“สนธิ” เหน็บ “เทพเทือก” เพิ่งรู้มี “แผนตากสิน” โยงคนเสื้อแดงป่วนชาติ จวก ส.ส.เพื่อแม้ว เชียงราย ยุ ชาวบ้านชักธงแบ่งประเทศ ไล่ไปอยู่พม่าดีกว่า เชื่อหลังศึกอภิปราย ส.ส.เพื่อแม้ว แห่เข้าซบเพื่อนเนวินแน่ คาดเลือกตั้งใหม่กวาด 200 ที่นั่ง แฉผู้บริหาร กบข.ร่วมมือคนใน ก.ล.ต.ใช้เงินกองทุนซื้อหุ้นปั่น แนะ “สมคิด หอมเนตร” ฟ้องศาลปกครองเพิ่ม คุ้มครองห้ามย้ายการบินไทย กลับสุวรรณภูมิ จวกผู้บริหารทีจี โกหก ชี้ในทางกลับกันควรย้ายบินไทยกลับดอนเมืองทั้งหมดดีกว่า
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "Good Morning Thailand"
รายการ “Good Morning Thailand” ดำเนินรายการโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน เวลา 06.00-07.00 น.วันจันทร์ถึงศุกร์ สำหรับวันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม 2552 ได้นำข่าวคราวต่างๆ มาวิเคราะห์ และนำเสนออย่างหลากหลายเช่นเคย
ท่านผู้ชมครับ พ่อแม่พี่น้องชาวพันธมิตรฯ ก็เป็นอีกวันนึงที่ต้องตื่นมาตี 4 เพื่อทำงานให้กับท่านผู้ชม พ่อแม่พี่น้อง ในรายการ ไม่ใช่เล่าข่าวตอนเช้านะครับ Good morning Thailand คือการอธิบายเรื่องราวต่างๆ มันหมดยุคของการเล่าข่าวแล้ว การเล่าข่าวคือการเอาข่าวที่เขาตีพิมพ์ในหน้าหนังสือพิมพ์มาแล้วพูด แล้วกระแหนะกระแหนกัน แต่ว่าการอธิบายข่าวนั้น เราจะพูดถึงนัยของข่าว ว่าข่าวชิ้นนี้มี่ความหมายอย่างไรบ้างนะครับ
วันนี้เป็นวันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พุทธศักราช 2552 เผลอประเดี๋ยวเดียว เลยกลางเดือนมีนาคมเข้าไปแล้ว นี่ผ่านพ้นปีใหม่มาก็เกือบ 3 เดือนแล้ว ยังไม่ทันไรจะหมดไตรมาสแรก เวลาผ่านไปเหมือนโกหก แต่ความชั่ว ความเลวทราม ความบัดซบของแผ่นดินก็ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไรลดน้อยลง เปลี่ยนไปแค่ตัวบุคคล เปลี่ยนไปแค่ผู้คน จิตใจที่สามานย์ก็ยังถูกยึดครองอยู่ในกลุ่มผู้มีอำนาจ เป็นเพียงแต่ว่า เป้าหมายเหมือนเดิม เพียงแต่ลดเป้าหมายบางอย่างออกไป ละทิ้ง แต่ว่าเป้าหมายหลักก็คือ โกงชาติกินบ้านกินเมือง ก็ยังเป็นเช่นเดิมครับพี่น้อง
วันนี้ข่าวที่ตอบโต้กันมากที่สุด น่าจะเป็นข่าวของการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะเกิดขึ้น รู้สึกว่าจะเป็นวันนี้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น เป็นธรรมชาติของลักษณะข่าวที่ต้องมีการตอบโต้กันไป ฝ่ายค้านก็จะบอกว่าตัวเองมีข้อมูลเด็ด ฝ่ายรัฐบาลก็จะบอกว่า ไม่กลัว พูดมาเถอะ แล้วก็จะมีการตอบโต้กันในเรื่องของเวลาที่จะพูด บางฝ่ายก็บอกว่าขอเวลา 2 วัน อีกฝ่ายก็บอกว่าขอ 3 วัน ทีคุณเป็นฝ่ายค้าน ผมเป็นรัฐบาลผมให้คุณ 3 วันได้
เป็นปกติธรรมดาของการตอบโต้กัน แต่ว่ามีประเด็นการตอบโต้บางอย่างที่จะเล่าให้ฟังกันนิดนึงเพราะว่า บางครั้งการตอบโต้นั้นมันสะท้อนให้เห็นถึงตัวตนที่แท้จริงของคนที่พูดนะครับ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อวานนี้ก็ได้อธิบายพูดถึงเรื่องแผนตากสิน คือ มันมีข่าวออกมาว่า กระบวนการเสื้อแดงจะมีแผนตากสิน ที่จะมาล้มรัฐบาล ทำไมถึงใช้คำว่า “ตากสิน” ก็อาจจะเป็นเพราะว่ามีความเชื่อนายพลทางเหนือว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คือ พระเจ้าตากสินกลับมาเกิด หรือมองอีกทีนึง ก็คือว่า พระเจ้าตากสิน ใช้คำว่าแผนตากสิน เพื่อเป็นการล้างแค้นให้กับพระเจ้าตากสิน ซึ่งได้หมดราชวงศ์ไป และมีราชวงศ์จักรีขึ้นมา ทุกอย่างมีนัยที่มันเลอะเทอะไปหมด และเป็นนัยที่ใช้ไม่ได้เหมือนกับแผนของการโปรโมทคุณทักษิณในเรื่องของพระยามูลเมือง
ความคิดต่างๆ เหล่านี้ คุณสุเทพ บอกว่า มันเป็นกระบวนการนะครับ ผมก็อยากจะเตือนคุณสุเทพ นิดนึงว่า ไอ้กระบวนการที่คุณสุเทพพูด คุณสุเทพ พูดบอกว่า มันเป็นกระบวนการมีขั้นตอนที่สอดรับกันต่อเนื่อง และมีเป้าหมาย ผมก็อยากจะกราบเรียนท่านรองนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้รู้ว่า กระบวนการนี้เขามีมาตั้งแต่ปี 2544 แล้ว เขาไม่ได้เพิ่งมีมา และเป็นกระบวนการที่วางแผนโดยฝ่ายซ้ายจัด ที่อยู่แวดล้อม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เริ่มมาตั้งแต่ปฏิญญาฟินแลนด์ ก่อนรัฐบาลซะด้วยซ้ำ แล้วก็พัฒนาต่อมาเรื่อยๆ มีการปรับแผน เปลี่ยนแผน แต่สรุปสุดท้าย ก็คือว่า ล้มอำนาจการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อสถาปนาอำนาจการปกครองในระบอบสาธารณรัฐขึ้น
คำพูดนี้ ผมเป็นคนพูดมาตั้งแต่ต้น ผมเป็นคนใส่เสื้อเหลือง ที่บอกว่าเราจะสู้เพื่อในหลวงนั้น เริ่มใส่มาเมื่อปี 2547, 2548 ตอนแรกๆ นั้น หลายคนก็ต่อว่าผม หลายคนก็กระแหนะกระแหนผม ผมก็ไม่ว่าอะไร เพราะว่าหลายๆ ครั้งนั้นถ้าเรามั่นใจ และเราเชื่อมั่น ศรัทธาในสิ่งที่เราทำ ตลอดจนสิ่งที่เราทำตั้งอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้อง บางครั้งมันต้องให้เวลาสังคมที่จะย่อยข้อมูลต่างๆ เหล่านั้น หรือว่าทำความเข้าใจกับข้อมูลนั้น หรือว่ารอให้เหตุการณ์ต่างๆมันเกิดขึ้น และก็ในการที่จะรอให้เหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น เราต้องทนเจ็บจากการถูกเยาะเย้ยถากถาง หรือทนเจ็บจากการที่จะต้องถูกปองร้าย ทำร้าย บีบคั้น จากฝ่ายที่เขารู้ว่าเรารู้ทันเขา เขาต้องการจะปิดปากเรา
ท่านผู้ชม และพ่อแม่พี่น้องจำได้ใช่ไหมครับ นี่แหละคือ การจุดเทียนเล่มแรกพี่น้อง น่าเสียดายที่ท่านรองฯสุเทพ ท่านเป็นคนที่ไม่ได้สนใจเทียนแห่งธรรม ท่านสนใจแต่เล่นการเมืองอย่างเดียว ท่านก็เลยพิจารณาเรื่องราวต่างๆ ในลักษณะที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า “Real Time” ก็มีแผนตากสิน ก็บอกว่า มันมีกระบวนการจะล้มรัฐบาล แต่ถ้าท่านรองฯ สุเทพ เปิดใจกว้างนิดนึง อย่าทำเป็นคนใจคับแคบเหมือนเดิมๆ หันไปมองหน่อย แล้วไม่ต้องอาย ว่า จะต้องมาเดินตามรอยเท้าของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ก็จะเข้าใจดีว่าแผนตากสิน เป็นส่วนหนึ่ง ส่วนย่อย ที่ถูกปรับออกมา และเป็นส่วนหนึ่งในแผนใหญ่ของการเดินสายทุกอย่าง ทุกประการเลยครับ แผนตากสินมีมานานแล้ว เป็นส่วนหนึ่งของแผนที่จะเปลี่ยนระบบการปกครอง ก็อยากจะฝากเอาไว้ให้ฟังกันนิดนึงครับ
