“สดศรี” เผย ดีเอสไอ ชี้ ปชป.ใช้เงินกองทุนพัฒนาการเมือง เข้าข่ายทำนิติกรรมอำพราง เหตุจ่ายเงินโดยไม่มีสัญญาจ้าง มีความผิดถึงขั้นยุบพรรคได้ หงุดหงิดประธาน กกต.ใช้อำนาจนายทะเบียนพรรคการเมือง ไม่เสนอเรื่องเข้าที่ประชุม แนะเชิญดีเอสไอร่วมตรวจสอบเอกสาร เผยช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค.มีการยื่นตั้งพรรคใหม่ 5 พรรคการเมือง
วันนี้ (19 มี.ค.) นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีการใช้เงินกองทุนพัฒนาการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกกล่าวหาว่าใช้จ่ายโดยไม่ถูกต้อง และดีเอสไอส่งเอกสารมาให้ กกต.ตรวจสอบ ว่า ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์นำเงินที่ได้จากกองทุนเพื่อพัฒนาพรรคการเมืองไปใช้ถูกต้องหรือไม่ เพราะกรณีที่เกิดขึ้นอยู่ในช่วงของชุด พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ เป็น ปธ.กกต.ซึ่งขณะนั้นทาง กกต.ก็ได้มีการจ้างบริษัทตรวจบัญชีเอกชนมาทำการตรวจสอบบัญชีงบดุล ที่แต่ละพรรคการเมืองรายงาน ซึ่งเป็นการตรวจสอบเฉพาะเอกสารที่ส่งมาว่าดำเนินการอย่างถูกต้องหรือไม่ แต่ไม่ได้ลงลึกไปตรวจสอบว่า บริษัทที่ว่าจ้างกันนั้นมีตัวตนจริงหรือไม่
สำหรับกรณีนี้ทางพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้ส่งเอกสารหลักฐานที่เป็นสำเนาเช็คในการว่าจ้างจำนวน 8 ฉบับ แต่ไม่มีหลักฐานที่เป็นสัญญาจ้าง ซึ่งกรณีดังกล่าวนี้ทาง ดีเอสไอ เคยประสานมาว่า กรณีนี้ทางพรรคประชาธิปัตย์ไม่น่าจะดำเนินการอย่างถูกต้อง พร้อมกับมองว่า เงินที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับไป กับเช็คที่ส่งให้ กกต.น่าจะเป็นนิติกรรมอำพราง ที่เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 94 สามารถเอาผิดถึงขั้นยุบพรรคได้ ซึ่งทางดีเอสไอก็ได้ระบุมาในคำร้องที่ส่งให้ กกต.ตรวจสอบการใช้เงินครั้งนี้ด้วย
“ไม่เข้าใจว่า ทำไมประธาน กกต.ไม่นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม กกต.ซึ่งตนเองก็ไม่สิทธิ์ที่จะไปท้วงติงได้ เพราะเป็นการส่งเรื่องถึงนายทะเบียนพรรคการเมือง และเป็นอำนาจที่นายทะเบียน จะนำเข้าบรรจุวาระการประชุมหรือไม่ แต่เบื้องต้นทราบว่านายทะเบียนฯ เตรียมส่งเรื่องให้กับคณะอนุกรรมการฯ นำไปตรวจสอบ” นางสดศรี กล่าวและว่า ส่วนตัวเห็นว่าก่อนที่จะมีการเปิดกล่องเอกสารหลักฐานที่ทางดีเอสไอนำมามอบให้กับ กกต.นั้น ควรมีการเชิญให้ทางดีเอสไออยู่ร่วมด้วย เพื่อตรวจรับรองเอกสารที่ส่งมาว่าถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ ก่อนส่งให้คณะอนุกรรมการไปสอบข้อเท็จจริง
นางสดศรี กล่าวด้วยว่า การตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของประชาธิปัตย์ที่ผ่านมา กกต.ก็จะตรวจโดยยึดเอกสารที่ประชาธิปัตย์ส่งมาเป็นหลัก ด้วยการใช้วิธีการสุ่มตรวจใบเสร็จที่นำเสนอมา ซึ่งไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติแต่หากมีการร้องเรียนเข้ามาเราก็จะสามารถลงไปตรวจสอบเชิงลึกในรายละเอียดนั้นได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีกระแสข่าวว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ได้ส่งตัวแทนเข้ามาจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมืองกับทางกกต. เพื่อรองรับการถูกยุบพรรคหากมีขึ้นเพราะขณะนี้มีการร้องเรียนให้มีการตรวจสอบหลายกรณี อาทิ ให้ผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งช่วยจัดตั้งรัฐบาล ใช้เงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองไม่เป็นไปตามแผนงานโครงการที่เสนอกกต.เข้ามา เป็นต้น
โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ตั้งแต่เดือน ม.ค.-มี.ค.2552 มีการเข้าจดแจ้งจดตั้งพรรคการเมืองทั้งสิ้น 5 พรรค ประกอบด้วย 1.พรรคเงินเดือนประชาชน จดทะเบียนเมื่อวันที่ 16 ม.ค.2552 โดยมี นายอิ่นแก้ว เทียนแก้ว เป็นหัวหน้าพรรค และมี นายบุญสง เทียนแก้ว เป็นเลขาธิการพรรค มีกรรมการบริหาร 9 คน สมาชิกพรรค 19 คน พรรคตั้งอยู่ที่ 62 ซ.1 ถ.นาก่วม ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง 2.พรรคธรรมาธิปัตย์ จดทะเบียนเมื่อวันที่ 26 ม.ค.2552 โดยมี นายธันวา ไกรฤกษ์ เป็นหัวหน้าพรรค และมี น.ส.จรินยาภร ชื่นตา เป็นเลขาธิการพรรค มีกรรมการบริหารพรรค 9 คน สมาชิกพรรค 16 คน พรรคตั้งอยู่ที่ 46/172 หมู่ 12 ถ.นวลจันทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.
3.พรรคขัตติยะธรรม จดทะเบียนเมื่อวันที่ 19 ก.พ.2552 โดยมี ว่าที่ ร.ต.สุรภัศ จันทิมา เป็นหัวหน้าพรรค และมี นายอิปรัฐ กาญจนสุวรรณ เป็นเลขาธิการพรรค มีกรรมการบริหารพรรค 10 คน สมาชิกพรรค 19 คน พรรคตั้งอยู่ที่ 234 ถ.รัชดาภิเษก แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. 4.พรรคประชาภิวัฒน์ จดทะเบียนเมื่อวันที่ 23 ก.พ.2552 โดยมีนายสุทัศน์ จันทร์แสงแก้ว เป็นหัวหน้าพรรค และมี นายภณ รักตระกูล เป็นเลขาธิการพรรค มีกรรมการบริหารพรรค 8 คน สมาชิกพรรค 18 คน พรรคตั้งอยู่ที่ 84 ถ.สิรินทร แขวงและเขตบางพลัด กทม. และ5.พรรคแนวร่วมมาตุภูมิ จดทะเบียนเมื่อวันที่ 26 ก.พ.2552 โดยมี นายสากล ศรีเสมอ เป็นหัวหน้าพรรค และมีนิติทัต ภูมาศ เป้นเลขาธิการพรรค มีกรรมการบริหารพรรค 25 คน สมาชิกพรรค 25 คน พรรคตั้งอยู่ที่137 หมู่ 9 บ้านวังทอง ต.ผาสุก อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี
