xs
xsm
sm
md
lg

จี้ทบทวนดึงผอ.กต.จว.สอบชิงเก้าอี้ผอ.สำนัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ ที่ผ่านมาได้มีพนักงานได้ทำหนังสือถึงกกต.ให้มีการทบทวนในเรื่องการเสนอหลักเกณฑ์การพิจารณาแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงใหม่ เพื่อให้การแต่งตั้งบุคคลเข้าดำรง ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง (ผู้อำนวยการสำนัก) เป็นไปตามหลักการบริหารงานบุคคล คงไว้ซึ่งระบบและสายงานการบังคับบัญชา รวมทั้งเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม แก่ทุกฝ่าย
ทั้งนี้จากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) ได้มีการปรับเปลี่ยนโยกย้าย แต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงตามความเหมาะสมไปแล้วนั้นทำให้ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในส่วนของ ผอ.สำนักฯต่างๆ ที่ว่างลงจำนวน 7 ตำแหน่งก็ได้มีการตั้งหลักเกณฑ์ขึ้นมาว่า จะให้ รอง ผอ.สำนัก หรือผู้เชี่ยวชาญ ที่ดำรงตำแหน่งมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 2 ปี ได้รับเงินเดือนไม่ต่ำกว่า 37,110 บาท ได้มีการทดสอบสมรรถนะทางการบริหาร โดยใช้ข้อสอบของ กพ.จากนั้นหากผ่านการสอบสมรรถนะฯแล้ว ก็ให้มาแสดงวิสัยทัศน์ ต่อ กกต.เพื่อผู้พิจารณาให้คะแนน หากใครได้คะแนนผ่านเกณฑ์ ก็จะให้ดำรงตำแหน่งผอ.สำนัก ที่ว่างอยู่ โดยได้กำหนดสอบไว้เมื่อวันที่ 19 พ.ย. แต่ต้องเลื่อนออกไป เนื่องจากมีผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด (ผอ.กต.จว.) ได้ทำหนังสือขอ กกต.ว่า จะขอเข้าร่วมสอบสมรรถนะฯในครั้งนี้ด้วย โดยอ้างว่า ผอ.กต.จว.มีอายุงานมาก และ บางคนก็เงินเดือนสูงกว่าตำแหน่งรอง ผอ.และ ผู้เชี่ยวชาญ โดย กกต.ก็มีมติเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ โดยเห็นว่า น่าจะให้เข้าร่วมสอบ สมรรถนะฯ ด้วย จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการสอบใหม่เป็นวันที่ 2 ธ.ค. ซึ่งก็จะมี ผอ.กต.จว.บางจังหวัดที่สามารถเข้าสอบเข้าร่วมด้วย
แหล่งข่าวกล่าวว่า จากมติของกกต.ดังกล่าวทำให้พนักงานบางส่วนเห็นว่า การดำเนินการของ กกต. ผิดหลักการบริหารงานทั่วไปที่เคยยึดหลักปฏิบัติกันมา เพราะธรรมเนียมปฏิบัติในการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของสำนักงาน กกต.ที่ผ่านมา กรณีตำแหน่งผอ.สำนัก ว่างลงก็จะแต่งตั้งจากผู้ดำรงตำแหน่งรองผอ. สำนัก รวมทั้งการแต่งตั้งรักษาการในตำแหน่ง ผอ.สำนัก ไม่มีครั้งใดเลยที่แต่งตั้งจาก ผู้อำนวยการฝ่าย หรือผู้มีตำแหน่งเทียบเท่า
ซึ่งหลักการเข้าดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐอื่นๆ ก็ใช้หลักการเดียวกัน เช่นการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด ก็จะคัดเลือกและแต่งตั้งจากผู้ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้ตรวจราชการ ที่มีตำแหน่งเทียบเท่า ไม่เคยปรากฏว่า มีการแต่งตั้งปลัดจังหวัด หรือนายอำเภอที่ดำรงตำแหน่งในระดับ 9 เช่น เดียวกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดแต่อย่างใด เพราะการที่กกต.มีมติให้ผอ.กต.จว. ที่มีฐานะเทียบเท่ากับ ผอ.ฝ่าย มีสิทธิ์สอบด้วยนั้นจะเป็นการข้ามสายงานกัน
ทั้งนี้พนักงานกกต. อยากให้กกต.เลื่อนการสอบสมรรถนะทางการบริหาร ออกไปก่อน เพื่อให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้พิจารณาหลักเกณฑ์ต่างๆ อย่างเหมาะสม รอบครอบ และเป็นธรรม กับทุกฝ่าย และเห็นควรกำหนดคุณสมบัติผู้ที่มีสิทธิเข้าสอบสมรรถนะทางการบริหาร เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง เฉพาะผู้ดำรงตำแหน่งรอง ผอ.สำนัก และผู้ดำรงตำแหน่งอื่นที่มีฐานะเทียบเท่า ตามที่ กกต.เคยมีมติครั้งที่ 136/2551 เมื่อวันที่ 30 ต.ค.51
และเพื่อเป็นการเยียวยา ให้แก่ผอ.กต.จว. ผอ.ฝ่าย ผอ.ศูนย์ ผอ.สำนักงาน หรือ ตำแหน่งอื่นที่เทียบเท่า ซึ่งได้รับผลกระทบ จากการปรับปรุงโครงสร้างส่วนงานและระเบียบบริหารงานบุคคล พ.ศ. 2547 และแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 3 ) พ.ศ.2550 ให้มีสิทธิ์ในระดับเดียวกับรอง ผอ.สำนัก โดยเห็นควรให้กำหนดหลักเกณฑ์ ให้ผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวข้างต้น เฉพาะผู้ดำรงตำแหน่งมาไม่น้อยกว่า 4 ปี มีสิทธิ์สอบสมรรถนะเพื่อดำรงตำแหน่งในระดับเดียวกับรอง ผอ.สำนัก และให้ผู้ดำรง ตำแหน่งเทียบเท่ารองผอ.สำนักมาแล้วไม่น้อยกว่ากว่า 2 ปี เข้ารับการทดสอบ สมถรรนะเพื่อดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักต่อไป
อย่างไรก็ตามหาก กกต.เห็นว่าการบรรจุแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงมีความจำเป็น เร่งด่วน เพื่อให้มีผู้รับผิดชอบโดยเร็วและมิให้เกิดความเสียหายแก่องค์กร จึงเสนอ ให้ใช้หลักเกณฑ์เดิม ตามมติ กกต.ครั้งที่ 136/2551 เมื่อวันที่ 31ก.ค.51 โดยไม่ต้องยกเว้นเงื่อนไขระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง 2 ปี และดำเนินการชี้แจง ให้ผู้ที่อยู่ในเกณฑ์เข้าข่ายการประเมินสมถรรนะทุกคนได้รับทราบถึงความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งผอ.สำนัก หากไม่มีบุคคลที่เหมาะสมกับตำแหน่งที่ว่าง ก็ไม่จำเป็นต้องบรรจุแต่งตั้งให้ครบทุกตำแหน่ง และจัดให้มีการทดสอบสมถรรนะเพื่อบรรจุแต่งตั้งต่อไป
รายงานข่าวแจ้ง ว่า ทั้งนี้ในการเปิดสอบสมรรถนะนั้น กกต.มองว่าจะได้ไม่ถูกกล่าวหาโจมตีว่าเอาคนใกล้ชิด หรือเอาคนของตัวเองมาใส่ เหมือนอย่างสมัย พล.ต.อ. วาสนา เพิ่มลาภ เป็นประธาน กกต. เพื่อต้องการความโปร่งใส แต่ไม่ถูกหลักการบริหารงาน ดังนั้นจึงอยากให้ กกต.ได้มีการทบทวน ไม่เช่นนั้นพนักงาน กกต.ก็จะเกิดความเสื่อมกันในองค์กร ไม่มีความเคารพกัน ซึ่งกกต.เองก็บอกเสมอว่า ต้องการ ให้คนในองค์กรรักกันช่วยกันทำงาน แต่หาก กกต.บริหารงานเช่นนี้แล้ว จะให้พนักงาน มีกำลังใจทำงานกันอย่างไร ซึ่งเห็นว่าหาก ผอ.กต.จว.อยากจะเข้ามาทำงาน ในส่วนกลางก็น่าที่จะเข้ามาเป็นรองผอ.สำนัก เพื่อการเรียนรู้งานก่อน จากนั้นแล้วค่อยเลื่อนลำดับไปเป็นผอ.สำนัก ซึ่งก็น่าจะดีเสียกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น