“ไอ้ตู่” ส่อนิสัย แค้นไม่เลิก กล่าวหา “มาร์ค” แต่งตั้งคนทำลายชาติมาเป็นรัฐมนตรี แถมทำให้เสียดินแดนระบุตอบแทนกลุ่มพันธมิตรฯ แก้กฎหมายโทษปิดสนามบินจากโทษประหารชีวิตเหลือแค่โทษปรับ 500 บาท ยันขอไม่ไว้วางใจ ซัดไม่เลือกว่านายกฯ หนีเกณฑ์ทหาร ทั้งยังเป็นนายกฯ จากทหารตั้ง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวหา “นายกฯ” ตอบแทน พธม.ลดโทษปิดสนามบิน-หนีทหาร
วันนี้ (19 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายต่อจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยอภิปรายโจมตีนายอภิสิทธิ์ และนายกษิต ว่า การจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ประชาชนรู้ดีว่า เป็นเพราะทหารเรียกนักการเมืองเข้าไปบ้านพัก ร. 1รอ. เพื่อบีบบังคับ จากนั้นส่งคนของตัวไปเป็นรัฐมนตรีเป็นได้อำนาจมาด้วยวิธีพิเศษ เป็นการสมคบกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ พันธมิตรและกองทัพ ซึ่งไม่เป็นประชาธิปไตยและแต่งตั้ง ส.ส.ที่ไปสมคบกับพันธมิตรที่ยึดทำเนียบรัฐบาล สนามบินสุวรรณภูมิมา เป็น รมว.ต่างประเทศ
นายจตุพร กล่าวว่า ทั้งนายอภิสิทธิ์ และนายกษิต ให้สัมภาษณ์และอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดที่แล้วอย่างรุนแรงว่า เป็นตัวการที่จะทำให้ประเทศ เสียดินแดน เสียอธิปไตย แต่วันนี้มาเป็นรัฐบาลกลับปล่อยให้ทหารกัมพูชาบุกรุกเข้าในเขตประเทศไทย 250 เมตร เพื่อสร้างถนนขึ้นเขาพระวิหาร แต่ตนมีหลักฐานจากกองกำลังสุรนารีได้ทำหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศและรัฐบาลให้ประท้วงการบุกรุกของทหารกัมพูชาถึง 9 ครั้งแต่ไม่มีการตอบสนองทำหนังสือประท้วงไปยังกัมพูชา แต่ นายกษิตแทงเรื่องนี้เป็นเรื่องลับทำให้ไม่ใครรู้ แต่ที่ตนรู้เพราะมีทหารจากกกองกำลังสุรนารีส่งเอกสารมาให้ การที่นายกษิตเคยบอกก่อนหน้านี้ว่า พื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นของไทยโดยไม่ต้องมีการพิสูจน์ วันนี้ทำไมถึงไม่ทำเรื่องอุทธรณ์ไปยังศาลโลก เพื่อขอรักษาสิทธิตรงนี้ไว้ วันนี้นายกฯและรมว.กลาโหมยังนั่งอยู่ในตำแหน่งได้อย่างไร
วันนี้จึงพิสูจน์ได้ว่า คนที่ทำให้เสียดินแดนจริงๆคือพวกท่าน ซึ่งใบเสร็จที่ชัดที่สุดคือ สิ่งที่รัฐบาลจะออก พ.ร.บ.ลดโทษให้กับผู้ที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นอาชญากรประเทศที่บุกยึดสนามบินให้เหลือโทษปรับเพียง 500 บาท ถ้าเป็นเช่นนี้ก็คงมีการยึดกันได้อีก 5 รอบ ชี้ให้เห็นว่า นอกจากนายกฯไม่ได้ยึดหลักนิติธรรม นิติรัฐแล้วยังออกกฎหมายมาช่วยพันธมิตรที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทั้งประเทศ
