“สนธิ” เหน็บ “สุเทพ” เพิ่งรู้มี “แผนตากสิน” โยงคนเสื้อแดงป่วนชาติ จวก ส.ส.เพื่อแม้ว เชียงราย ยุชาวบ้านชักธงแบ่งประเทศ ไล่ไปอยู่พม่าดีกว่า เชื่อหลังศึกอภิปราย ส.ส.เพื่อแม้ว แห่เข้าซบเพื่อนเนวินแน่ คาดเลือกตั้งใหม่กวาด 200 ที่นั่ง แนะ “สมคิด หอมเนตร” ผู้กล้าฟ้องศาลปกครองเพิ่มเติมให้คุ้มครองห้ามย้ายการบินไทยกลับสุวรรณภูมิ ในทางกลับกันควรย้ายการบินไทยกลับดอนเมืองทั้งหมดดีกว่า
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ “Good Morning Thailand” ทางเอเอสทีวี เมื่อเช้าวันที่ 19 มี.ค.กรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี พูดถึงแผนตากสินว่าเป็นขบวนการที่สอดรับกับคนเสื้อแดงและมีเป้าหมายนั้น อยากเตือนนายสุเทพว่าขบวนการนี้ไม่ใช่เพิ่งมี แต่มีมาตั้งแต่ปี 2544 เป็นแผนของฝ่ายซ้ายจัดที่อยู่แวดล้อม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และปรับเปลี่ยนเรื่อยๆ ซึ่งสุดท้ายจะล้มระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และสถาปนาสาธารณรัฐขึ้น ตนพูดมาตั้งแต่ต้น และใส่เสื้อเหลืองที่มีข้อความว่า “เราจะสู้เพื่อในหลวง” มาตั้งแต่ปี 2548
น่าเสียดายที่นายสุเทพไม่สนใจเทียนแห่งธรรม ก็เลยพิจารณาเรื่องแบบเรียลไทม์ เห็นแค่แผนตากสินที่ปรากฏอยู่ตอนนี้ แต่อยากให้หันไปมอง ก็จะเข้าใจดีว่าแผนตากสินเป็นส่วนหนึ่งในแผนใหญ่ของการเดินสายทุกอย่างทุกประการ แผนนี้อาจรวมไปถึงการวางระเบิดที่สุราษฎร์ธานี ซึ่งนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่เป็นชาวสุราษฎร์ฯ ก็รีบออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่ฝีมือของฝ่ายเสื้อแดง ทั้งที่เหตุการณ์เพิ่งจะเกิดไม่ทันไร แต่กล้าออกมาปฏิเสธแทน แสดงว่าสนิทสนมกับพวกเสื้อแดงมาก
สำหรับระเบิดที่สุราษฎร์นั้นเป็นการวางที่เสาไฟฟ้า โดยข่าวทางลับพบว่าเป็นฝีมือของทหารบางคนที่อยู่ในขบวนการสร้างความปั่นป่วนในแผ่นดิน อย่างไรก็ตาม รู้สึกดีใจที่นายสุเทพบอกว่าเสื้อแดงเป็นพวกป่วนเมือง แสดงว่านายสุเทพเห็นแล้วว่าใครป่วน ที่เคยพูดว่าทั้งเสื้อแดงเสื้อเหลืองป่วนเมืองนั้นเลิกพูดได้แล้ว เพราะเราไม่เคยป่วนมีแต่เสื้อแดงป่วน
ส่วนที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ขู่ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะต้องจอดตั้งแต่ยกแรกนั้น อยากเตือนนายจตุพรว่าคำพูดแต่ละคำที่บอกว่าว่าแน่นั้น นายจตุพรเคยลั่นวาจาว่าจะกราบเท้านายอภิสิทธิ์ถ้าได้เป็นนายกฯ แต่จนถึงวันนี้ยังไม่เป็นนายจตุพรกราบเลย คำพูดของนายจตุพรจึงไม่ต่างจากคำพูดของ ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ และอีกหลายคนของพรรคเพื่อไทย ที่เป็นโมฆบุรุษ โกหกได้ทุกเรื่อง
กรณีที่คนเสื้อแดงจะจัดชุมนุมในวันที่ 21 มี.ค.ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายนั้น นายสนธิกล่าวว่า อยากจะพูดถึงอธิการรบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ว่าคิดอะไรอยู่ ที่ให้ใช้สถานที่ให้คนเสื้อแดงจัดโต๊ะจีน หรือว่าลึกๆ เป็นคนของนายยงยุทธ ติยะไพรัช หรือคนของพรรคเพื่อไทย ตนไม่ขัดข้องที่จะให้สถานที่จัดเสวนาของทุกๆ ฝ่าย แต่เท่าที่จำได้ ยังไม่เคยเปิดโอกาสให้พันธมิตรฯ เข้าไปจัดเลย แต่อย่างน้อยอยากจะบอกว่า จะไม่รับเด็กที่จบจากราชภัฏเชียงรายเข้าทำงาน เพราะนักศึกษาที่จบมาคงไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองได้ดีพอ
กรณีที่ นายสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย บอกว่าคนเสื้อแดงจะเข้ากรุงเทพฯ 3 แสนคน และอ้างว่าหากมีการยุบพรรคประชาธิปัตย์พร้อมกับพรรคไทยรักไทยนั้นก็ถือว่าสมดุลกัน แต่เมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ให้แบ่งประเทศเหมือนเกาหลี ให้ปักธงแดงไว้หน้าบ้านไปเลยนั้น นายสนธิกล่าวว่า นายสุรสิทธิ์พูดอย่างนี้ได้อย่างไร เพราะพันธมิตรฯ ไม่เคยเสนอให้แบ่งประเทศ เราเพียงแต่อยากให้คนไทยอีกกลุ่มหนึ่งได้เข้าใจ อยากถามว่าถ้าคิดจะแบ่งประเทศแล้วจะชดใช้ให้กับบรรพบุรุษและบุรพกษัตริย์ที่รักษาแผ่นนี้ไว้ให้เราอย่างไร
"คนอย่างนายสุรสิทธิ์น่าจะรู้ว่าที่ตัวเองได้เป็น ส.ส.ก็เพราะซื้อเสียงเข้าไป ถ้าจะให้ชาวบ้านชักธงแดงเพื่อแบ่งประเทศ ก็คงเป็นเพราะเอาเงินไปแจก คะแนนเสียงที่ได้ไปนั้น ก็ได้ไปเพราะเงิน แล้วอ้างว่าเป็นเสียงของประชาชน แล้วถ้าจะแบ่งประเทศจริงๆ นายสุรสิทธิ์ยอมรับหรือไม่ว่าสถาบันกษัตริย์มีความจำเป็นต่อสังคมไทย คนไทยจะต้องเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ถ้าไม่ยอมรับตรงนี้ ก็ขอให้นายสุรสิทธิ์ย้ายไปอยู่พม่าดีกว่า"
เลือกตั้งใหม่ “เพื่อนเนวิน” 200 ที่นั่ง
กรณีที่นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาไทยบอกว่า หลังอภิปรายจะมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยย้ายมาอยู่พรรคภูมิใจไทยมากขึ้นนั้น นายสนธิกล่าวว่า ถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะพรรคภูมิใจไทยนั้น ในที่สุดก็คือพรรคไทยรักไทยที่ไม่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่วิธีการทำงานไม่ต่างกัน เพราะมุ่งมั่นที่จะทำโครงการขนาดใหญ่เพื่อหวังจะได้ผลประโยชน์ เอามาแบ่งปันกัน ที่เหลือก็เอามาลงขันซื้อเสียงเพื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลต่อ ขอฟันธงว่าพรรคภูมิใจไทยจะมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยมาร่วม จนมี ส.ส.เพิ่มเป็น 100 คน เมื่อเลือกตั้งครั้งหน้า ด้วยเงินที่สะสมจาโครงการต่างๆจะทำให้มี ส.ส.มากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ โดยน่าจะได้ 180-200 เสียง ซึ่งมีโอกาสที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะมาเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อเป็นนายกฯ หรือไม่ก็ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.สนธิ ไปเป็นหัวหน้าพรรคเล็กๆ เมื่อพรรคภูมิใจไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก็จะพาพรรคร่วมทั้งหลายไปเชิดชู พล.อ.ประวิตรขึ้นเป็นนายกฯ เพราะพรรคนี้เชื่อว่าถ้ามีทหารหนุนหลังก็จะอยู่ได้นาน โดยที่ พล.อ.อนุพงษ์ จะมาเป็นนายกฯ ได้ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ก็จะถูกผลักให้ไปเป็นฝ่ายค้านในที่สุด
"กรณีที่บริษัท เอไอจี ประสบปัญหาจนรัฐบาลสหรัฐต้องเอาเงินไปช่วย 1.73 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 6 ล้านล้านบาท แต่มีการเอาไปจ่ายเป็นเงินโบนัสให้ผู้บริหารประมาณ 5 พันกว่าล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 0.006 ของเงินที่รัฐบาลเอามาช่วย แต่นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐก็ยังตำหนิ รวมถึงรัฐมนตรีคลัง และวุฒิสภาสหรัฐก็ตำหนิเอไอจี เพราะพวกเขารับไม่ได้ เพราะเป็นเงินของส่วนรวม ต่างจากเมืองไทยที่รับประทานได้ทุกอย่างโดยไม่มีสำนึกเกรงกลัวต่อบาป มีการเอาโครงการใหญ่ๆ เช่น ขยายสนามบิน 7.5 หมื่นล้าน ถนนปลอดฝุ่นหลายหมื่นล้านมาต่อรองว่าถ้าไม่ให้ ก็จะไม่ยกมือให้ในการอภิปราย นี่คือการเมืองน้ำเน่า"
แนะ “สมคิด” ฟ้องศาลปกครองเพิ่ม
นายสนธิกล่าวถึงกรณีที่นายสมคิด หอมเนตร นักวิชาการอิสระ ยื่นฟ้องต่อนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมกับผู้เกี่ยวข้องกับการย้ายเที่ยวบินจากดอนเมืองไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ ต่อศาลปกครองว่า อยากให้นายสมคิดฟ้องเพิ่มเพื่อให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามย้ายบริการของการบินไทยกลับไปอยู่สนามบินสุวรรณภูมิทั้งหมด
ทั้งนี้ การย้ายเที่ยวบินการบินไทยไปอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิแห่งเดียว น่าจะเป็นคำสั่งของนายศรีสุข จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคมที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ได้กลับมาเป็นประธานคณะกรรมการพื้นฟูการขนส่งทางอากาศ เพราะนายโสภณเป็นแค่อดีตครูประชาบาล ไม่รู้เรื่องพวกนี้ นายเนวินจึงให้นายศรีสุขมาคุม โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยคิงเพาเวอร์ ที่มีสัญญาเช่าพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ และเอาพื้นที่ไปเซ้งต่อ แต่เมื่อรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ย้ายบริการเที่ยวบินในประเทศกลับไปที่ดอนเมืองทำให้ปริมาณคนที่มาใช้บริการน้อยลง นอกจากนี้ โดยมารยาทแล้วนายศรีสุขไม่ควรจะกลับเข้ามา เพราะอาจปกปิดทำลายหลักฐานที่ตัวเองทำไว้ในสนามบินสุวรรณภูมิ ขณะเดียวกัน การย้ายเที่ยวบินมาที่สุวรรณภูมิยังจะใช้เป็นข้ออ้างว่าเกิดความแออัดและจะสร้างเฟส 2 เพิ่มต่อไป
นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตว่า รักษาการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทย คือ พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ นั้นเป็นพี่ชาย พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เพื่อนสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณนั่นเอง
ทำไม พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ไม่มองในทางกลับกันว่า ให้ย้ายบริการของการบินไทยทั้งหมดมาผูกขาดอยู่ที่ดอนเมืองเลย เพื่อเป็นฮับบริการของการบินไทยทั้งเที่ยวบินในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งไม่เสียหาย และไม่ต้องอ้างเรื่องการเดินทาง เพราะมีแอร์พอร์ตลิงค์อยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะสร้างมาทำไม เมือใหญ่อื่นๆ ก็มีสนามบินมากกว่า 1 แห่งทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นโตเกียว ลอนดอน นิวยอร์ก ถ้าเราใช้ดอนเมืองควบคู่ไปด้วย เพื่อไม่ให้สูญเสียทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์ ก็สามารถทำได้ ถ้ามีจิตใจที่ซื่อสัตย์ ไม่คิดโกงกินบ้านเมือง การบินไทยก็มาเป็นฮับที่นี่ ก็จะสง่างาม เพราะจะมีเทอร์มินัลเป็นของตนเอง ขณะที่อยู่สุวรรณภูมิไม่มีเลย เพราะฉะนั้นอย่าอ้างเรื่องการประสาน การเดินทาง เพื่อย้ายไปอยู่สุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นการโกหกของผู้บริหารการบินไทยที่มีส่วนกินบ้านกินเมืองอย่างหน้าด้านๆ
แนะกลับสู่รากฐานพัฒนาสินค้าเกษตร
นายสนธิกล่าวถึงรายงานของกระทรวงพาณิชย์ถึงยอดส่งออกในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ว่า มียอดติดลบร้อยละ 11 ซึ่งก็เป็นธรรมดา เพราะเราพึ่งพาการส่งออก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยพูดตอนเป็นนายกฯ ว่าจะลดการพึ่งพาการส่งออกเหลือเพียงร้อยละ 30 แต่ก็ไม่ได้ทำ มีแต่ต้องพึ่งพาเพิ่ม ซึ่งการพึ่งการส่งออกก็เหมือนกับยืมจมูกคนอื่นหายใจ ดังนั้นควรพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศสนับสนุนให้มีการจับจ่ายใช้สอยภายในดีกว่า หรือพัฒนาสินค้าส่งออกที่สามารถขายได้ตลอด ไม่ว่าเศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างไร ซึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีสินค้าส่งออกที่มียอดเพิ่มขึ้น คือ ข้าว กุ้งแช่แข็ง ไก่สดแช่เย็น และสินค้าที่มียอดส่งออกที่มีแนวโน้มไปได้ดีคือ ยางพารา มันสำปะหลัง ผักผลไม้สดแปรรูป ดังนั้นเราจึงกลับไปสู่จุดเดิมที่ว่า พื้นฐานของเราคือการเกษตร ที่เป็นจุดแข็งของเรา และเราสามารถพัฒนาโดยใช้ปุ๋ยชีวภาพ ทำเกษตรยั่งยืน ดีกว่าพัฒนาอุตสาหกรรมซึ่งไม่กี่ปีก็เจ๊งและผลที่ตามมาคือแหล่งอาหารของเราถูกทำลาย
“เราไม่ได้ให้เลิกส่งออก แต่เราควรเลือกสินค้าอะไรที่ไปได้ดี แล้วเลือกส่งเสริมเฉพาะสินค้าตัวนั้น นอกจากนั้น อยากให้ลงทุนทางวัฒนธรรม ทางประวัติศาสตร์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย” นายสนธิกล่าว.
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ “Good Morning Thailand” ทางเอเอสทีวี เมื่อเช้าวันที่ 19 มี.ค.กรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี พูดถึงแผนตากสินว่าเป็นขบวนการที่สอดรับกับคนเสื้อแดงและมีเป้าหมายนั้น อยากเตือนนายสุเทพว่าขบวนการนี้ไม่ใช่เพิ่งมี แต่มีมาตั้งแต่ปี 2544 เป็นแผนของฝ่ายซ้ายจัดที่อยู่แวดล้อม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และปรับเปลี่ยนเรื่อยๆ ซึ่งสุดท้ายจะล้มระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และสถาปนาสาธารณรัฐขึ้น ตนพูดมาตั้งแต่ต้น และใส่เสื้อเหลืองที่มีข้อความว่า “เราจะสู้เพื่อในหลวง” มาตั้งแต่ปี 2548
น่าเสียดายที่นายสุเทพไม่สนใจเทียนแห่งธรรม ก็เลยพิจารณาเรื่องแบบเรียลไทม์ เห็นแค่แผนตากสินที่ปรากฏอยู่ตอนนี้ แต่อยากให้หันไปมอง ก็จะเข้าใจดีว่าแผนตากสินเป็นส่วนหนึ่งในแผนใหญ่ของการเดินสายทุกอย่างทุกประการ แผนนี้อาจรวมไปถึงการวางระเบิดที่สุราษฎร์ธานี ซึ่งนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่เป็นชาวสุราษฎร์ฯ ก็รีบออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่ฝีมือของฝ่ายเสื้อแดง ทั้งที่เหตุการณ์เพิ่งจะเกิดไม่ทันไร แต่กล้าออกมาปฏิเสธแทน แสดงว่าสนิทสนมกับพวกเสื้อแดงมาก
สำหรับระเบิดที่สุราษฎร์นั้นเป็นการวางที่เสาไฟฟ้า โดยข่าวทางลับพบว่าเป็นฝีมือของทหารบางคนที่อยู่ในขบวนการสร้างความปั่นป่วนในแผ่นดิน อย่างไรก็ตาม รู้สึกดีใจที่นายสุเทพบอกว่าเสื้อแดงเป็นพวกป่วนเมือง แสดงว่านายสุเทพเห็นแล้วว่าใครป่วน ที่เคยพูดว่าทั้งเสื้อแดงเสื้อเหลืองป่วนเมืองนั้นเลิกพูดได้แล้ว เพราะเราไม่เคยป่วนมีแต่เสื้อแดงป่วน
ส่วนที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ขู่ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะต้องจอดตั้งแต่ยกแรกนั้น อยากเตือนนายจตุพรว่าคำพูดแต่ละคำที่บอกว่าว่าแน่นั้น นายจตุพรเคยลั่นวาจาว่าจะกราบเท้านายอภิสิทธิ์ถ้าได้เป็นนายกฯ แต่จนถึงวันนี้ยังไม่เป็นนายจตุพรกราบเลย คำพูดของนายจตุพรจึงไม่ต่างจากคำพูดของ ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ และอีกหลายคนของพรรคเพื่อไทย ที่เป็นโมฆบุรุษ โกหกได้ทุกเรื่อง
กรณีที่คนเสื้อแดงจะจัดชุมนุมในวันที่ 21 มี.ค.ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายนั้น นายสนธิกล่าวว่า อยากจะพูดถึงอธิการรบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ว่าคิดอะไรอยู่ ที่ให้ใช้สถานที่ให้คนเสื้อแดงจัดโต๊ะจีน หรือว่าลึกๆ เป็นคนของนายยงยุทธ ติยะไพรัช หรือคนของพรรคเพื่อไทย ตนไม่ขัดข้องที่จะให้สถานที่จัดเสวนาของทุกๆ ฝ่าย แต่เท่าที่จำได้ ยังไม่เคยเปิดโอกาสให้พันธมิตรฯ เข้าไปจัดเลย แต่อย่างน้อยอยากจะบอกว่า จะไม่รับเด็กที่จบจากราชภัฏเชียงรายเข้าทำงาน เพราะนักศึกษาที่จบมาคงไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองได้ดีพอ
กรณีที่ นายสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย บอกว่าคนเสื้อแดงจะเข้ากรุงเทพฯ 3 แสนคน และอ้างว่าหากมีการยุบพรรคประชาธิปัตย์พร้อมกับพรรคไทยรักไทยนั้นก็ถือว่าสมดุลกัน แต่เมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ให้แบ่งประเทศเหมือนเกาหลี ให้ปักธงแดงไว้หน้าบ้านไปเลยนั้น นายสนธิกล่าวว่า นายสุรสิทธิ์พูดอย่างนี้ได้อย่างไร เพราะพันธมิตรฯ ไม่เคยเสนอให้แบ่งประเทศ เราเพียงแต่อยากให้คนไทยอีกกลุ่มหนึ่งได้เข้าใจ อยากถามว่าถ้าคิดจะแบ่งประเทศแล้วจะชดใช้ให้กับบรรพบุรุษและบุรพกษัตริย์ที่รักษาแผ่นนี้ไว้ให้เราอย่างไร
"คนอย่างนายสุรสิทธิ์น่าจะรู้ว่าที่ตัวเองได้เป็น ส.ส.ก็เพราะซื้อเสียงเข้าไป ถ้าจะให้ชาวบ้านชักธงแดงเพื่อแบ่งประเทศ ก็คงเป็นเพราะเอาเงินไปแจก คะแนนเสียงที่ได้ไปนั้น ก็ได้ไปเพราะเงิน แล้วอ้างว่าเป็นเสียงของประชาชน แล้วถ้าจะแบ่งประเทศจริงๆ นายสุรสิทธิ์ยอมรับหรือไม่ว่าสถาบันกษัตริย์มีความจำเป็นต่อสังคมไทย คนไทยจะต้องเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ถ้าไม่ยอมรับตรงนี้ ก็ขอให้นายสุรสิทธิ์ย้ายไปอยู่พม่าดีกว่า"
เลือกตั้งใหม่ “เพื่อนเนวิน” 200 ที่นั่ง