แผนอันนี้ก็อาจจะรวมไปจนถึงการวางระเบิดที่ จ.สุราษฎร์ธานี บ้านเกิดเมืองนอนของคุณบัญญัติ บรรทัดฐาน คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ นี่ก็มีนักการเมืองฝ่ายเพื่อไทย ซึ่งเป็นฝ่ายตระกูล “วิชัยดิษฐ” ซึ่งอยู่ที่สุราษฎร์ฯ ซึ่งก็เป็นคู่อาฆาตกันกับสายพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยืนยันว่า ไม่ใช่ฝ่ายเสื้อแดงทำอย่างแน่นอน เหมือนกับว่า แต่ละฝ่ายก็มีข้อมูล รู้เช่นเห็นชาติกัน ฝ่ายนี้ยังไม่ทันไรก็บอก เสื้อแดงไม่ได้ทำ ฝ่ายวิชัยดิษฐ สนิทสนมกับพวกเสื้อแดง ถึงกล้าพูดออกมาเช่นนี้ ก็น่าเห็นใจ เพราะ คุณธวัช วิชัยดิษฐ ท่านก็เทเต็มตัวให้กับฝ่ายเสื้อแดง อาจจะเป็นเพราะว่าตระกูลท่านอยู่ที่สุราษฎร์ธานี แล้วโดนผูกขาดทางการเมือง โดยพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้ วิชัยดิษฐ ไม่สามารถจะทำการเมืองได้ ก็เลยต้องพึ่งพาพรรคเพื่อไทย
แต่ที่น่าสนใจ คือ ลักษณะการวางระเบิด จะวางระเบิดตรงเสาไฟฟ้า และวัตถุประสงค์เพื่อจะตัดไฟให้อำเภอเมืองมืดมิดสนิท และระเบิดนี้เป็นระเบิดจริง โดยลักษณะของการวาง ข่าวลับที่ได้มา ผู้เชี่ยวชาญในการวางระเบิดจะมีใครละครับ ถ้าไม่ใช่ทหาร แสดงว่าทหารเองก็มีปัญหา ที่อยู่ร่วมบางกลุ่มบางส่วนบางคน อยู่ในกระบวนการสร้างความปั่นป่วนให่แก่แผ่นดิน
ผมก็ดีใจอยู่อย่างนึง ที่ คุณสุเทพ เมื่อวานนี้หลุดปากออกมาว่า “ไอ้พวกป่วนเมือง” วันนี้ คุณสุเทพ เห็นหรือยังว่าใครเป็นคนป่วนประเทศชาติแน่ ท่านไปพูดที่ จ.ปทุมธานี ท่านบอกว่า เสื้อแดง และเสื้อเหลือง เป็นคนป่วนเมือง ท่านหยุดพูดได้แล้ว เราไม่เคยป่วนเมือง มีแต่ฝ่ายตรงกันข้ามป่วนเมืองนะครับ
อีกข่าวนะครับ คุณจตุพร พรหมพันธุ์ ออกมาขู่ว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จอดแน่ ตั้งแต่ยกแรก และพูดจาอย่างขึงขัง อธิบายให้เสร็จเลยว่า ไอ้หวังตายแน่ ถ้าไม่ช่วยไอ้หวัง อะไรทำนองนี้นะครับ ผมก็อยากจะเตือนสติคุณจตุพรนิดนึง คำพูดคุณพูดแต่ละอย่างว่า แน่ๆ แน่ๆ แน่ๆ คุณลืมคำพูดของคุณไปหรือยัง พ่อแม่พี่น้อง ท่านผู้ชมครับ คุณจตุพร เคยลั่นวาจาเอาไว้ ว่าชาติหน้าตอนบ่ายๆ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถึงจะเป็นนายกฯ ถ้าได้เป็นนายกฯ จะกราบเท้า ผมยังไม่เห็นการคุกเข่าลง และพนมมือ เอามือแตะดินเอาหัวจรดพื้นกราบคุณอภิสิทธิ์ เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชม และพ่อแม่พี่น้องชาวพันธมิตรฯ ต้องรู้สึกเหมือนกันว่า คำพูดของคนเรามันมี 2 ลักษณะ ลักษณะนึงพูด แล้วก็ใช้เวลาพิสูจน์ว่ามันเป็นจริง เหมือนอย่างคำพูดของพันธมิตรฯ หรือคำพูดของผม พูดมาทุกเรื่อง บางเรื่องต้องใช้เวลา 3 ปีถึงพิสูจน์ชัด บางเรื่องใช้เวลาไม่เกิน 2 เดือน บางเรื่องพูดวันนี้ พรุ่งนี้พิสูจน์ได้ แต่คำพูดของผม หรือพันธมิตรฯ นั้น ไม่เคยผิด ด้วยเหตุนี้ความเชื่อถือ ความเชื่อมั่น ก็เลยมีมาตลอดเวลา แต่คำพูดของ คุณจตุพร พรหมพันธุ์ นั้นเหมือนกับคำพูดของ เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ หรือว่า ส.ส.โกโบริ ถ้ำลิเจีย หรือที่เขาเรียกกันว่า ฉายาท่านคือ “สากกะเบือ” และอีกหลายๆ คำพูดของพรรคเพื่อไทย ล้วนแล้วแต่เป็นคำพูดของโมฆะบุรุษ คือ พูดเท่าไหร่ก็อย่าไปใส่ใจ เป็นเรื่องไร้สาระ เป็นคนที่พูดโกหกมาโดยตลอด โกหกได้ทุกเรื่อง ไม่เชื่อไปเอาคำพูดของคุณทักษิณมาดู กับคำพูดที่คุณทักษิณ พูดเรื่องนึง กับ คุณจตุพร พูดเรื่องเดียวกับคุณทักษิณพูด คนละทิศคนละทาง เพราะฉะนั้นแล้ว บางคนมีปากจริงๆ ก็สักแต่เอาไว้รับประทานอาหาร รับประทานอาจม คนประเภทนี้ ถ้าคำพูดหลุดออกมา ไม่มีความหมาย แต่ คุณจตุพร ทำประเด็นถูก พูดจาหวือหวา พูดจาให้คนตื่นเต้นแล้วจะเป็นข่าว นี่ก็มาอีกคนนึงของกระบวนการนักสร้างภาพ
อีกข่าว คุณจตุพร พรหมพันธุ์ ก็บอกว่า 21 นี้ กลุ่มเสื้อแดงจะไปชุมนุมกันที่เชียงราย เขาไปจัดเลี้ยงโต๊ะจีน ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ตอนนี้ก็ตั้งเอาไว้ 200 โต๊ะ ขายได้ประมาณร้อยโต๊ะแล้ว ประมาณพันคน วัตถุประสงค์คือ เพื่อเป็นการเปิดวิทยุชุมชนที่ จ.เชียงราย เปิดวิทยุชุมชนเอาคนไปเยอะขนาดนี้ แสดงว่า เบื้องหลังของวิทยุชุมชนคงไม่ใช่เรื่องธรรมดา
ผมอยากจะพูดถึงท่านอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ท่านคิดอะไรอยู่ ท่านถึงใช้สถาบันการศึกษาของท่านให้เขาจัดเลี้ยงโต๊ะจีน หรือจริงๆ ลึกๆ แล้ว ท่านเป็นคนของคุณยงยุทธ ติยะไพรัช หรือท่านเป็นคนของพรรคเพื่อไทย ท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ต้องอธิบายให้ได้นะครับ ผมไม่ขัดข้องหากท่านจะจัดงานเลี้ยง หรือท่านจะจัดเวทีให้มีการเสวนากัน แต่เท่าที่ผมจำได้ ท่านไม่เคยเปิดโอกาสให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจัดรายการต่างๆ เลยแม้แต่นิดเดียว ท่านใช้งบประมาณของชาติไปในทางที่ผิด
ผมเสียดายก็คือว่า นักศึกษาที่จบจากราชภัฏเชียงราย อย่างน้อยที่สุด ผมคนนึงที่ไม่อยากจะรับเด็กที่จบจากราชภัฏเชียงราย เพราะได้รับคุณภาพการศึกษามาจากคนที่ไม่เข้าใจเหตุการณ์บ้านเมือง ไม่เข้าใจที่มาที่ไป เหมือนกับ ส.ส.เชียงราย คนนึง พรรคเพื่อไทย คุณสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษ์ พี่น้องครับ สุรสิทธิ์ เจียมวิจักษ์ พูดอะไร พ่อแม่พี่น้อง คุณสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษ์ พูดบอกว่า เขาเชื่อว่าคนเสื้อแดงจะเข้ามากรุงเทพฯ ไม่ต่ำกว่า 300,000 คน เมื่อถึงตอนนั้นจะอยู่ได้อย่างไร รวมทั้งประเด็นเศรษฐกิจ ที่ทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้ เขาพูดว่าหากวันนั้นตัดสินใจยุบทั้งพรรคไทยรักไทย และพรรคประชาธิปัตย์ วันที่พรรคไทยรักไทยถูกยุบนั้น เขาบอกว่าให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ไปด้วย เขาบอกว่าสมดุลกัน แต่วันนี้ยิ่งอุ้มคน ยิ่งรับไม่ได้ เขาคิด และพร้อมแล้วหรือที่จะแบ่งประชาชนเป็นไทยเหนือ ไทยใต้ เหมือนประเทศเกาหลี หรือถ้ามันถึงจุดนั้นจริงๆ ผมจะเสนอต่อไปให้ชาวบ้านเลือกเลย ด้านไหนอยู่ฝ่ายไหน เป็นสีแดงให้ปักธงแดงไว้หน้าบ้าน แบ่งก็แบ่ง แยกก็แยก ถึงเวลาปักธงแยกฝ่ายไปเลย
คุณสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษ์ กำลังจะบอกว่า ถึงเวลาแล้วที่จะแบ่งแยกประเทศไทยออกเป็น 2 ส่วน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในขณะนี้ ไม่ได้คิดแบ่งแยกอะไรทั้งสิ้น แต่คิดอยู่อย่างเดียวว่าทำอย่างไรจะให้คนไทยเข้าใจ ว่าอะไรถูกอะไรผิด อะไรดี อะไรชั่ว เราคิดอยู่แค่นี้
