xs
xsm
sm
md
lg

อัยการส่งฟ้องอดีตประธาน กกต. “วาสนา เพิ่มลาภ” ขึ้นเงินเดือนตัวเอง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อายุ 68 ปี อดีตประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
อัยการยื่นฟ้องแล้ว “พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ” อดีต ปธ.กกต.ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ มาตรา 157 ร่วมกับอดีต กกต. “ปริญญา นาคฉัตรีย์-วีระชัย แนวบุญเนียร-จารุภัทร์ เรืองสุวรรณ” ออกระเบียบขึ้นเงินเดือนตัวเอง

วันนี้ (24 ก.ย.) เวลา 10.00 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อายุ 68 ปี อดีตประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดและปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตาม ป.อาญา ม.157 ประกอบ ม.83 มีอัตราโทษจำคุก 1-10 หรือปรับ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ม.4

ตามฟ้องโจทก์สรุปว่า พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธาน กกต., พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ, นายปริญญา นาคฉัตรีย์ และนายวีระชัย แนวบุญเนียร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง อดีต กกต. จำเลยที่อัยการยื่นฟ้องเรื่องเดียวกันนี้ต่อศาลไปแล้วเป็นคดีดำ อ.3015/2552 และ 3302/2552 นายจรัล บูรณะพันธุ์ศรี อดีต กกต.ซึ่งเสียชีวิตแล้ว เป็นกรรมการในหน่วยงานของรัฐตาม ม.4 พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช.ฯ และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย กกต. พ.ศ.2541 ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต โดยเมื่อวันที่ 16 ส.ค.47 จำเลยกับพวกร่วมกันประชุม กกต.แล้วมีมติเห็นชอบร่างระเบียบ กกต.ว่าด้วยการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษของประธาน กรรมการ และ กกต. พ.ศ.2547 และให้ พล.ต.อ.วาสนา ประธาน กกต.ขณะนั้นออกระเบียบ กกต.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายค่าตอบแทนการปฏิบัติงานของ กกต. พ.ศ.2547 กำหนดเงินค่าตอบแทนการปฏิบัติหน้าที่ลักษณะเหมาจ่ายเป็นรายเดือนให้กับจำเลยกับพวกเดือนละ 20,000 บาท โดยให้ใช้บังคับย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.47 เป็นต้นไป ทั้งที่จำเลยทั้งสองกับพวกไม่มีสิทธิได้รับเงินดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมาย

ต่อมาวันที่ 3 ก.ย.47 พล.ต.อ.วาสนา ประธาน กกต. ขณะนั้นจำเลยได้ลงนามออกในระเบียบ กกต.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายค่าตอบแทนการปฏิบัติงานของ กกต. พ.ศ.2547 ฉบับลงวันที่ 3 ก.ย.47 อันเป็นการมีมติออกระเบียบที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และในวันที่ 6 ก.ย.47 จำเลยกับพวกยังได้ประชุมแก้ไขระเบียบดังกล่าวในข้อ 2 จากเดิม “ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.47 เป็นต้นไป” แก้เป็น “ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.47 เป็นต้นไป” จากนั้นในวันที่ 13 ก.ย.47 พล.ต.อ.วาสนา ยังได้ลงนามออกระเบียบ กกต.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายค่าตอบแทนการปฏิบัติงานของ กกต. พ.ศ.2547 ฉบับลงวันที่ 13 ก.ย.47 โดยแก้ไขข้อความในระเบียบเดิม กระทั่งวันที่ 28 ก.ย.47 จำเลยกับพวกได้อาศัยระเบียบดังกล่าวรับเงินค่าตอบแทนไปจากสำนักงาน กกต.คนละ 20,000 บาท ร่วมเป็นเงิน 100,000 บาท เหตุเกิดที่สำนักงาน กกต. อาคารศรีจุลทรัพย์ แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กทม. โดยจำเลยกับพวกทั้งหมด ได้ส่งเงินคืนต่อสำนักงาน กกต. ขณะที่ชั้นไต่สวนของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จำเลยให้การปฏิเสธ โดยโจทก์ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสอง และนับโทษจากคดีที่ศาลอาญาพิพากษาจำคุกจำเลยทั้งสองในคดีทุจริตจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไป เมื่อวันที่ 2 เม.ย.49 รวม 2 สำนวน รวม 6 ปีโดยศาลประทับรับฟ้องพิจารณาพิพากษา ขณะที่ พล.ต.อ.วาสนา อยู่ระหว่างยื่นประกันตัวต่อศาล โดยญาติได้ยื่นประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 1.2 แสนบาท ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว และนัดพร้อมคู่ความ วันที่ 9 พ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนกลุ่มอดีตตุลาการศาลรัฐธรรมรวม 13 คน ชุดที่มีนายกระมล ทองธรรมชาติ เป็นประธานและคณะผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา 3 คน ชุดที่มี พล.อ.ธีรเดช มีเพียร เป็นประธาน ซึ่งอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องด้วยนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างแจ้งหมายให้มารายงานตัวกับอัยการเพื่อนำตัวมายื่นฟ้องต่อศาลอาญาต่อไป

อย่างไรก็ดี สำหรับกรณีออกระเบียบเพื่อขึ้นเงินเดือนตัวเองนั้น ก่อนหน้านี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษาให้จำคุกประธานและกรรม ป.ป.ช. ทั้งคณะ 9 คน ชุดที่มี พล.ต.อ.วุฑฒิชัย ศรีรัตนวุฑฒิ เป็นประธาน เป็นเวลาคนละ 2 ปี ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แต่โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญา 2 ปี ซึ่งคดีดังกล่าวถึงที่สุดตามคำพิพากษา
กำลังโหลดความคิดเห็น