่ม 2 เปอร์เซ็นต์ 3 เปอร์เซ็นต์ ไม่เพิ่มยังไม่ว่า นี่ดันลดไป แล้วไม่ได้ลดแค่ 2-3 เปอร์เซ็นต์ ลดถึง 13 เปอร์เซ็นต์นะครับ แล้วเขาบอกว่ายังไงรู้ไหมครับ เขาบอกว่าวันที่เกิดเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน พ.ศ.2544 ที่เวิลด์เทรดนั้น สายการบินทั่วโลกรายได้ลดลงแค่ 7 เปอร์เซ็นต์เอง หรือลดลง 23,000 ล้าน วันนี้เราไม่มีวิกฤตทางการเมือง เราไม่มีการระเบิดที่ไหน เราไม่มีสงครามใดๆ ทั้งสิ้น เรามีแต่ความพินาศฉิบหายของสังคมที่มีแต่ความโลภ คือสหรัฐฯ สังคมการเงิน ก็เลยทำให้เศรษฐกิจลด ทำให้สายการบินนั้นลดลงไปถึง 13 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าสมัย 11 กันยาฯ ถึง 6 เปอร์เซ็นต์ 11 กันยาฯ ลดแค่ 7 เปอร์เซ็นต์ มูลค่า 23,000 ล้านเหรียญ แต่ว่าวันนี้ลดลงถึง 13 เปอร์เซ็นต์ มูลค่า 62,000 ล้านเหรียญ เพราะฉะนั้นการท่องเที่ยวต่างๆ ก็ลดลงด้วย ไม่ว่าจะเป็นจีน ที่การท่องเที่ยวลดลงถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ญี่ปุ่นนั้น GDP ลดลงถึง -5.5 เปอร์เซ็นต์ การขนส่งสินค้าทางอากาศนั้นหายไป 20 กว่าเปอร์เซ็นต์
เพราะฉะนั้น พี่น้อง นอกจากเราจะไม่ได้เป็นการปิดสนามบินแล้ว เพราะคนปิดสนามบินคือคุณเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ คู่เขยของคุณวีระ มุสิกพงศ์ ตามหลักฐานของการอ้างอิงของการประชุมบอร์ดการท่าฯ แล้ว เราไม่ได้เกี่ยวกับผู้โดยสารหรือนักท่องเที่ยวที่มาเมืองไทยเลย ทุกอย่างเป็นผลพวงจากการลดของ 13 เปอร์เซ็นต์ทั่วโลก ก็คนมันจะมาได้อย่างไรล่ะพี่น้อง วันนี้บ้านช่องถูกยึดที่อเมริกาหมด แล้วคนจะมีเงินเหลือเหรอที่จะมาเที่ยวเตร่ซัมเมอร์ เวเคชั่น (Summer vacation) อย่างดีคนอเมริกาที่เคยเที่ยวต่างประเทศ อย่างดีก็เอาแค่ไปเที่ยวแกรนด์แคนยอน ไปเที่ยวโยเซมิติ (Yosemite) วนอุทยานโยเซมิติ หรือไปเที่ยวในอเมริกา หรือคนที่มีเงินน้อยหน่อย เคยไปเที่ยวแกรนด์แคนยอน ก็เลิกเที่ยวเลย ก็บอกอยู่บ้าน เที่ยวอยู่ที่สวนสาธารณะที่บ้านดีกว่า มันเป็นธรรมชาติครับพ่อแม่พี่น้อง เพราะฉะนั้นธุรกิจการท่องเที่ยวลดลงนั้นไม่ใช่เป็นปัญหาของพันธมิตรฯ นอกจากเป็นปัญหาของโลกแล้ว ก็ไม่ได้เกี่ยวกับการปิดสนามบิน เพราะว่าเราไม่ได้ปิดสนามบิน คนปิดสนามบินคือคุณเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ให้พี่น้องจำชื่อคนๆ นี้เอาไว้ให้ดี พวกเราต้องเช็กบิลไอ้หมอนี้ไปจนตาย ไปจนตายพี่น้อง คนที่ปิดชื่อนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ แล้วก็ถูกพวกนักการเมืองพรรคเพื่อไทยเอามากล่าวหาว่าพวกเราเป็นคนปิด