กรณีที่นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาไทยบอกว่า หลังอภิปรายจะมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยย้ายมาอยู่พรรคภูมิใจไทยมากขึ้นนั้น นายสนธิกล่าวว่า ถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะพรรคภูมิใจไทยนั้น ในที่สุดก็คือพรรคไทยรักไทยที่ไม่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่วิธีการทำงานไม่ต่างกัน เพราะมุ่งมั่นที่จะทำโครงการขนาดใหญ่เพื่อหวังจะได้ผลประโยชน์ เอามาแบ่งปันกัน ที่เหลือก็เอามาลงขันซื้อเสียงเพื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลต่อ ขอฟันธงว่าพรรคภูมิใจไทยจะมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยมาร่วม จนมี ส.ส.เพิ่มเป็น 100 คน เมื่อเลือกตั้งครั้งหน้า ด้วยเงินที่สะสมจาโครงการต่างๆจะทำให้มี ส.ส.มากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ โดยน่าจะได้ 180-200 เสียง ซึ่งมีโอกาสที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะมาเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อเป็นนายกฯ หรือไม่ก็ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.สนธิ ไปเป็นหัวหน้าพรรคเล็กๆ เมื่อพรรคภูมิใจไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก็จะพาพรรคร่วมทั้งหลายไปเชิดชู พล.อ.ประวิตรขึ้นเป็นนายกฯ เพราะพรรคนี้เชื่อว่าถ้ามีทหารหนุนหลังก็จะอยู่ได้นาน โดยที่ พล.อ.อนุพงษ์ จะมาเป็นนายกฯ ได้ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ก็จะถูกผลักให้ไปเป็นฝ่ายค้านในที่สุด
"กรณีที่บริษัท เอไอจี ประสบปัญหาจนรัฐบาลสหรัฐต้องเอาเงินไปช่วย 1.73 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 6 ล้านล้านบาท แต่มีการเอาไปจ่ายเป็นเงินโบนัสให้ผู้บริหารประมาณ 5 พันกว่าล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 0.006 ของเงินที่รัฐบาลเอามาช่วย แต่นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐก็ยังตำหนิ รวมถึงรัฐมนตรีคลัง และวุฒิสภาสหรัฐก็ตำหนิเอไอจี เพราะพวกเขารับไม่ได้ เพราะเป็นเงินของส่วนรวม ต่างจากเมืองไทยที่รับประทานได้ทุกอย่างโดยไม่มีสำนึกเกรงกลัวต่อบาป มีการเอาโครงการใหญ่ๆ เช่น ขยายสนามบิน 7.5 หมื่นล้าน ถนนปลอดฝุ่นหลายหมื่นล้านมาต่อรองว่าถ้าไม่ให้ ก็จะไม่ยกมือให้ในการอภิปราย นี่คือการเมืองน้ำเน่า"
แนะ “สมคิด” ฟ้องศาลปกครองเพิ่ม
นายสนธิกล่าวถึงกรณีที่นายสมคิด หอมเนตร นักวิชาการอิสระ ยื่นฟ้องต่อนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมกับผู้เกี่ยวข้องกับการย้ายเที่ยวบินจากดอนเมืองไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ ต่อศาลปกครองว่า อยากให้นายสมคิดฟ้องเพิ่มเพื่อให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามย้ายบริการของการบินไทยกลับไปอยู่สนามบินสุวรรณภูมิทั้งหมด
ทั้งนี้ การย้ายเที่ยวบินการบินไทยไปอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิแห่งเดียว น่าจะเป็นคำสั่งของนายศรีสุข จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคมที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ได้กลับมาเป็นประธานคณะกรรมการพื้นฟูการขนส่งทางอากาศ เพราะนายโสภณเป็นแค่อดีตครูประชาบาล ไม่รู้เรื่องพวกนี้ นายเนวินจึงให้นายศรีสุขมาคุม โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยคิงเพาเวอร์ ที่มีสัญญาเช่าพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ และเอาพื้นที่ไปเซ้งต่อ แต่เมื่อรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ย้ายบริการเที่ยวบินในประเทศกลับไปที่ดอนเมืองทำให้ปริมาณคนที่มาใช้บริการน้อยลง นอกจากนี้ โดยมารยาทแล้วนายศรีสุขไม่ควรจะกลับเข้ามา เพราะอาจปกปิดทำลายหลักฐานที่ตัวเองทำไว้ในสนามบินสุวรรณภูมิ ขณะเดียวกัน การย้ายเที่ยวบินมาที่สุวรรณภูมิยังจะใช้เป็นข้ออ้างว่าเกิดความแออัดและจะสร้างเฟส 2 เพิ่มต่อไป
นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตว่า รักษาการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทย คือ พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ นั้นเป็นพี่ชาย พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เพื่อนสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณนั่นเอง
ทำไม พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ไม่มองในทางกลับกันว่า ให้ย้ายบริการของการบินไทยทั้งหมดมาผูกขาดอยู่ที่ดอนเมืองเลย เพื่อเป็นฮับบริการของการบินไทยทั้งเที่ยวบินในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งไม่เสียหาย และไม่ต้องอ้างเรื่องการเดินทาง เพราะมีแอร์พอร์ตลิงค์อยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะสร้างมาทำไม เมือใหญ่อื่นๆ ก็มีสนามบินมากกว่า 1 แห่งทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นโตเกียว ลอนดอน นิวยอร์ก ถ้าเราใช้ดอนเมืองควบคู่ไปด้วย เพื่อไม่ให้สูญเสียทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์ ก็สามารถทำได้ ถ้ามีจิตใจที่ซื่อสัตย์ ไม่คิดโกงกินบ้านเมือง การบินไทยก็มาเป็นฮับที่นี่ ก็จะสง่างาม เพราะจะมีเทอร์มินัลเป็นของตนเอง ขณะที่อยู่สุวรรณภูมิไม่มีเลย เพราะฉะนั้นอย่าอ้างเรื่องการประสาน การเดินทาง เพื่อย้ายไปอยู่สุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นการโกหกของผู้บริหารการบินไทยที่มีส่วนกินบ้านกินเมืองอย่างหน้าด้านๆ
แนะกลับสู่รากฐานพัฒนาสินค้าเกษตร
นายสนธิกล่าวถึงรายงานของกระทรวงพาณิชย์ถึงยอดส่งออกในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ว่า มียอดติดลบร้อยละ 11 ซึ่งก็เป็นธรรมดา เพราะเราพึ่งพาการส่งออก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยพูดตอนเป็นนายกฯ ว่าจะลดการพึ่งพาการส่งออกเหลือเพียงร้อยละ 30 แต่ก็ไม่ได้ทำ มีแต่ต้องพึ่งพาเพิ่ม ซึ่งการพึ่งการส่งออกก็เหมือนกับยืมจมูกคนอื่นหายใจ ดังนั้นควรพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศสนับสนุนให้มีการจับจ่ายใช้สอยภายในดีกว่า หรือพัฒนาสินค้าส่งออกที่สามารถขายได้ตลอด ไม่ว่าเศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างไร ซึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีสินค้าส่งออกที่มียอดเพิ่มขึ้น คือ ข้าว กุ้งแช่แข็ง ไก่สดแช่เย็น และสินค้าที่มียอดส่งออกที่มีแนวโน้มไปได้ดีคือ ยางพารา มันสำปะหลัง ผักผลไม้สดแปรรูป ดังนั้นเราจึงกลับไปสู่จุดเดิมที่ว่า พื้นฐานของเราคือการเกษตร ที่เป็นจุดแข็งของเรา และเราสามารถพัฒนาโดยใช้ปุ๋ยชีวภาพ ทำเกษตรยั่งยืน ดีกว่าพัฒนาอุตสาหกรรมซึ่งไม่กี่ปีก็เจ๊งและผลที่ตามมาคือแหล่งอาหารของเราถูกทำลาย
“เราไม่ได้ให้เลิกส่งออก แต่เราควรเลือกสินค้าอะไรที่ไปได้ดี แล้วเลือกส่งเสริมเฉพาะสินค้าตัวนั้น นอกจากนั้น อยากให้ลงทุนทางวัฒนธรรม ทางประวัติศาสตร์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย” นายสนธิกล่าว.