ส่วนพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาลวันนี้ ไม่ได้คิดอะไรเหมือนกัน คิดอยู่อย่างเดียวคือทำอย่างไรให้กูมีอำนาจ พรรคเพื่อไทยวันนี้เมื่อไม่มีอำนาจ ก็บอกว่า แบ่งแยกประเทศไทยเลย สมัยที่มีอำนาจทำไมไม่พูดว่าแบ่งแยกประเทศไทย พอตัวเองเริ่มหมดอำนาจ ตัวเองเริ่มจะสูญเสียพื้นที่ ก็บอกว่า แบ่งแยกกัน คนที่ปักธงแดง แล้วอยากจะแยกตัวออกไป ผมถามซิว่า คุณจะชดใช้ค่าสร้างแผ่นดินให้กับบรรพบุรุษของประชาชนคนไทยได้อย่างไร บูรพกษัตริย์ของเรา มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ไล่มาเรื่อย อู่ทอง จนกระทั่งจนถึงอยุธยา และต่อเรื่อยลงมาจนถึงกรุงธนบุรี และราชวงศ์จักรี ทหารหาญที่ตายเป็นแสนๆ กษัตริย์ที่เสียชีวิตในสนามรบเพื่อปกป้องสถาบันกษัตริย์ ปกป้องชาติบ้านเมือง อยู่ที่ไหน คุณจะไปตอบคำถามของการที่เขาจะต้องต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมืองนี้ได้อย่างไร ชีวิตที่สูญสิ้นไปเพราะปกป้อง แล้วคุณวันนี้ทะลึ่งมาบอกว่า แยกกันไหม บ้านไหนชักธงแดงก็ชัก คุณก็รู้อยู่แล้วว่าคุณได้มาเป็น ส.ส.คุณซื้อเสียงมา พวก ส.ส.ซื้อเสียงมา คุณก็เอาเงินไปแจกซิ บ้านนี้ชักธงแดง แจกให้พันนึง 2 พัน 3 พัน วันไหนคุณไม่แจกเขาก็ไม่เอาธงแดงขึ้น วันนี้คุณยังไม่สำเหนียกเลยหรือว่า เสียงที่คุณคิดว่าคุณได้คุณมี นั่นคือเสียงที่คุณซื้อมาได้ด้วยเงิน แล้วคุณอ้างว่าเป็นเสียงของประชาชน
ผมคิดอย่างนี้ครับท่านผู้ชม เมื่อ คุณสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษ์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย พูดอย่างนี้ ผมอยากจะถาม คุณสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษ์ ว่า ถ้าอย่างนั้น คุณยอมรับหรือเปล่าว่า สถาบันกษัตริย์มีความจำเป็น อยู่ในสังคมไทย และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ นั้น เป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนต้องเทิดทูน และเคารพนับถือ และจะแตะต้องมิได้ ถ้าคุณไม่ยอมรับตรงนี้ ผมแนะนำว่า คุณอย่าไปบอกให้คนเสื้อแดงเขาแยก ให้ชาวบ้านเขาแยกฝั่งธงแดงเลย คุณเอง เชียงรายติดแม่สาย แม่สายติดพม่าใช่ไหม คุณอพยพย้ายสำมะโนครัวไปพม่าเลย คุณไปขอตัน ฉ่วย อยู่ในพม่า คุณอย่าเพิ่งลืมตัว คุณเป็นแค่ ส.ส.ที่ฟลุก วิ่งเต้น แล้วก็ได้มาเป็น ส.ส.ที่ จ.เชียงราย คุณเป็น ส.ส.มีประชาชน ซึ่งผมยังไม่รู้ว่าเสียงที่คุณได้มาบริสุทธิ์แค่ไหน คุณลืมตัวไปแล้วหรือ คุณพร้อมที่จะบอกชาวบ้านให้แยกบ้าน คุณพูดอย่างกบฏนะครับ
พี่น้องครับ อีกอันก็เป็นข่าวขำขัน เป็นตำนานที่ต้องเล่าให้พ่อแม่พี่น้องฟัง จากการเลื่อนญัตติออกมาให้เร็วขึ้นนั้น ก็มี ส.ส.ฝ่ายค้าน ก็โวยวายกันมา คุณชัย ชิดชอบ ซึ่งเป็นบิดาของคุณเนวิน ชิดชอบ เพราะฉะนั้น คุณชัย ชิดชอบ ก็เลยบอกว่า ไอ้ที่มันเลื่อนเร็ว ทำตามกฎระเบียบสภา ไม่ผิด จะเอาไปฆ่าไปแกงที่ไหนก็เอาไป เพราะว่าทำตามกฎหมาย แล้วท่านก็หยอดออกมาคำพูดนึง ซึ่งฮากันตึงเลย ท่านบอกว่าที่ท่านต้องรีบจัด เพราะว่าหลานสุดที่รักของท่านคือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กลัวว่าทอดไปนานแล้วจะลืมข้อมูล
พี่น้องครับ ฟังแค่นี้ก็ฮากันตรึม ผมก็จะเล่าตำนานนิดนึง ตำนานระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กับ นายเนวิน ชิดชอบ ครั้งหนึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง คิดที่จะขยายพรรคตัวเอง พรรคมวลชนให้ใหญ่ ก็ชักชวน คุณเนวิน ชิดชอบ เข้ามา เอา ส.ส.อีสานใต้ เข้ามาร่วมด้วย ตอนนั้นตั้งเป้าไว้ว่า คุณเฉลิม บวกคุณเนวิน น่าจะมี ส.ส.สัก 10 คน เข้าใจว่า มีการจ่ายเงินล่วงหน้ากันไปแล้ว วินาทีสุดท้ายคุณเนวิน ชิดชอบ ยกพลพรรคไปซบ ป๋าเติ้ง คุณบรรหาร ศิลปอาชา พรรคชาติไทย โดยที่ไม่ยอมอยู่กับ คุณเฉลิม คุณเฉลิม ก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ก็ขอเงินคืน จากวันนั้นถึงวันนี้เงินก็ไม่ได้คืน นั่นคือ ความขัดเเย้งกันระหว่าง คนนึงก็ลูกสุดที่รักของ ชัย ชิดชอบ คนนึงก็หลานสุดที่รักของ ชัย ชิดชอบ พี่น้องเห็นหรือยังครับ หลังจากนั้นแล้ว เนวิน ชิดชอบ และ เฉลิม อยู่บำรุง ก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด พี่น้องคงจะเข้าใจว่าการเมืองมีตำนาน
ขอประทานโทษครับ เมื่อกี้ข่าวที่ผมพูดว่า หัวหน้าพรรคเพื่อไทย คือ คุณธวัช วิชัยดิษฐ ขอประทานโทษ คุณธวัช วิชัยดิษฐ ท่านเสียชีวิตไปแล้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย คือ คุณยงยุทธ วิชัยดิษฐ ไม่ใช่ คุณธวัช วิชัยดิษฐ นะครับ
หลังจากข่าวคราวการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็มีคนคุยฟุ้งต่อว่า คุณกรณ์ จาติกวณิช ท่านก็บอกว่าท่านไม่ได้หวั่นเกรงหรอก อยากจะอภิปรายในเรื่องเศรษฐกิจ แล้วทางฝ่ายเพื่อไทย ก็บอกว่า จะเอาคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ มาอภิปราย เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ คุณกรณ์ ก็บอกว่าดีแล้ว เอาคนที่รู้เรื่องเศรษฐกิจเข้ามาก็แล้วกัน
ผมอยากจะเล่าประวัติของ คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ให้ฟังนิดนึง ว่าท่านจับพลัดจับผลู อย่างไรมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจได้ คุณมิ่งขวัญ อาชีพเดิมเป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทรถยนต์โตโยโต้ ความที่อยู่โตโยต้า อยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ก็สามารถจะเข้ากับผู้ใหญ่ วิ่งเต้นติดต่อ ก็จังหวะที่พรรคไทยรักไทย โดยที่ คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กำลังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม คุณมิ่งขวัญ ในฐานะเป็นตัวแทนบริษัทรถยนต์โตโยต้า ก็มีโอกาสสัมผัสกับ คุณสุริยะ แล้วธุรกิจของจึงรุ่งเรืองกิจ ก็มีสัมพันธ์ในเรื่องการผลิตอะไหล่ให้กับเครือข่ายโตโยต้าอยู่ เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ก็ค่อนข้างแนบแน่น คุณสุริยะ ก็เลยเห็นทีท่า เผอิญช่วงนั้นมีการคัดเลือกผู้อำนวยการ อ.ส.ม.ท.คุณสุริยะ กับ คุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็หมายมั่นปั้นมือจะเอาคุณมิ่งขวัญ เพราะ คุณมิ่งขวัญ สร้างภาพเก่งมาก เป็นบุรุษผู้ที่เชี่ยวชาญในการสร้างภาพ ก็เอาคุณมิ่งขวัญ ขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการ อ.ส.ม.ท.คุณมิ่งขวัญ เข้ามาก็ไม่ได้ทำอะไร นอกจากสร้างภาพ เปลี่ยนจาก อ.ส.ม.ท.เป็น โมเดิร์นไนน์ เปลี่ยนจากสีธรรมดา ที่เคยมีของตัวเอง มาเป็นช่องสีม่วง เสร็จแล้วคุณมิ่งขวัญ ก็สร้างผลงานในการสร้างภาพ ไม่ว่าจะเป็นการจัดเคานต์ดาวน์ปีใหม่ และเอาคุณทักษิณไป จนกระทั่งคุณทักษิณ ก็เริ่มเห็นแวว เหตุการณ์ 19 กันยา เกิดขึ้น คุณมิ่งขวัญ ก็ได้รับใช้คุณทักษิณ อย่างสุดดิ้นสุดประตู ในวันที่ 19 กันยา ด้วยการสั่งให้ช่อง 9 อ.ส.ม.ท.เป็นช่องที่ออกอากาศคำสั่งคุณทักษิณ ซึ่งส่งมาจากมหานครนิวยอร์ก ในการแต่งตั้ง พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ แล้วก็สั่งปลด พล.ท.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ในเวลานั้น แล้วก็ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน แต่บังเอิญการยึดอำนาจครั้งนั้น ถูกยึดอำนาจซ้อนก็เลยทำให้คุณมิ่งขวัญ ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดัง ต้องหลบลี้ พยายามชี้แจงกับฝ่ายทหารว่า ตัวเองไม่เกี่ยว ไม่รู้เรื่อง
จนกระทั่งมีพรรคพลังประชาชน เกิดขึ้น มิ่งขวัญ ก็เลยโผล่ออกมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หลังจากนั้นแล้วพอปรับ ครม.ก็เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ตอนคุณมิ่งขวัญ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็ทำงานในเรื่องการสร้างภาพ จำได้ไหมครับเรื่องราคาข้าวที่สูงขึ้น คุณมิ่งขวัญ ก็โม้ทันที ว่า เขาสามารถทำให้ข้าวสูงขึ้นเป็นตันละหลายหมื่นบาท เล่นเอาตลาดข้าวปั่นป่วน เพียงเพราะว่าคุณมิ่งขวัญ อยากจะสร้างภาพ ก็เป็นเรื่องที่ดีครับ พ่อแม่พี่น้องที่คุณมิ่งขวัญ จะเป็นหัวหน้าทีมมาอภิปรายคุณกรณ์ จาติกวณิช 2 คน คนนึงมีเนื้อหาสาระ ทำอะไรด้วยหลักการ อีกคนเก่งในเรื่องการสร้างภาพ ก็ลองดูว่าคุณมิ่งขวัญ สามารถจะสร้างภาพได้หรือเปล่านะครับ
พี่น้องครับ ข่าวในเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็มีแถมมานิดนึง คุณชวรัตน์ ชาญวีรกูล ท่านก็พูดชัดว่า หลังจากการอภิปรายแล้ว จะมี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ย้ายมาซบพรรคภูมิใจไทยเพิ่มมากขึ้น ก็เป็นธรรมดาครับ อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่า พรรคภูมิใจไทย นั้น ในที่สุดแล้วก็คือพรรคไทยรักไทย ที่ไม่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่วิธีการทำงานของพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่ได้ต่างจากวิธีการทำงานของพรรคไทยรักไทย เพราะว่ามุ่งมั่นแต่จะทำโครงการ และหวังที่จะได้ผลประโยชน์จากโครงการ ค่าคอมมิชชัน 20-30 เปอร์เซ็นต์ โครงการใหญ่ๆ เมื่อได้เงินมาแล้ว ก็เอาเงินนั้นแบ่งสันปันส่วนไปเรียบร้อย เอาเงินส่วนที่เหลือมาลงขัน ลงเลือกตั้งกันเพื่อซื้อเสียงกันต่อไป เพื่อให้ตัวเองเข้ามาเป็นรัฐบาล ผมจะฟันธง ณ เวลานี้ ว่าในที่สุด พรรคภูมิใจไทย ก็จะมี ส.ส.พรรคเพื่อไทย เข้ามาซบ และจะทำให้พรรคภูมิใจไทย มี ส.ส.ประมาณร่วมร้อยคน และการเลือกตั้งงวดหน้าพรรคภูมิใจไทย ด้วยเงินที่ตัวเองมี สะสมในโครงการต่างๆ ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นการขยายสนามบิน ลานบินแห่งที่ 3 การรวมสนามบินดอนเมือง และโครงการอะไรอีกหลายอย่างที่พรรคภูมิใจไทยดูแลอยู่ ก็จะมีกองเงินก้อนนึง เพื่อมาหาเสียงในภาคอีสาน ซึ่งพรรคภูมิใจไทยก็จะปะทะกับพรรคเพื่อไทย แต่เป็นการปะทะในเชิง ในที่สุดพรรคภูมิใจไทย ก็จะมีเสียงข้างมากเข้ามา ผมเชื่อว่า ด้วย ส.ส.ภาคอีสาน ภาคเหนือ ที่เขากำลังวิ่งเต้นอยู่ ในที่สุดแล้วเขาน่าจะมี ส.ส.มากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ ผมเชื่อว่า เขาได้สักประมาณ 180-200 เสียง
180-200 เสียงนั้น โอกาสที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ค่อนข้างจะสูงมาก หรือไม่อีกที พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ก็ไปเป็นหัวหน้าพรรคเล็กๆ 2 พรรค ที่ตัวเองเป็นหัวหน้าพรรค แล้วก็เป็น ส.ส.ได้ด้วย เสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อพรรคภูมิใจไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็จะรวมเอาพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพรรคคุณบรรหาร ศิลปอาชา รวมมา แล้วก็เชิดชู พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะว่าพรรคนี้มีความเชื่อว่า ถ้ามีทหารหนุนหลัง ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ก็มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา หนุนหลังอยู่ ซึ่งก็จะเป็นคิวต่อจาก พล.อ.ประวิตร มาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ สมบัติผลัดกันชมพ่อแม่พี่น้อง เพราะฉะนั้นแล้ว วันนั้นก็จะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ เป็นฝ่ายค้านอย่างแน่นอนที่สุด ผมเชื่อมั่นว่าจะต้องเกิดขึ้น
พี่น้องครับ ก่อนจะหมดครึ่งเวลาแรกนี้ ผมอยากจะพูดเรื่องบางเรื่อง คือเรื่องของเมื่อวานนี้ มีนักวิชาการอิสระ ท่านได้ไปฟ้องต่อศาลปกครองกลาง แล้วศาลปกครองกลางก็รับฟ้องเอาไว้เรียบร้อยแล้ว คือ ท่านฟ้องในกรณีที่ท่านรัฐมนตรีว่การกระทรวงคมนาคม นายโสภณ ซารัมย์ และบุคคลอีก 5-6 คน ได้ย้ายสนามบินดอนเมืองไปรวมกับสนามบินสุวรรณภูมิ มีเบื้องหลัง ผลประโยชน์ทับซ้อน นักวิชาการอิสระ ชื่อ นายสมคิด หอมเนตร ท่านได้ฟ้อง นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมกับ อธิบดีกรมการขนส่ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) นายศรีสุข จันทรางศุ ประธานคณะกรรมการฟื้นฟูพัฒนาโครงข่ายขนส่งทางอากาศ และคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ในคดีพิพาทที่หน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งทางปกครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
การฟ้องครั้งนี้เป็นการฟ้อง ว่าพวกนี้ทำงานมิชอบ แต่ผมอยากจะให้คุณสมคิด หอมเนตร ช่วยเพิ่มคำฟ้องอีกนิดนึง ฟ้องขอคุ้มครองฉุกเฉิน ไม่ให้มีการย้ายสนามบินดอนเมือง การบินไทย ไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ ต้องฟ้องอย่างนี้ครับ เพื่อที่จะให้ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉิน เพราะว่า คุณสมคิด หอมเนตร ซึ่งท่านเป็นผู้เสียหายจากการย้ายครั้งนี้ ผมก็เป็นผู้เสียหาย ประชาชนทีไม่อยากจะย้ายจากดอนเมืองไป ก็เป็นผู้เสียหาย