คุณไปดูหลักฐานให้ดี ทีคุณเอาหลักฐานเรื่องเกี่ยวกับเส้นทางเดินเงินของพรรคประชาธิปัตย์ที่รับเงินมาจาก TPI คุณมาอ้างว่านี่คือของจริง ผมถามกลับ แล้วหลักฐานของการประชุมคณะกรรมการการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ที่ตำหนิเสรีรัตน์ ที่ปิดสนามบินโดยพลการ ทำไมคุณไม่เชื่อในหลักฐานอันนี้บ้าง หรือคุณจะเชื่อในหลักฐานที่ทำให้คุณได้ประโยชน์ ส่วนหลักฐานที่คุณมาด่าพันธมิตรฯ คุณก็ไม่เชื่อ เห็นหรือยังพี่น้อง
พี่น้องครับ มาที่ข่าวอีกข่าวหนึ่งที่สำคัญมากนะครับ คือข่าวของประเทศจีน พี่น้องจำได้ไหมผมเคยเล่าให้พ่อแม่พี่น้องฟังเรื่องประเทศจีน ผมบอกว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ระหว่างประเทศ ว่านายกรัฐมนตรี ผู้นำประเทศที่ต้องถือว่าใหญ่ 1 ใน 5 ของโลก ออกมาเตือนประเทศอีกประเทศหนึ่งคือสหรัฐอเมริกา ว่า เฮ้ย USA ลื้อระวังหน่อยนะ อั๊วมีเงินฝากไว้กับลื้อเยอะ ลื้อดูแลเงินอั๊วดีๆ นะ อย่าให้เงินอั๊วเสียหาย ไม่ได้เด็ดขาดนะ พี่น้องครับ ประเทศจีนเป็นคนที่มีเงินตราต่างประเทศถืออยู่ในมือมากที่สุดในโลก ถืออยู่ 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ แล้วเขาถือในรูปแบบอะไรพี่น้อง เขาถือในรูปแบบพันธบัตร พันธบัตรเป็นเงินยูโรก็มี พันธบัตรเป็นเงินเยนก็มี และพันธบัตรเป็นเงินดอลลาร์เสียส่วนใหญ่
เมื่ออเมริกามีการล่มสลายทางภาคการเงิน ความเป็นห่วงเงินและมูลค่าเงิน เงินมันจะมีค่าหรือไม่มีค่ามันอยู่ที่มูลค่าเงิน พี่น้องไม่เชื่อลองถามสมัยยุค 2541 สิ คนที่ส่งลูกไปเรียนสหรัฐอเมริกา และส่งลูกไปเรียนอังกฤษ หรือแม้กระทั่งออสเตรเลีย เจ็บปวดไหมล่ะ จากปอนด์ละ 40 กว่าบาท 35 บาท กลายเป็นปอนด์ละ 70 กว่าเกือบ 80 จาก 1 ดอลลาร์ 20-25 บาท กลายเป็นดอลลาร์ละ 52 บาท ล้มทั้งยืน หลายๆ คนต้องเดินทางกลับมาเรียนต่อที่เมืองไทย เพราะพ่อแม่ไม่มีปัญญาส่ง เพราะฉะนั้นมูลค่าของดอลลาร์
ทีนี้ มูลค่าของเงินที่เราแลกต่อดอลลาร์นั้นมันจะต้องมั่นคง ในขณะเดียวกัน ถ้าท่านถือเงินของท่านเป็นเงินดอลลาร์ ท่านก็ต้องเป็นห่วง ใช่ไหม เหมือนจีนที่ถืออยู่ 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ จู่ๆ เงินดอลลาร์ตกไปทีละ 3 เปอร์เซ็นต์ 2 เปอร์เซ็นต์ ตกไปเรื่อยๆ ก็ตายสิ เท่ากับว่าทำมาค้าขายมาไม่มีความหมายเลยแม้แต่นิดเดียว นายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรี เลยต้องเตือนอเมริกาไป สนุกสนานล่ะคราวนี้ หลังจากนั้นอเมริกาก็ไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น อเมริกาก็เริ่มออกมาตรการต่างๆ อย่างเช่น เอาเงินมาอีก 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่ออะไรรู้ไหม เพื่อซื้อหนี้เสียธนาคารออกมาหมดเลย ก็เลยทำให้หุ้นในอเมริกา 2-3 วันที่ผ่านมา มันขึ้นปุ้บๆๆ ขึ้นตลอดเวลา เพราะว่าได้มีการเคลียร์หนี้เสียออกมาแล้ว ธนาคารก็จะมั่นคง และจะสามารถปล่อยกู้ต่อไปได้
ทีนี้การทำเช่นนี้มีปัญหาอะไร ก็คือสรุปง่ายๆ ว่าอเมริกาเอาตัวเองรอดก่อน ส่วนคนต่างชาติมาฝากเงินเป็นเงินดอลลาร์กับเขา เขาไม่แคร์ เขาเรื่องของมึง สมัยก่อนดอลลาร์แลกได้ 1.05 ดอลลาร์เท่ากับ 1 ยูโร วันนี้เหลือ 1.3738 ดอลลาร์เท่ากับ 1 ยูโร ถ้าอีกหน่อยจะเป็น 1.4015 เป็น 1 ยูโร กูไม่แคร์ ดีเสียอีก เงินหยวนสมัยก่อน 8.9 หยวนต่อ 1 ดอลลาร์ เดี๋ยวนี้เหลือ 7. กว่าหยวนต่อ 1 ดอลลาร์ ถ้าดอลลาร์มันจะตกไปเหลือแค่ 5 หยวนต่อ 1 ดอลลาร์ กูก็ไม่แคร์ เพราะว่าเงินมึงแข็ง เงินกูถูก ในที่สุดแล้วกูก็ส่งออกไปหามึงได้มากขึ้น นี่ไงคือสิ่งที่จีนเขากลัว และล่าสุดพี่น้อง ภาษาอังกฤษอีก Shit hits the fan ผู้ว่าแบงก์ชาติจีน เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เขียนบทความเรื่องว่า น่าที่จะพิจารณาในการประชุมจี-20 เดือนเมษายนนี้ ว่าน่าจะให้พิจารณาว่า น่าจะเอาเงินสกุลตราอื่นๆ มาแทนที่ดอลลาร์ได้แล้ว การที่โลกทั้งโลกต้องพึ่งดอลลาร์อยู่อันเดียวนั้นไม่มีเหตุผล และจะเป็นการทำร้ายทำลายเศรษฐกิจโลก
น่าสนใจมากพี่น้อง น่าสนใจตรงไหนรู้ไหม บทความพวกนี้ธรรมดาจะเป็นภาษาจีน แต่งวดนี้เขาทำเป็นภาษาอังกฤษด้วย เพื่อเป็นการส่งสัญญาณไปให้กลุ่มประเทศ จี-20
ทีนี้ บางครั้งความคิดก็ถูกต้อง แต่ลำบากเหมือนกันพี่น้อง ลำบากตรงไหนรู้ไหม คนมันถือเงินสกุลดอลลาร์กันทั่วโลก การที่จะเปลี่ยนทีเดียวนั้นคงต้องใช้เวลา ผมคิดว่าอเมริกานั้นต้องประพฤติตัวประพฤติตนให้ดีกว่าเก่า ที่สำคัญคือต้องคำนึงถึงคนที่ให้กู้อเมริกา คนที่ให้กู้คือพวกเรา ไทย ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน ให้กู้อย่างไรล่ะ ก็คือว่า มีเงินสำรองดอลลาร์และเอาไปฝาก เอาไปซื้อพันธบัตรเขา นี่คือการให้เขากู้ ต้องคำนึงว่าต้องรักษามูลค่าเงินของตัวเองให้ดี นั่นก็คือว่า บางครั้งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของเขาน่ะ อย่าแก้แบบแก้ผ้าเอาหน้ารอด แก้แล้วต้องคำนึงถึงผู้ถือหุ้นด้วย เพราะว่าผู้ถือหุ้นก็คือผู้ให้กู้ไง แก้ผ้าเอาหน้ารอดก็คือว่า ราคาดอลลาร์จะตกไปแค่ไหนเรื่องของมึง กูไม่สนแล้ว ขออย่างเดียว ขอให้ประเทศของตัวเองรอด จริงๆ แล้วนี่คือปรัชญาที่มันเริ่มเกิดขึ้นในทั่วโลกแล้ว ทุกๆ ประเทศกำลังมีกันอยู่นะครับ
