“สุริยะใส” จี้ลากคอ คนสั่งฆ่า ปชช.เข้าคุก ลั่นเดินหน้าฟ้องศาลอีกแรง

ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ เผยผลชี้มูล ป.ป.ช.เหตุการณ์ 7 ตุลาเลือด ยังไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่ ติง ป.ป.ช.น่าจะพิจารณาพยานหลักฐาน หรือข้อเท็จจริงทั้งก่อนและหลังเหตุการณ์ด้วย เพราะเกี่ยวเนื่องกันไม่ควรตัดตอน ทำให้มีนาย ตร.หลายคนหลุดรอดไปได้ ยันเดินหน้าฟ้องศาลเอง ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จี้ฝ่ายการเมืองเร่งลงโทษนายตำรวจที่ถูกชี้มูล

วันนี้ (16 มี.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
กล่าวถึงการชี้มูลของ อนุฯ ป.ป.ช.กรณีเหตุการณ์ 7 ตุลาในเบื้องต้น ว่า ยังไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่ โดยเฉพาะมีนายตำรวจหลายคนที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมในเหตุการณ์ปราบปรามประชาชน รอดพ้นความผิดจากการไต่สวนของ ป.ป.ช.ครั้งนี้ กรณีของ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ที่ระบุว่า ไม่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ ป.ป.ช.ก็ไม่ควรชี้มูลจากพยานหรือหลักฐานแวดล้อมในช่วงที่เกิดเหตุเท่านั้น ป.ป.ช.น่าจะพิจารณาพยานหลักฐานหรือข้อเท็จจริงทั้งก่อนและหลังเหตุการณ์ด้วย เพราะมันเกี่ยวเนื่องกันไม่ควรตัดตอน เหตุการณ์

ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า นายตำรวจหลายคนแม้ไม่อยู่ในเหตุการณ์โดยตรง แต่มีบทบาทสูงในการสนับสนุนนโยบายและมาตรการของเจ้าหน้าที่ในการใช้กำลังปราบประชาชน แม้หลังเหตุการณ์ก็ยังไม่ยอมรับผิด ซ้ำร้ายยังใช้ตำแหน่งหน้าที่สัมภาษณ์ให้ความเห็น หรือใช้อำนาจหน้าที่เพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างความชอบธรรมให้กับตำรวจที่กระทำความผิด และโยนบาปให้ผู้ชุมนุม เช่น พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน สัมภาษณ์ตลอดว่าคนเจ็บคนตายไม่ได้เกิดจากแก๊สน้ำตา พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง ก็บอกว่า คนตายอย่างน้องโบว์พกระเบิดมาเอง ซึ่งมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงอันไม่เป็นธรรมกับประชาชนในฐานะผู้สูญเสีย

“เรื่องนี้พันธมิตรฯ ยืนยันจะไม่ปล่อยให้นายตำรวจ และฝ่ายการเมืองที่เกี่ยวข้องทั้งหมดหลุดรอดไปได้แม้แต่คนเดียว ถ้า ป.ป.ช.ชุดใหญ่ชี้มูลตามอนุฯชุดนี้ เราก็อาจจะดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลเอง ซึ่งจะเอาผิดทั้งนายตำรวจระดับบังคับบัญชา และระดับปฏิบัติการณ์ที่มีหลายคนขว้างแก๊สน้ำตาและไล่ทุบตีประชาชนอย่างสนุกมือ สนุกเท้า ปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด อย่ามาอ้างว่านายตำรวจชั้นผู้น้ออยเหล่านั้นทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ซึ่งเรื่องนี้เรามีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ในชั้นศาลได้”

นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ไม่ใช่การล้างแค้น หรือเป็นเรื่องพอใจหรือไม่พอใจ แต่เป็นเรื่องที่พันธมิตรฯ ต้องการสร้างบรรทัดฐานคนผิดต้องได้รับการลงโทษตามความเหมาะสม สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญของประชาชนต้องได้รับการคุ้มครองอย่างเคร่งครัด

ส่วนนายตำรวจที่ถูกชี้มูลว่ามีความผิดทางวินัยก็เป็นเรื่องทีรัฐบาลต้องดำเนินการลงโทษตามความเหมาะสมต่อไป ผมหวังว่ารัฐบาลจะตรงไปตรงมา ไม่ลูบหน้าปะจมูก กรณีนี้จะเป็นบทพิสูจน์ว่ารัฐบาลจะเลือกยืนอยู่บนความถูกต้องหรือพวกพ้อง