พี่น้องครับ งานนี้ผมเรียนให้ทราบมานานแล้ว คุณศรีสุข จันทรางศุ ท่านไม่ควรกลับมารับตำแหน่งประธานคณะกรรมการฟื้นฟูพัฒนาโครงข่ายขนส่งทางอากาศฯ หรืออีกนัยหนึ่ง จริงๆ แล้วท่านคือตัวการ เพราะท่านรู้เรื่องการบิน ท่านรู้เรื่องสนามบินดี ตัวการที่จะสั่งให้ นายโสภณ ซารัมย์ ทำงาน หรือบอกคุณเนวิน แล้วคุณเนวิน ก็บอกนายโสภณ นายโสภณ เป็นครูบ้านนอกคนนึง จะรู้เรื่อง ไม่รู้เรื่องไม่สำคัญ และนั่นคือคุณสมบัติที่สำคัญที่สุด คือความไม่รู้เรื่อง พร้อมที่จะทำตามสั่งได้ เพราะฉะนั้นแล้วคุณโสภณ ก็เลยเป็นเครื่องมือ โดยที่คนซึ่งใช้สมองในการที่ตัวเองเคยเป็นปลัดกระทรวงคมนาคม อธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ อดีตประธานและกรรมการผู้จัดการการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย คุณศรีสุข จันทรางศุ ที่ถูกข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตที่สุวรรณภูมิ ตั้งไม่รู้กี่คดี โดยมารยาท โดยคุณธรรม จริยธรรมแล้ว ไม่ควรเอากลับมาเลย เพราะฉะนั้นการที่ นายโสภณ ซารัมย์ หรือ คุณเนวิน ชิดชอบ เอาคุณศรีสุข จันทรางศุ กลับมา แน่นอนที่สุด เอามาเพื่อเคลียร์ปัญหาของคิงเพาเวอร์ ที่มีปัญหาเรื่องสัญญาพื้นที่ ที่อยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งได้พื้นที่นอกไปจากสัญญาที่ตัวเองมีอยู่นะครับ แล้วพื้นที่อันนั้นเมื่อไปเซ้งต่อให้กับผู้ที่มาใช้พื้นที่ ก็ไปเซ้งโดยพื้นฐานที่ว่า สนามบินสุวรรณภูมิจะมีประชากร จะมีคนมาใช้สนามบินจำนวน 40 ล้านคน เมื่อรัฐบาลชุด พล.อ.สุรยุทธ์ ย้ายจากสุวรรณภูมิกลับมาอยู่ที่ดอนเมือง จึงทำให้ปริมาณผู้โดยสารลดลง เมื่อลดลงแล้วมันก็ไม่ถูกต้องตามข้อตกลงที่เขาไปเซ้งที่ เขาอาจจะโดนฟ้องร้องได้นั่นคือข้อที่ 1
ข้อที่ 2 คุณศรีสุข โดยมารยาทโดนกล่าวหาทุจริตสนามบินสุวรรณภูมิกลับเข้ามามีอำนาจแบบนี้ ก็จะเป็นโอกาสให้คุณศรีสุข สามารถที่จะปกปิด หรือทำลายหลักฐานต่างๆ ในสนามบินสุวรรณภูมิที่ตัวเองถูกกล่าวหา ทั้งๆ ที่มีคนใน ป.ป.ช.บางคนกำลังช่วยคุณศรีสุข อยู่ โดยที่ไม่เอากรณีคดีความของคุณศรีสุข ออกมาชี้มูลเลยแม้แต่นิดเดียว นี่คือการเมืองน้ำเน่าพี่น้อง และมิหนำซ้ำ ยังจะเอาเหตุของการย้ายดอนเมืองกลับมาที่สุวรรณภูมิเพื่อเพิ่มปริมาณผู้โดยสาร ให้เห็นว่ามันแออัด เหตุผลแรกที่การย้ายจากสุวรรณภูมิกลับมาดอนเมือง แล้วคนที่มีมติย้ายคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สมัย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้รับการเสนอมาจากการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ว่า สุวรรณภูมิแออัด รับไม่ไหวต้องย้ายกลับ มาวันนี้ย้ายกลับไปแสดงว่าสุวรรณภูมิไม่แออัดแล้วหรือ นี่คือ การโกหกกันอย่างหน้าด้านๆ พี่น้องไปตรวจสอบดูได้ เสร็จแล้วเมื่อแออัดแล้วเกิดอะไรขึ้น แออัดสิ่งที่เกิดขึ้นคือว่า ปริมาณผู้โดยสารก็ถูกต้องตามเงื่อนไขของการที่คิงเพาเวอร์นั้นเซ้งที่ให้คนเช่า อีกประการหนึ่งก็จะได้เป็นสาเหตุบอกว่าสุวรรณภุมิแออัดแล้วนะ เพราะฉะนั้นแล้วต้องสร้างสนามบินรันเวย์ที่ 3 มูลค่า 75,000 ล้าน ประเทศไทยจะเจ๊งพินาศฉิบหายอยู่ทุกวันนี้แล้ว ยังจะคิดสร้างสนามบินเพิ่มอีก ทำไมไม่มองในมุมกลับ ว่าไม่ขอให้การบินไทย
การบินไทยเนี่ยตัวดี รักษาการกรรมการผู้อำนวยการ พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ ท่าเป็นพี่ชายของ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทร่วมรุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คุณณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการบินไทย ถ้าท่านรักชาติ รักเมือง ที่สำคัญท่านรักการบินไทยจริง ทำไมท่านไม่มองประเด็นย้อนกลับไปว่า ท่านน่าจะเสนอว่า ขอย้ายการบินไทยทั้งหมดในประเทศ และต่างประเทศ มาผูกขาดที่ดอนเมืองไปเลย ก็มันแออัด มันไม่เสียหายอะไรนี่ การเดินทางไม่เห็นยาก มันจะยากอะไรในเมืองมีแอร์พอร์ตลิงก์แล้วไม่ใช่หรือ แล้วการสร้างแอร์พอร์ตลิงก์สร้างเพื่ออะไร สร้างเพื่อให้มีการเชื่อมสนามบินกันระหว่างดอนเมือง และสุวรรณภูมิ และเข้าในเมือง ก็เหตุผลเพราะคุณต้องการใช้ดอนเมืองเป็นสนามบินอีกสนามบินนึง
ในต่างประเทศล้วนแล้วแต่มี 2 สนามบินทั้งสิ้น ญี่ปุ่น ก็มีนาริตะ แล้วมีฮาเนดะ อังกฤษมีแกตวิค (Gatwick Airport ) มีฮีทโธรว์ (Heathrow Airport) แล้วก็มีอีกหลายอัน ไม่มีอะไรที่น่าผิดพลาดเลยแม้แต่นิดเดียว มหานครนิวยอร์ก JFK แล้วก็มี นวกห่างกันแค่ 21 ไมล์เอง ยังห่างกันไกลว่าสนามบินสุวรรณภูมิ กับสนามบินดอนเมืองอีก ที่นวก ก็มีเครื่องบินขึ้น-ลง ตลอดเวลา เราสามารถมีสายการบิน สนามบินต่างประเทศ 2 แห่ง ที่อยู่ได้ และก็เป็นการใช้การลงทุนที่ดอนเมือง โดยไม่สูญเสียทรัพยากรที่เราลงทุนไปแล้ว ทั้งหมดนี้ทำได้ หากมีจิตใจที่ซื่อสัตย์ ไม่คิดโกงชาติ กินบ้านกินเมือง ทั้งหมดนี้ทำได้ หากคิดถึงผลประโยชน์ของการบินไทย
การบินไทยสามารถเอาสาขาออกต่างประเทศทั้งหมด เป็นฮับ (Hub) ของการบินไทย ติดป้ายการบินไทยเต็มที่ การบินไทยมีทุกอย่าง แล้วโดเมสติกส์ (Domestics) ก็การบินไทย อาจจะก็การบินไทย อาจจะแชร์กับสายการบินอื่นที่ใช้โดเมสติกส์ พวกโลว์คอสต์ หรือว่าย้ายโดเมสติกส์การบินไทย ซึ่งจะต้องอยู่ในโดเมสติกส์ เข้ามาอยู่ร่วมต่างประเทศ แบ่งไปเลยว่าเกรดนี้ เป็นโดเมสติกส์ของการบินไทย มันสง่างาม มันสวยงาม เพราะทุกวันนี้เทอร์มินัลซึ่งสุวรรณภูมิ การบินไทยก็ไม่ได้เป็นเจ้าของเทอร์มินัล แบ่งส่วนหนึ่งไป ก็ยกดอนเมืองทั้งหมดให้การบินไทยไปเลย มันกลับดีกว่า คุณอย่ามาอ้างถึงการประสานงานการเดินทางลำบาก ไม่จริงแม้แต่นิดเดียว คุณโกหกคำโต เพราะฉะนั้นผู้บริหารการบินไทยใดก็ตามที่รับใช้นักการเมือง ต้องรับรู้ด้วยว่าคุณเป็นส่วนร่วมของการโกงชาติ กินบ้านกินเมือง อย่างหน้าด้านๆ และบัดซบที่สุด เพราะฉะนั้นแล้วผมอยากให้ท่านสมคิด หอมเนตร นักวิชาการอิสระปรึกษาทนายนิดนึง ฟ้องเพิ่มอีกประเด็นนึงก็คือ ขอคุ้มครองชั่วคราวให้ศาลปกครองรีบพิจารณาภายใน 2 - 3 วันนี้ คุ้มครองสั่งห้ามไม่ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมย้ายการบินไทยกลับไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ
พี่น้องครับ เอาอีกสักข่าวนึงไหม ก่อนที่จะพัก วันนี้ก็มีข่าวอย่างที่เล่าให้ฟังนะครับ กบข.พี่น้องจำได้ไหม ผมเป็นคนเปิดประเด็นเรื่องกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการพลเรือน ว่าเอาเงินข้าราชการที่สะสมอยู่ไปกระทำธุรกรรมในทางที่ไม่โปร่งใส ผมเป็นคนพูดมาครั้งแรก ผมเป็นคนชี้ประเด็นว่า กบข.ขาดทุนจากหุ้น และตราสารหนี้ จนในที่สุด กบข.ต้องแถลงออกมาว่าขาดทุนจริง 70,000 กว่าล้านบาท แค่ 5 เปอร์เซ็นต์เอง คำว่าแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ ผมรับไม่ได้ เพราะเงินก้อนนี้คือเงินสะสมที่พ่อแม่พี่น้องชาวข้าราชการเสียสละจากเงินเดือนของตัวเองใส่เข้าไปในกองทุน กองทุน กบข.ไม่ต้องมาอ้างอะไรทั้งสิ้น ท่านทิ้งเอาไว้เฉยๆ ท่านซื้อพันธบัตรรัฐบาล ท่านไปซื้อพันธบัตรต่างประเทศถึงได้ผลตอบแทนน้อย ได้ปีละ 1 เปอร์เซ็นต์ 2 เปอร์เซ็นต์ ก็ยังดีกว่าขาดทุนไป 5 เปอร์เซ็นต์ ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนี้พี่น้อง