พี่น้องครับ ข่าวต่อไปเป็นข่าวเรื่องสุขภาพนิดหนึ่ง เป็นเรื่องที่น่าสนใจ ผมนะพี่น้อง หนึ่ง เป็นคนชอบขาหมูมาก ชอบกินหมูติดมัน ถ้าเป็นหมูกระเทียมพริกไทยต้องเอาติดมัน ทอดให้มันเกรียมหน่อย หรือไข่ ผมก็จะชอบกินไข่แดง อย่างเช่นไข่ดาว ก็จะตัดไข่ขาวออก ช่วงแรกๆ ของวิทยาศาสตร์การแพทย์เขาจะบอกว่า พวกคนกินหมูติดมันจะมีคอเรสเตอรอลสูง พวกกินไข่แดงก็จะมีคอเรสเตอรอลสูงและก็ตายเร็ว ทุกคนก็จะเตือนสติมา อ้าวตายล่ะ ผมนี่ยังไม่ตาย แข็งแรง แข็งเอาๆ แรงเอาๆ แข็งแรง เพราะฉะนั้นเมื่อมันเป็นเช่นนี้ ปรากฏว่าเมื่อวานนี้มีผลสำรวจจากอังกฤษออกมาแล้ว เขาบอกว่ายังไงพี่น้อง บอกตรงกันข้ามหมดเลย ว่าไอ้คนที่กินเนื้อแดงนี่ละจะตายก่อน มีโอกาสเป็นมะเร็งสูง ส่วนไอ้คนที่กินมันกลับมีความเสี่ยงน้อยลง เอ้อ!! โลกมันช่างไม่ยุติธรรม เห็นหรือยังพี่น้อง เพราะฉะนั้นแล้ว ผมจะบอกว่าอะไรที่เป็นความจริงวันนี้ กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ถ้ามันยังจริงตลอดไป มันก็จริงตลอดไป เหมือนอย่างที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยสู้ระบอบทักษิณมา ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เรื่องราวที่ระบอบทักษิณทำ เหมือนเรื่องแท็กซี่เอื้ออาทรที่ผมพูดให้พี่น้องฟังเมื่อกี้นี้ จะกี่ปีกี่ชาติกลับมา มันก็เป็นจริง เพียงแต่ว่ามันใช้เวลานานเกินไป ที่ความจริงอันนี้จะโผล่ แต่อะไรที่มันพิสูจน์ว่ามันผิดตั้งแต่ต้น บางทีนักวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วยังไม่มีการทดสอบกันอย่างจริงจัง นี่ครั้งนี้เขาใช้คนทดสอบ 5 แสนคนนะครับ ทั่วโลก เขาถึงมีข้อสรุปลงมา
อีกอันหนึ่งเขาบอกว่า คนที่กินเนื้อหมูนั้น ควรจะมีกินเนื้อสัตว์มีปริมาณไม่ควรจะเกินเท่ากับเบคอน 2 ชิ้น พอแล้ว ผมเป็นคนซึ่งเลิกทานเนื้อมานานแล้ว เพราะว่าเนื้อเป็นอาหารที่ย่อยยากมาก และเนื้อมาจากวัวซึ่งเป็นสัตว์ใหญ่ และอีกอย่างหนึ่งผมเองก็นับถือเจ้าแม่กวนอิม ก็เลยเลิกทานเนื้อ ที่สำคัญคือผมอยากให้ประชาชนคนไทยทานปลามากขึ้น ทานปลาแม่น้ำมากขึ้น เพราะปลาเป็นอาหารเพียงอย่างเดียวขณะนี้ที่ไม่ได้มีสารเร่ง เขาไม่มีการเร่งปลาให้โตเร็ว เขามีแต่เร่งไก่ เร่งหมู เร่งวัว แต่ปลาเขาเร่งไม่ได้ เพราะฉะนั้นปลายังปลอดภัยมากที่สุดครับ
พี่น้องครับ ตอนนี้มีข่าวกีฬาชิ้นหนึ่งจะให้ดูนะครับ มีการแข่งขันเบสบอลคลาสสิค ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่น เป็นการแข่ง เขาเรียก World Classic คือนักกีฬาเบสบอลทั่วโลกมาแข่งกันที่นี่ ปรากฏว่าปีนี้ญี่ปุ่นชนะเกาหลี แต่ประเด็นไม่ใช่การแข่งขัน ประเด็นคือ ผู้เชี่ยวชาญกีฬาเบสบอลเขาเล่าให้ฟัง ที่อเมริกา เขาเขียนบทความมา เขาเขียนน่ารักมาก เขาบอกว่า เบสบอลครั้งนี้ที่ญี่ปุ่นชนะไม่ได้แปลว่าอเมริกาเล่นไม่ดี แต่ว่าคนทางเอเชียเล่นกีฬาเบสบอลดีขึ้นเยอะ และที่สำคัญคือ ในการแข่งเบสบอลทีมอเมริกาไม่ค่อยส่งมือดีๆ ไป เพราะทำไมรู้ไหม เพราะมือดีๆ นั้นจะอยู่ภายใต้สังกัดสโมสรต่างๆ สโมสรเขาซื้อมือพวกนี้มาเป็นสิบๆ ล้านเหรียญ เหมือนสโมสรซื้อเบคแฮมไป เขาก็ไม่ส่งคนที่เขาจ่ายเงินไปเยอะ เอาไปเพื่อจะไปแข่งกับเวิลด์ซีรีส์ เพราะถ้าแข่งแล้วคนของเขาบาดเจ็บ เขาเรียกพิตเชอร์ คือคนขว้างลูก ถ้าแขนหลุดออกมา การลงทุนเขาหมดไป นี่คือเหตุผลที่ทำให้ญี่ปุ่นชนะ
ปรากฏว่าตอนนี้เริ่มมีเรื่องแล้ว คนที่อเมริกาซึ่งเป็นเจ้าของสโมสร เริ่มคิดแล้วว่า อาจจะจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีนี้ แต่ที่สำคัญไม่ใช่อย่างนั้นพี่น้อง ที่สำคัญคือปรัชญาการเล่น คนเขียนคนนี้ เขาพูดชัดเลย เขาพูดว่าอย่างไรรู้ไหม เขาพูดบอกว่า ไปดูคนญี่ปุ่น คนเกาหลี เล่นเบสบอลแล้วเข้าใจเลย เพราะเบสบอลเขาจะตี 3 ที 1..2..3.. เขาบอกนักกีฬาอเมริกามันจะตีเพื่อโฮมรันอย่างเดียว ทั้ง 3 ทีเลย เอ้ามา ขว้างมา ป๊อก ตีเพื่อให้มันเก็บไม่ได้ เขาเรียกโฮมรัน ทั้ง 3 ที นักกีฬาอเมริกาก็เลยกลายเป็นคนที่เห็นแก่ตัว เพื่อหวังแต่ชื่อเสียงตัวเอง แต่ของญี่ปุ่นมันจะตีหวังโฮมรันเพื่อตัวเอง 2 ครั้ง พอพ้นครั้งที่ 2 แล้วมันเลิกคิดตัวเองแล้ว มันคิดถึงทีมว่า เฮ้ย งวดนี้จะทำยังไงให้พรรคพวกที่ยืนตามจุดต่างๆ มันวิ่งได้ เพราะฉะนั้นมันก็ไม่เน้นที่โฮมรันแล้ว มันจะเน้นที่การเอาไม้สะกิดลูกนิดหนึ่ง ให้ลูกมันเป๋ไปทางขวา เพื่อให้พรรคพวกมันเริ่มมูฟจากฐานที่ 1 ไปฐานที่ 2 เขาบอกนี่คือสปิริตของทางตะวันออก ซึ่งเน้นครอบครัว เน้นสังคมเป็นใหญ่ แต่สปิริตทางตะวันตกนั้น เน้นตัวเองเป็นใหญ่ แต่ผมว่านักเขียนวิเคราะห์อันนี้คงจะไม่ได้มาดูที่เมืองไทย เพราะเมืองไทยเดี๋ยวนี้นักการเมืองเมืองไทยมันเล่นเบสบอลไม่ได้หรอก เพราะว่ามันเน้นตัวเองเป็นใหญ่ทุกอย่าง เน้นผลประโยชน์ตัวเอง
พี่น้องครับ เวลาหมดแล้ว เอาสั้นๆ มีข่าวชิ้นหนึ่ง ที่แมนฮัตตันบีช ที่แคลิฟอร์เนีย ผู้หญิงคนหนึ่งถูกข้อกล่าวหา แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่อยู่แล้ว ขโมยบัตรเครดิต ขโมยไอเดนติตี้ (Identity) ขโมยชื่อเสียงของคนๆ หนึ่งมาเพื่อขอบัตรเครดิต แล้วก็เอาบัตรเครดิตนั้นไปทำอะไรรู้ไหมพี่น้อง ไปทำนม สมัยก่อนพี่น้องจำได้หรือเปล่า เราจะมีคนขโมยของ ทำโจรกรรม ทำอาชญากรรม เพื่อเสพยาเสพติด วันนี้เราเริ่มมีคนทำอาชญากรรมเพื่อไปทำนม ทำจมูกแล้ว What a Wonderful World โลกมันเปลี่ยนไปเยอะนะครับ
ดูคำถามนะครับ คุณเปี๊ยก ชุมแพ อยากให้ผมเตือนคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้ทำงานเต็มที่กว่านี้หน่อย - ผมขี้เกียจเตือนแกแล้วครับ ผมไม่เกี่ยวข้องกับแกนะครับ แกทำดีแกได้ดี แกทำชั่วแกได้ชั่วนะครับ เพราะคุณทักษิณบอกแล้วไม่ใช่หรือว่ากรรมติดออนไลน์ / อยากให้ตรวจสอบดวงเฉลิม เป็นทหารได้อย่างไร คุณบุญช่วย เมื่อไรผู้รับผิดชอบจะถอดยศดวงเฉลิมเสียที - ก็อีกเหมือนกันนะครับ คุณพูนสุข โคราช อยากให้รายการนี้ทำซีดีขาย - ครับขอบคุณครับ อยากให้ทำซีดีรายการนี้ - คุณธเนศ กทม. เวลาไปต่างจังหวัดอยากให้พูดข้อมูลแบบที่ออกรายการนี้บ้าง - คุณสามารถ ปทุมธานี / คุณประสิทธิ์ นิวยอร์ก ถ้านักการเมืองเน่าๆ ตายหมดแล้วประเทศไทยจะเจ๊งไหม หรือจะดีขึ้น - อะไรที่มันเน่าตายหมดแล้ว มันก็หอมสิครับ ประเทศก็จะอากาศดีขึ้น / คุณสุชัย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย ไม่ทำอะไรเลย เมื่อไรจะปฏิรูป NBT สักที ถ้าทักษิณไม่ตาย ประเทศชาติคงไม่สงบ - ก็ช่วยถามตรงเขาหน่อยนะครับ / คุณจินตนา นครศรีธรรมราช อยากให้ผมตรวจสอบเรื่องสัญญาประนอมหนี้การศึกษา - ครับ เดี๋ยวจะดูให้ครับ / คุณธเนศ กทม. อยากให้ทำซีดีเพื่อให้คนที่ไม่มีโอกาสได้ดู / คุณประจักษ์ ฝั่งธนฯ ชอบการเปลี่ยนแปลง ASTV มีรายการดีๆ เยอะมาก โดยเฉพาะในช่วงตอนเช้า และเป็นรายการสนธิ และต่อด้วยรายการของคุณปอง - อ่ะ พี่ปองยิ้มหน่อย / คุณใจเพชร ลำปาง อยากให้คุณสนธิวิเคราะห์เรื่องรหัส 901 ของในหลวง ว่ามีความหมายว่าอย่างไร - ไม่เอาครับ / คุณภมร จันทบุรี รักคุณสนธิและ ASTV มาก / คุณประทีป เพชรบูรณ์ ... โอ๊ย อีกเยอะครับ
พี่น้องครับ ข้างนอกอากาศสดใส เดี๋ยวผม ดร.ชัยอนันต์ คุณเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และ อ.ปราโมทย์ นาครทรรพ ก็จะไปรอรับฟังคำพิพากษา จะออกมาอย่างไรผมรับได้หมด พี่น้อง รักจะเป็นนักสู้ของประชาชนแล้ว จำได้ไหมพี่น้อง จุดเทียนเล่มแรกมันต้องบาดเจ็บ สวัสดีครับพี่น้อง เดี๋ยวรายการต่อไปเจอกับพี่ปอง-น้องเก๋ ในรายการตอนเช้าที่ทุกคนติดกัน