ทั้งนี้ นายจตุพร กล่าวว่า นายกฯชอบแสดงว่า เป็นคนมีมาตรฐานสูงออกกฎบังคับให้รัฐมนตรีต้องปฏิบัติตาม 9 ข้อ โดยเฉพาะรัฐมนตรีทุกคนต้องไม่มีอภิสิทธิ์ทางด้านกฎหมายเหนือประชาชนทั่วไป แต่ที่ผ่านมาไม่แค่หนีการเกณฑ์ทหารเท่านั้น แต่ประวัติการเมืองก็ยังสับสน โดยเฉพาะการสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ หลังได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. โดยข้อมูลระบุว่านายอภิสิทธิ์สมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ 15 มิ.ย.2535 แต่การเลือกตั้งเกิดขึ้นเดือนมี.ค.2535 เป็นข้อน่าสังเกตว่าหลังจากได้รับเลือกตั้งแล้ว 3 เดือนจึงมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค ทั้งที่ช่วงนั้นใช้รัฐธรรมนูญปี 2534 ที่ระบุว่าผู้สมัครจะต้องสังกัดพรรคการเมือง นอกจากนี้ในเรื่องการเกณฑ์ทหารที่ถือเป็นหน้าที่ของชายไทยทุกคน แต่ปรากฏว่าตั้งแต่ปี 2524 มีอายุครบ 17 ปี ย่าง 18 ปี ไม่ได้ไปขึ้นทะเบียนทหารกองเกินแต่ไปขึ้นตนอายุ 22 ปี ในวันที่ 4 ก.ค. 2529 ถือว่าเลยเกณฑ์ไปแล้ว 1 ปี แต่สัสดีพระโขนงกลับแจ้งลงบัญชีเป็นทหารกองเกินโดยไม่มีการปรับและตามหลักแล้วปีต่อไปนายอภิสิทธิ์จะต้องไปเลือกตามหมายเรียก จึงอยู่ในฐานะหนีทหารและเอกสารของทางราชการในปี 2535 ก็ยังอยู่ในบัญชีของคนขาดทั้งที่ช่วงนั้นเป็น ส.ส.แล้ว
นายจตุพรกล่าวว่า ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้แนะนำอาจเป็นคนที่ท่านเคารพและมีความสนิมกับ รสช.คนหนึ่งจึงได้เข้าไปสมัครรับราชการที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า หรือจปร.แต่ในการสมัครจะต้องแสดงหลักฐานสำคัญทางทหารคือ สด.9 หากไม่มีก็ต้องมีหลักฐานการผ่อนผัน แต่ใบสำคัญตรงนี้ก็ไม่มีไม่ทราบมีใครให้คำแนะนำท่านจึงได้กลับไปหาสัสดีเขตพระโขนงเพื่อขอใบแทน เพื่อนำมาประกอบกับใบ สด.43 ในการสมัครเป็นอาจารย์สอนใน จปร. ดังนั้นกระทรวงกลาโหมจึงไม่มีสิทธิ์บรรจุเข้ารับราชการ เพราะไม่แสดงใบ สด.9 แต่กลับมีการสร้างหลักฐานเท็จว่าเป็นทหารกองเกินเมื่อ 8 เม.ย.2531อยากถามว่า ท่านไม่รู้สึกอะไรเลยที่กว่าจะได้รับพระราชทานยศต้องรอถึง 9 เดือนในขณะที่คนอื่นไม่ถึง 6 เดือนก็ได้ยศแล้ว จึงถูกอดีต ส.ส.พรรคความหวังใหม่ 2 คนยื่นเรื่องให้ตรวจสอบ ซึ่งผลการตรวจสอบของกรมสารบรรณทหารบกที่ทำถึงกรมกำลังพลทหารบกเพื่อส่งให้พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ผบ.ทบ.สมัยนั้นโดยแจ้งผลการสอบสวนว่า นายอภิสิทธิ์ ไม่มีสิทธิ์ได้รับการบรรจุเข้ารับราชการและการสั่งบรรจุเข้ารับราชการของโรงเรียน จปร.ก็ไม่มีหลักฐานทางทหารมาบรรจุได้ มีการออกใบแทนโดยไม่มีการดำเนินคดีฐานหนีทหาร จึงถือว่า เจ้าหน้าที่บกพร่องต่อหน้าที่ จึงได้สั่งลงโทษทางวินัยแก่ พ.อ.หญิง สายไสว มาสมบูรณ์ ประจำกพ.ทบ.และสั่งให้ดำเนินคดีอาญาต่อ พ.ต.ทองคำ เดชเร สัสดีเขตพระโขนง
“คนอื่นที่เค้าหนีทหารโดนดำเนินคดีหมดไม่มีการยกเว้น แต่ท่านคงเป็นคนเดียวที่หนีทหารแล้ว ทหารยังจับมาเป็นนายกฯแล้วอย่างนี้ ผบ.ทบ.จะมีหน้าออกมารณณรงค์ให้ชายไทยทุกคนเข้ารับการเกณฑ์ทหารได้อย่างไร และที่เอาท่านมาเป็นนายกฯเพราะเขาสามารถดำเนินการและสั่งให้ท่านคืนเบี้ยหวัดเมื่อไรก็ได้ ทำให้กองทัพสามารถจะกดดันของบเพื่อซื้ออาวุธเท่าไรก็ได้”นายจตุพร กล่าว
ขณะที่บรรยากาศในการอภิปรายไม่คึกคักมากนักเมื่อเทียบกับช่วงที่ ร.ต.อ.เฉลิม อภิปรายอยู่ โดยมี ส.ส.เข้าร่วมบางตา เช่นเดียวกับรัฐมนตรี ขณะที่นายกษิต และนายกรัฐมนตรียังคงนั่งฟังการอภิปรายด้วยสีหน้าเรียบเฉย