ประเด็นอยู่ตรงที่ว่า หลักการของ กบข.ถูกต้อง และดี แต่ผู้บริหารบางคนของ กบข. และผู้บริหารบางคนของ ก.ล.ต. และผู้บริหารบางคนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แอบจับมือกัน ส่งสัญญาณกันใช้เงินกองทุน กบข.ไปแบกหุ้น คือพูดง่ายๆคือเอากองทุน กบข.ไปแบกหุ้นที่นักปั่นหุ้นเขาปั่น เพื่อไม่ให้หุ้นนั้นตก แล้วตัวเอง ซึ่งไปซื้อหุ้นตัวนั้น หรือหลายๆตัวที่ กบข.ไปแบกนั้นเอาไว้ ก็เทหุ้นตัวเองขายเพื่อให้ตัวเองได้กำไร แล้วขาดทุนโอนไปให้ กบข. ถ้าจะตรวจสอบกัน ให้ไปดูพอร์ตหุ้นของ กบข.แล้วโยงให้ดีๆ วันที่ กบข.เข้าไปซื้อหุ้นนั้น ราคาหุ้นมันเท่าไหร่ แล้วหลังจากซื้อแล้วสักพักหุ้นมันก็ตก ไปดูซิครับ ไม่ผิดนะครับ เพราะว่ามีหุ้นหลายตัวซึ่งหนังสือพิมพ์ลง ซึ่ง กบข.ซื้อเอาไว้เป็นหุ้นปั่น หุ้นปั่นปั่นโดยใครพี่น้อง ปั่นโดยคณะกรรมการบางคนในตลาดหลักทรัพย์ และคณะกรรมการบางคนใน ก.ล.ต.พี่น้อง รวมมือกับ กบข. คนพวกนี้เป็นคนซึ่งไม่สนใจว่าชาติบ้านเมืองจะฉิบหาย หรือไม่ฉิบหาย เป็นคนที่ไม่มีศักดิ์ศรี บางคนเป็นอดีตข้าราชการพี่น้อง เป็นคนที่ไม่มีศักดิ์ศรีแม้แต่นิดเดียว
นี่คือประเทศไทย และนี่คือทำไมเราต้องเอาประเทศไทยของเราคืนมา เข้าใจหรือยังพี่น้อง พักกันสักครู่ครับเดี๋ยวกลับมาแล้วค่อยต่อกันตอนสุดท้าย
(เบรก)
พี่น้องครับ ก่อนจะไปข่าวช่วงสุดท้าย ก็ขอเพิ่มนิดหนึ่ง ท่านผู้ชมจากมหานครนิวยอร์ก คุณสุจิตราส่งข้อความมาว่า ที่มหานครนิวยอร์กนั้นมีสนามบินอยู่ 3 สนามบิน ก็คือ เจเอฟเค ลา กูเดียร์ และนวก นวกจริงๆ แล้วอยู่ในนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งอยู่ติดกับนิวยอร์ก ผมไปลืมลา กูเดียร์ ได้ยังไง เคยไปขึ้นที่ลา กูเดียร์ หลายครั้ง ขอประทานโทษนะครับ ตกลงเขามีตั้ง 3 สนามบินเพื่อรองรับผู้โดยสาร แล้วผมก็ไม่เห็นเขาลำบากอะไร ผมจำได้ ที่นวก และลา กูเดียร์ เขาก็มีสายการบินต่างประเทศบินมาลงที่นี่ และที่เจเอฟเค ก็จะเป็นสายการบินต่างประเทศและในประเทศเช่นกัน บางสายการบิน อย่างเช่น ยูเอ- ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ หรืออเมริกัน แอร์ไลน์ เขาก็บินจากเจเอฟเคไปต่างประเทศ ไปลอนดอน แต่ขณะเดียวกันเขาก็มีไฟลต์บินจากนิวยอร์กไปลอสแองเจลิส ซานฟรานซิสโก ออกจากเจเอฟเคเช่นกัน
จริงๆ แล้วมันอยู่ที่การบริหารจัดการ ทำไมเขาบริหารจัดการได้ ผมพูดเรื่องนี้ขอแถมนิดหนึ่ง ผมเกือบลืม เพราะเขาอะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์สุขของส่วนรวม เขาจะทำ ไม่เหมือนเมืองไทย พี่น้องจำได้หรือเปล่าผมเคยพูดเรื่องบริษัท เอไอจี ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท เอไอเอ เอไอจี นี่ทำธุรกิจหลายอย่าง ประกันชีวิต ประกันภัย ทำไอที ทำขนส่ง ทำเช่าซื้อเครื่องบิน เอไอจีมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ มาก ถ้าหากล้มลงไป ด้วยเหตุนี้รัฐบาลสหรัฐฯ เลยต้องส่งเงินเข้าไปอุดหนุนไม่ให้ล้ม ด้วยจำนวนเงิน 173,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือที่เขาเรียกว่า one hundred and seventy-three billion dollars คิดเป็นเงินไทย 6 ล้านล้านบาท ด้วยการส่งเงินเข้าไปเยอะขนาดนี้ ในที่สุด เอไอจีก็พออยู่รอดได้ แต่ทะลึ่งไปจ่ายโบนัสผู้บริหาร 11 คน เบ็ดเสร็จทั้งหมดเป็นเงินเกือบ 5,000 กว่าล้านบาท พอข่าวนี้ออกมา คนอเมริกันทนไม่ไหว นายบารัก โอบามา ซึ่งเป็นผู้นำของสหรัฐอเมริกา ต้องออกมาแสดงวุฒิภาวะผู้นำ นายบารัก ออกมาด่าเลย บอกทำอย่างนี้เท่ากับปล้นประชาชน เอาเงินภาษีอากรประชาชนออกมาสนับสนุนให้บริษัทคุณไม่เจ๊ง คุณยังทะลึ่งจ่ายโบนัสพวกคุณเป็นจำนวนสูงขนาดนี้
นอกจากนั้นแล้ว นายเบอร์นานเก ซึ่งเป็นเหมือนกับผู้ว่าฯ แบงก์ชาติของอเมริกัน ก็ออกมาด่าเช่นกัน แล้ววันนี้ทั้งวุฒิสภาของอเมริกัน ทั้งเดโมแครต รีพับลิกัน ออกมาถล่มทั้งๆ ที่เงินจำนวน 5,000 กว่าล้านบาท เมื่อเทียบเปอร์เซ็นต์กับ 6 ล้านล้านบาท มันเท่ากับ 0.004 เปอร์เซ็นต์เอง 0.006 เปอร์เซ็นต์ หรือ 0.007 เปอร์เซ็นต์ ยังไม่ถึงครึ่งเปอร์เซ็นต์ ยังไม่ถึง 0.001 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ แต่ว่าทางสหรัฐอเมริกาเขาถือมากในเรื่องจริยธรรมเช่นนี้ เขาถือมาก ไม่สำคัญปริมาณเงินมันเท่าไร มันสำคัญที่ความประพฤติของคุณแบบนี้ เขารับไม่ได้ อะไรที่เป็นเรื่องส่วนรวมเขารับไม่ได้ ไม่เหมือนนักการเมืองเมืองไทย อะไรที่เป็นงบประมาณแผ่นดิน มันรับประทานกัน มันไม่สนใจอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว มันไม่มีหิริโอตัปปะ มันไม่มีสำนึกจริยธรรม ไม่มีอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว อเมริกาออกมาก่นด่า ขนาดบารัก โอบามา และนายไกธ์เนอร์ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงกับบอกว่านายบารัก โอบามา พูดยังไงรู้ไหม บอกให้หาวิธีใดก็ตามที่จะระงับไม่ให้โบนัสนี้จ่ายได้ เขาถึงกับคิดการออกภาษีสรรพสามิตเป็นพิเศษเพื่อมาเล่นงานจำนวนเงินที่ต้องจ่ายโบนัสนี้ และผู้บริหาร 11 คน ที่ได้รับเงินไปแล้ว มันลาออกทันทีเลย มันไม่สนใจ กูขอให้ได้เงินก่อน
จริยธรรมของนักการเมืองเป็นเรื่องสำคัญครับพี่น้อง ถ้าตราบใดเรายังมีนักการเมืองที่มองเห็นโครงการใหญ่ๆ 75,000 ล้าน สร้างสนามบิน โครงการสร้างถนนไร้ฝุ่นอีกหลายหมื่นล้าน แล้วเอาโครงการนี้มาต่อรองกับนายกฯ อภิสิทธิ์ ว่าถ้าไม่ผ่านโครงการนี้ให้ ก็จะไม่ยกมือไว้วางใจให้ พี่น้องเห็นหรือยังนี่ล่ะคือการเมืองเก่าที่แท้จริง การเมืองน้ำเน่าที่แท้จริง การเมืองบัดซบ การเมืองที่ทุเรศนะครับพี่น้อง
พี่น้องครับ วันนี้เรามาพูดต่อเรื่อง กระทรวงพาณิชย์เผยยอดส่งออกกุมภาพันธ์ ติดลบ 11.3 เปอร์เซ็นต์ ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจดี เพราะว่าประเทศไทยนั้นพึ่งพาการส่งออก เมื่อเทียบกับมูลค่าผลิตภัณฑ์รวม (จีดีพี) เป็นจำนวนถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ต้องถือว่าสูง ผมเคยจำได้ว่าคุณทักษิณเองเป็นคนพูดมาตั้งนานแล้ว ว่าจะลดภาระการส่งออกที่มาผูกพันกับเศรษฐกิจในประเทศ จากเดิมให้เหลือ 30 เปอร์เซ็นต์ให้ได้ แต่กลับเพิ่มขึ้น เพราะคุณทักษิณไม่ได้ตั้งใจทำงานจริงๆ
พี่น้อง ประเทศที่พึ่งการส่งออกก็คือการยืมจมูกคนอื่นหายใจ คือต้องการขายของตัวเอง การส่งออกนั้นควรจะเลือกกิจการส่งออกที่ไปได้ดี และสนับสนุนส่วนที่ส่งออกไปได้ดี ส่วนที่เหลือนั้นควรจะมาพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศ เพื่อให้มีการจับจ่ายใช้สอยในประเทศให้สูงขึ้น เมื่อเวลาคนข้างนอกเขาไม่มีปัญญาซื้อของของเรา เราก็ไม่บาดเจ็บนัก แล้วถ้าเราพัฒนาสิ่งที่ส่งออกแล้ว ไม่ว่าเศรษฐกิจจะตกหรือจะรุ่ง เขาก็ต้องซื้อของพวกนี้ เพราะฉะนั้นการส่งออกเราไม่ตก แต่ว่าการผลิตภายในประเทศเราจะดี และการบริโภคภายในประเทศเราจะดี อะไรบ้างล่ะพี่น้อง ที่ผลิตออกมาแล้วส่งออกได้ตลอดเวลา ท่านปลัดกระทรวงพาณิชย์ท่านพูดชัด ท่านบอกว่า มูลค่าการส่งออกที่ไม่ตก ในขณะซึ่งเศรษฐกิจทั่วโลกตก ก็มีข้าว ยอดส่งออกเพิ่ม 8.3 เปอร์เซ็นต์ กุ้งแช่แข็ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 43 กุ้งแปรรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.9 ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 3
กลุ่มสินค้าส่งออกที่ยังมีทิศทางที่ดียังคงเป็นยางพารา มันสำปะหลัง อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผัก ผลไม้สด แช่แข็ง กระป๋อง และแปรรูป
พี่น้องเห็นหรือยัง กลับไปสู่จุดเดิม ว่าอะไร พื้นฐานประเทศไทยคือพื้นฐานเกษตรกรรม พิสูจน์ชัดเลยพี่น้องวันนี้ วันนี้พิสูจน์ชัดว่าโรงงานต่างๆ ที่ปิด เจ๊งกันพินาศฉิบหายหมด โรงงานประกอบรถยนต์ ซึ่งประกอบรถยนต์เพื่อส่งออก และประเทศไทยได้แค่แรงงานคน ส่วนโรงงานผลิตอะไหล่รถยนต์นั้น ญี่ปุ่นก็มาลงทุนเกือบทั้งสิ้น เข้าหุ้นกับคนไทย เงินกำไรก็กลับญี่ปุ่น ไทยไม่ได้อะไรเลย แต่เกษตรกรรม เห็นไหม ข้าวเพิ่ม กุ้งแช่แข็งเพิ่ม กุ้งแปรรูปเพิ่ม ไก่สดแช่แข็งเพิ่ม ยางพาราไปได้ดี มันสำปะหลัง อาหารทะเลกระป๋อง ผักสด ผลไม้แช่แข็ง กระป๋อง
นี่คือพื้นฐานของเรา จุดแข็งของเรามีแต่เราไม่เอามาทำ พี่น้องเห็นหรือยัง ไม่ต้องเอาคนที่จบด็อกเตอร์มาจากฮาร์วาร์ด มาสอนเศรษฐศาสตร์ผมหรอก เอารายละเอียดมาว่า อะไรของเราที่แข็งที่สุด แข็งที่สุดคือเรื่องเกษตรกรรม แล้วพอเกษตรกรรมแข็ง ปรากฏว่าดินเราเสียเพราะว่าเราไปใช้ปุ๋ยต่างประเทศ แทนที่จะหัดใช้ปุ๋ยชีวภาพ แทนที่จะหัดใช้ปุ๋ยอินทรีย์ รักษาดินให้ดี สินค้าที่เป็นออร์แกนิก สินค้าชีวภาพที่ใช้ปุ๋ยชีวภาพพวกนี้ กลับเป็นสินค้าที่ขายได้มีมูลค่าเพิ่มกว่าสินค้าพืชผักธรรมดาถึงเกือบ 10 เท่า 3-4 เท่ามีอยู่แล้ว
การลงทุนพัฒนาดินออกไปให้มันดีขึ้น มันสามารถที่จะทำให้มีเกษตรอย่างยั่งยืน อันนนี้เกษตรไม่ยั่งยืนพี่น้อง แล้วการใช้ปุ๋ยที่มียาฆ่าแมลงผสมอยู่ แล้วใช้ยาฆ่าแมลง มันลงไปในดินพี่น้อง แล้วมันลงไปสู่น้ำ มันลงไปสู่แม่น้ำ แล้วน้ำในแม่น้ำมันก็ไหลลงไป แล้วคนก็ไปกิน ปลาที่เกิดจากแม่น้ำ อุตสาหกรรมทางชายฝั่งภาคตะวันออก เวลามันแยกแก๊สแล้ว พี่น้องรู้ไหมมันเหลืออะไร มันเหลือปรอท ปรอทก็ต้องทิ้งลงไปในทะเล แล้วปรอทมันอยู่ที่ไหน ปรอทมันก็ลงไปใต้พื้นทะเล แล้วใต้พื้นทะเล สัตว์อะไรที่กิน ก็ปู กับกุ้งกิน เพราะฉะนั้นแล้ว เราได้การเจริญเติบโตของอุตสาหกรรม แต่เราได้ความพินาศฉิบหายของอาหารการกิน
แล้วในที่สุด อีก 10 ปี อีก 20 ปี ไอ้โรงงานบ้า โรงงานแยกแก๊ส โรงงานพลาสติก มันก็เจ๊งฉิบหายหมด เพราะมันต้องเปลี่ยนใหม่ และอะไรเกิดขึ้น ชีวภาพทางภาคตะวันออก อาหารการกินมันฉิบหายหมดแล้ว ไม่มีแล้ว เมืองไทยก็จะไม่มีอะไรกิน เห็นหรือยังพี่น้อง
นักการเมืองเมืองไทย และนักอุตสาหกรรมเมืองไทย คิด มองได้แค่ ขอประทานโทษ หัวแม่ตีนเท่านั้นเอง มากกว่านั้นมองไม่เป็น และนี่คือสิ่งซึ่งเราต้องมาเปลี่ยนแปลงประเทศไทยเสียใหม่ เราให้ประเทศไทยเดินอย่างนี้ต่อไป ฉิบหาย เราจะให้ประเทศไทยอยู่ภายใต้ส้นเท้าของนายทุนน่ะไม่ไหวแล้วพี่น้อง ไม่ไหวแล้วท่านผู้ชม คิดสิ ไม่ต้องชอบผม คิดตามผมนิดหนึ่งแล้วท่านจะเห็นด้วยหรือเปล่า เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าในการส่งออกครั้งนี้ สินค้าที่ยังส่งออกได้ดีอยู่ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะตกแค่ไหน ก็ยังคงเป็นอาหารทะเล จำไว้นะครับ ข้าว ยอดขายเพิ่ม 8.3 กุ้งแช่แข็งเพิ่ม 43 เปอร์เซ็นต์ กุ้งแปรรูปเพิ่ม 7.9 ไก่สดแช่แข็งเพิ่มร้อยละ 3 แล้วที่กำลังจะเพิ่มคือยางพารา มันสำปะหลัง อาหารทะเลกระป๋อง แปรรูป ผัก ผลไม้สด แช่แข็ง กระป๋อง และแปรรูป เห็นหรือยังพี่น้อง
เราควรจะส่งเสริมอะไรที่เราส่งออกได้ ส่วนอะไรที่ต้องไปแข่งกับเขา แข่งเรื่องค่าแรง เราไม่ต้องไปแข่งแล้ว ไม่ต้องไปส่งเสริม เมื่อวานนี้ผมพูดไปเรื่องนี้ก็มีคนคอมเมนต์มา คุณสนธิ คุณจะบ้าเหรอ ให้ไปตัดการส่งออกหมด พวกคุณนี่ฟังไม่ได้ศัพท์จับไม่ได้กระเดียด ฟังให้ดีๆ ผมไม่ได้บอกว่าไม่ให้มีการส่งออก ผมกำลังบอกว่า เลือกอะไรที่มันส่งออกได้ดีๆ ดีมากๆ อยู่แล้ว ส่งเสริมเข้าไปให้เต็มที่ อะไรที่ต้องไปแย่งตลาด เลือกจุดแข็งของเรา จุดอ่อนของเราเรื่องค่าแรง สู้จีนไม่ได้ สู้อินเดียไม่ได้ อย่าไปยุ่งกับเขา ให้พัฒนาแล้วสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้เกิดขึ้นให้มากขึ้น พี่น้องครับ
วันนี้ผมยังไม่เห็นมีการลงทุนทางวัฒนธรรม ลงทุนทางประวัติศาสตร์ ลงทุนทางวัฒนธรรม ลงทุนทางประวัติศาสตร์ ก็คือการลงทุนที่ยั่งยืน การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน สร้างอาชีพให้คนที่ยั่งยืนนะครับพี่น้อง
มีข่าวต่างประเทศอีก 2 ข่าวสั้นๆ ข่าวแรกคือ ประเทศจีนนั้น ความที่มีเงินเหลืออยู่เยอะ ก็เลยเอาเงินไปฝาก ซื้อพันธบัตรอเมริกา กลายเป็นประเทศจีนวันนี้ถือพันธบัตรอเมริกามากที่สุดในโลก เป็นอันดับ 1 พี่น้อง แล้วจู่ๆ มีภาวการณ์ของการเจ๊งของสหรัฐอเมริกาขึ้นมา พี่น้องรู้ไหม ผมเกิดมาเป็นตัวตนนี่นะ ศึกษาข่าวต่างประเทศมาตั้งนานนะ ผมยังไม่เคยเห็นนายกรัฐมนตรีประเทศที่ใหญ่ประเทศหนึ่ง มาบอกอเมริกา บอกว่า เฮ้ย เงินที่กูฝากกับมึงไว้ มึงดูแลดีๆ นะ อย่าให้มูลค่ามันตกนะ อย่าทำเป็นเล่นไปนะ นี่คือคำพูดของนายเวิน เจียเป่า
นายเวิน เจียเป่า หลังจากการประชุมสมัชชาประชาชนแล้ว เขาเรียกร้องรัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาให้ความมั่นใจว่ามูลค่าสินทรัพย์ต่างๆ ในสหรัฐฯ ที่จีนถือครองอยู่นั้น หลักๆ ก็คือพันธบัตร จะยังคงได้รับการประคับประคองท่ามกลางวิกฤตคราวนี้ เขาพูดว่า เราได้ให้กู้เงิน พี่น้องเห็นไหม ผมพูดมานานแล้ว วันนี้หลุดออกมาจากปากนายเวิน เจียเป่า เราได้ให้กู้เงินจำนวนมหึมาแก่สหรัฐฯ หมายความว่า เรามีเงินตราต่างประเทศจากการส่งออก เราเอาเงินนั้นไปซื้อพันธบัตรเขา คือเราให้เขากู้เงิน และแน่นอนว่าเรารู้สึก เรารู้สึกกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยของสินทรัพย์ของเรา และพูดกันโดยสัตย์จริง ผมมีความรู้สึกกังวลนิดหนึ่ง โอ้โห นี่พูดออกมาจากนายกรัฐมนตรีจีน นายเวิน เจียเป่า ท่านบอกว่าผมมีความรู้สึกกังวลนิดหน่อย แสดงว่าน่ากลัวจริงๆ
พี่น้องไปดูได้ ไปเช็กข่าวเก่าได้ คนที่ติดตามข่าวต่างประเทศ ผมไม่เคยเห็นนายกรัฐมนตรีประเทศไหน มาต่อว่าอีกประเทศหนึ่ง บอกว่า เฮ้ย พันธบัตรคุณที่ผมไปซื้อน่ะ คุณระวังหน่อยนะ คุณอย่าทำให้มูลค่ามันตกไปมากกว่านี้นะ
พี่น้อง พี่น้องจำได้หรือเปล่าข่าวฮิลลารี คลินตัน ที่ตอนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศใหม่ๆ บินมาเยือนจีน แล้วฮิลลารีขอร้องให้จีนกรุณาอย่าหยุดซื้อพันธบัตรอเมริกา วันนี้พิสูจน์ชัดแล้ว อเมริกามันโตได้เพราะเราปล่อยกู้ให้มัน แล้วมันก็เอาเงินก้อนนี้ไปลงทุน ไปปล่อยกู้พวกมันเอง เพื่อให้พวกมันเองเอาเงินมาซื้อของซึ่งเราผลิตราคาถูก กดขี่แรงงาน เอาไปขายให้พวกมันราคาถูก เพื่อให้บริษัทเขามีกำไรมากขึ้น เมื่อมีกำไรมากขึ้นเขาก็จะทำให้หุ้นของเขาเพิ่มขึ้น เมื่อหุ้นของเขาเพิ่มขึ้น คนจำนวน 1-2 เปอร์เซ็นต์ ที่อยู่เบื้องบน ที่เป็นเจ้าของหุ้นเจ้าของบริษัทใหญ่ร่ำรวยมากขึ้น คนส่วนใหญ่จะไม่ได้อะไรเลย พี่น้องทางเอเชียก็จะได้ค่าแรงที่ต่ำเท่านั้นเอง
ทีนี้มาถึงจีนสักนิดหนึ่ง จีนลงทุนที่แอฟริกา ทำไมจีนไปลงทุนในแอฟริกา เพราะจีนทรัพยากรเริ่มหมด จีนก็เลยบุกกาฬทวีป การไปบุกกาฬทวีปมันตรงข้ามกับพวกทางด้านอังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา เพราะอังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา นั้นไม่กล้าไปบุกทางนั้น รัฐบาลไม่กล้าบุก รัฐบาลจะส่งเสริม รอเวลาให้แอฟริกานั้นพัฒนามาเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว มันจะได้ใช้มาตรการทางการเงิน มาตรการทางการลงทุนนั้นลงเข้าไป ปรากฏว่ายังไงรู้ไหม ผลการลงทุนครั้งนี้จีนโดนโวยแล้ว จีนโดนโวยโดยที่ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อโจแอน เดล โจแอนเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องลิงชิมแปนซี ลิงชิมแปนซี อายุ 73 เธอทำงานมา 40 ปีแล้ว เธอรู้เรื่องลิงชิมแปนซี เธอไปให้การต่อวุฒิสภาสหรัฐฯ เธอบอกว่าจีนคือตัวการ จีนคือตัวการในการทำร้ายทำลายทรัพยากรของแอฟริกา ทำลายยังไง เธอบอกว่าในแองโกลาซึ่งเป็นที่สะสมชิมแปนซี จีนกำลังบีบให้รัฐบาลแองโกลา ที่จีนไปช่วยเรื่องการสร้างถนน สร้างอุตสาหกรรม สร้างโรงงาน สร้างสนามบิน ให้ยกสัมปทานอะไรรู้ไหมพี่น้อง สัมปทานป่าไม้ เพื่อจีนจะได้ตัดไม้จากแองโกลา ซึ่งเป็นป่าไม้ที่สมบูรณ์ที่สุด แล้วส่งไม้นี้กลับมาที่เมืองจีนเพื่อความเจริญเติบโตของจีน
พี่น้องเห็นหรือยังว่าการเมืองระหว่างประเทศเริ่มมีปัญหาในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติแล้ว น่าสนใจนะพี่น้อง
ผมมีเรื่องที่จะคุยเรื่องจีนอีกเยอะ แต่อย่าเพิ่งเลย เอาจีนอีกข่าวหนึ่งก็แล้วกันนะครับ วันนี้อาจจะเลยเวลาไปสัก 1-2 นาทีนะครับ จีนนี่เขาทำอะไรเพื่อประเทศเขาจริงๆ นะ ล่าสุดบริษัทโค้ก โคคา-โคล่า จะไปซื้อบริษัทซึ่งเป็นบริษัททำน้ำผลไม้ ชื่อฮุ่ยหยวน บริษัททำน้ำผลไม้ฮุ่ยหยวน นี่ใหญ่มากในจีน มีมาร์เก็ตแชร์ ส่วนแบ่งการตลาดถึง 40 เปอร์เซ็นต์ โค้กจะซื้อด้วยเงินประมาณ 2,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถ้าคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 90,000 ล้านบาท ปรากฏว่ารัฐบาลจีนไม่ให้ พี่น้อง เขาให้ความเห็นยังไงรู้ไหม น่ารักมาก ผมหวังว่ารัฐบาลไทยคงจะคิดอย่างนี้เป็นเหมือนกัน
เขาบอกว่าถ้าให้โคคา-โคล่า เข้ามาซื้อแล้ว มันจะทำให้ไม่มีการแข่งขันในตลาด เพราะโคล่าจะใช้พลังของการจัดจำหน่ายของฮุ่ยหยวนใส่โคคา-โคล่า เข้าไป แล้วก็สามารถปิดตลาดรายย่อยที่ผลิตน้ำผลไม้ พี่น้อง คุ้นๆ ไหม คุ้นๆ กับโชห่วย กับแม็คโคร โลตัส ไหม แล้วเราก็ยังมัวสนับสนุนแม็คโคร โลตัสอยู่ แล้วก็กระทืบโชห่วยอยู่เหมือนเดิม จีนถึงเขาจะไปทำเลวในประเทศอื่น แต่ว่าเขาทำดีในประเทศเขา เขาปกป้องคนของเขา ของเราน่ะ ในประเทศอื่นก็ไม่มีปัญญาไป ในประเทศเราเราดันทะลึ่งกระทืบคนของเราอีก พี่น้องเห็นหรือยัง นี่คือข้อแตกต่าง
เอาข่าวเศร้าๆ ที่โศกสลดมาสักข่าวดีไหม แล้วจบลงด้วยข่าวทุเรศจริงๆ นะครับ ผมอยากจะเล่าเรื่องนี้จริงๆ ผมรอเอาไว้สุดท้าย และผมเชื่อว่าทั้งพี่ปองและน้องเก๋ฟังแล้วคงจะฮาตึงเลยงานนี้
ข่าวเศร้านะ มีแม่วัย 30 ปี ที่เขมร คุณยายเกรม มีลูกออกมา ตอนนี้ลูกอายุ 60 แล้ว ลูกพิการ ตาบอด แต่แม่อายุ 90 ไม่เคยทิ้งลูกเลย เลี้ยงลูกมาตลอด ทั้งๆ ที่เพื่อนบ้านบอกว่าตอนลูกเกิดน่ะ ให้เอาลูกไปทิ้งในป่าเสีย ฆ่าให้ตาย แม่ไม่ยอม แม่เลี้ยงมาตลอดเลย ตอนที่เขมรแดงบุกเข้ามายึดประเทศตอนนั้น ข่าวบอกคุณแม่เกรมเอาลูกใส่ตะกร้าแล้วก็หาบ หาบหนีสงคราม ทั้งๆ ที่ลูกพิการ ลูกทำอะไรไม่ได้ แม่ต้องไปขายของเลี้ยง แล้ววันนี้ 90 แล้ว ยังต้องเลี้ยงลูกแบบนี้อีก พี่น้อง ข่าวนี้เศร้าไหม ในสังคมทุกๆ สังคม มันมีทั้งความชื่นมื่น ความสุข และความเศร้าโศก ทุกอย่างมันอนิจจังครับพี่น้อง อนิจจังมากๆ วันนี้เราสุข พรุ่งนี้เราทุกข์ วันนี้เรามีอำนาจ พรุ่งนี้เราหมดอำนาจ เพราะฉะนั้นให้ระลึกถึงคำว่าอนิจจังเอาไว้ ทุกอย่างมันก็จะดี ไม่เหมือนไอ้หนุ่มคนหนึ่ง ชื่อนามแฝง อยู่ที่ภูเก็ต วิ่งเข้ามาหาแพทย์ที่โรงพยาบาล ร้องลั่น บอกว่าเจ็บ ทำไมถึงเจ็บ บอกว่าเพราะเอามือไปหักคิกกาปู้ของตัวเอง คิกกาปู้คืออะไร คิกกาปู้ก็คือไอ้จ้อน หรือที่ภาษาโบราณเขาเรียกกระเจี๊ยว หักกระเจี๊ยวตัวเอง ไม่ได้หยาบพี่น้อง
สมัยผมเด็กๆ ผมวิ่งเล่นแก้ผ้าอยู่ เขาก็เรียกตั๊บๆ แก้ผ้าเห็นกระเจี๊ยว เป็นเรื่องธรรมดาพี่น้อง ไปหักกระเจี๊ยวตัวเอง ทำไมหักกระเจี๊ยวตัวเอง เพราะว่ามีอารมณ์ อยากจะมีเพศสัมพันธ์ แล้วเมียดันไม่อยู่ แล้วมันไม่ยอมลง ไม่ยอมลงก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยเอามือหักเป๊าะเลย มันก็เลยบวมขึ้นมา ก็เลยวิ่งเข้าไปหาหมอ หมอก็เลยต้องเอาเหล็กเสียบเข้าไปเพื่อให้ปัสสาวะได้ น่าเสียดาย ถ้าผมรู้จักไอ้หนุ่มคนนี้ผมจะสอนนะครับ ให้หัดเจาะรูที่ฝาข้างบ้านเอาไว้บ้าง เผื่อที่มันจะดี สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องครับแล้วพรุ่งนี้ค่อยเจอกัน