คนไทยในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง หน้าเหี่ยวท้องแห้ง บ้างลำบากบักโกรก ถึงคราวซวยตกงาน เดินเตะฝุ่น ไร้เงินยาไส้
คงตาลุกวาว โอ้โหอื้อหือ กับข่าวลึกข่าวลับ เงินรายได้ประจำเดือนก้อนพิเศษของ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่เสี่ยใหญ่ใจดี เจ้าสัวคิงเพาเวอร์อุปการคุณ ส่งเสียรายเดือนให้ผู้แทนประชาธิปัตย์ ป้อมค่ายที่กำลังกุมอำนาจรัฐ
เบี้ยกินเปล่า “หนึ่งแสนบาท” ต่อเดือน!
จะถือว่าเป็นรายได้ที่ควรได้ก็ไม่ใช่ ต้องถือเป็น “ลาภลอย” ที่ไม่รู้สุดท้าย ต้องแลกกับ “จ๊อบพิเศษ” นอกเหนือหน้าที่ผู้แทนราษฎรที่ดีหรือไม่
ทั้งที่หากดูรายรับในการเข้ามาทำหน้าที่ ส.ส.ประชาชนคนไทยต้องเจียดเบี้ยส่งต๋งเข้ารัฐ เอามาจ่ายเป็นค่าเลี้ยงดูผู้แทนฯก็เรียกว่ารับกันอู้ฟู่อยู่แล้ว
หากดูจากอัตราเงินเดือน สิทธิประโยชน์และค่าตอบแทนของ ผู้ทรงเกียรติ ส.ส.1 คน จะได้รับเงินประจำตำแหน่ง 62,000 บาท และได้เงินเพิ่มอีก 42,330 บาท รับเข้ากระเป๋ารายเดือน 104,330 บาท
“หนึ่งแสน สี่พัน สามร้อย สามสิบบาท” !
ยังไม่รวมเบี้ยประชุมคณะกรรมาธิการ อนุกรรมาธิการ อีกต่ำๆ ก็ 500-1,000 บาท ต่อการเสียเวลาทำงาน 1 หน อีกทั้งค่าใช้จ่ายทีมงาน ก็ไม่ต้องควักกระเป๋าเอง เงินภาษีจากประชาชนช่วยเลี้ยงดู ผู้ช่วย ส.ส.5 คนๆ ละ 10,000 บาท ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว1คน เงินเดือน 20,000 บาท
สวัสดิการของคนเป็นผู้แทนฯ ชาวบ้านควักภาษีไปเลี้ยงดูกันเป็นอย่างดี ทั้งเงินประกันสุขภาพ เจ็บไข้ได้ป่วย มีให้เบิกใช้เบิกจ่ายกันรายละ 20,000 บาทต่อปี
การเดินทางก็สะดวกสบาย ไม่ว่าจะใช้บริการ ร.ฟ.ท.รถไฟไทย รถบัสรถทัวร์ บขส.หรือจะขึ้นเครื่องบิน ฟรีทุกรายการ ไม่ต้องเสียเวลาตีตั๋วเสียค่าโดยสาร
รายรับ รายได้ สวัสดิการ และความมั่นคงของชีวิต เปรียบเทียบกับการทำงาน ประชุมสภา 2 วัน ประชุมอื่นๆ อีกสัก 1 วัน ปีหนึ่งทำงานแค่ไม่กี่เดือน
อาชีพผู้แทนฯจึงหอมหวานนัก
แต่อีกมุมหนึ่ง เรื่อง “ภาษีสังคม” ที่ ส.ส.มักโอดครวญ ว่า รายจ่ายบานตะไท งานบุญ งานโกน งานบวช งานหมั้น งานแต่ง งานสวด งานเผา นานาจิปาถะ เพราะ “สังคมอุปถัมภ์” ฝังรากลึกในสังคมไทย
แต่เมื่อได้รับมาเยอะ จะจุนเจือแจกจ่ายกระจายรายได้กันไปบ้างก็ให้พอสมน้ำสมเนื้อ แต่จะใช้เป็นข้ออ้างเพื่อกอบโกยกินโกง ยกเป็นเหตุผลหรูว่าเหมือนโรบินฮู้ด ปล้นไปเจือจานคนยากไร้ ไม่ได้
กลับมาที่ “ลาภลอย” ของ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่ดูแล้วไม่ค่อยเหมาะ เพราะการหว่านพืชย่อมหวังผล การทุ่มทุนอัดฉีดย่อมมีเป้าประสงค์ หากวันใดวันหนึ่งมีเรื่องต้องเลือก ระหว่างผลประโยชน์
นายทุนกับเรื่องบ้านเมือง
จะมีอะไรรับประกันในเรื่องการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา
นอกเหนือรายรับจากเงินเดือนเงินประจำตำแหน่งของหลวงแล้ว มองหน้าก็รู้กัน ชีวิตของผู้แทนฯ ปชป.วันนี้ อยู่ดีมีสุขกว่าเดิมเยอะ
จากยอดเงินเดือนพิเศษจากแกนนำพรรคจัดหามาสมทบให้ เดือนละ 2-3 หมื่นบาท ตั้งแต่พลิกเกม เดินเข้าทำเนียบรัฐบาลสำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ ยอดเงินอัดฉีดรายเดือนของประชาธิปัตย์ได้อัปเกรดกันอย่างพรวดพราด
ดับเบิลสองเท่าจากที่ได้รับเดิม ยอดทะลุไปถึง 7 หมื่นแล้ว
พูดถึงโอกาสอิ่มเอมของคนประชาธิปัตย์ ก็พลาดไม่ได้ที่จะต้องพูดถึง อดีตสำนักของพรรคที่มีระดับอภิมหาเศรษฐี นช.ทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของ กับพรรคเพื่อไทย ไม่เอ่ยถึงไม่ได้
เจียมเพราะจน?
จนที่คงไม่ได้ “จนจริง” แต่สมาชิกพรรคเพื่อไทยรู้ดี แค่ยากไร้กันเทียมๆ ยาจกกันชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น เพราะยังไงก็ยังมีหวังที่จะดูดจากท่อน้ำเลี้ยง ที่รอเวลาไหลกระฉูดอีกครั้ง
แต่ความจำเป็นที่ต้องหนืดฝืดเคืองเวลานี้ เพราะ “นายใหญ่” กำลังหัวซุกหัวซุน ไม่มีแรงปั๊มอัดฉีดน้ำเลี้ยงมาโปรยหว่านอย่างแต่ก่อน ที่เคยรับซองกันแน่นๆอภินันทนาการจากเจ้าของค่ายเจ้าของคอก พีกสุดๆ ถึงหนึ่งแสน ต่อเดือน แถมโบนัสพิเศษ “ปล่อยของ” ชุดใหญ่ช่วงเทศกาล
อีกเพราะยามลำบากลำบนอยู่ต่างแดน นายใหญ่คุมบัญชีเองไม่ได้ ไม่รู้หลายงานคุ้มจ่ายหรือไม่ ทั้งยุทธการปลิดขั้วชมพู่ โค่นสมัคร สลายแก๊งออฟโฟร์ และในคราวพ่ายแพ้ในเกมพลิกขั้วอำนาจ หว่านโปรยแต่ไม่เข้าเป้า หมดกันไปหลายล็อต
เหมือนเจอฝูงสุนัขไฮยีน่ารุมทึ้งบำเหน็จรางวัลก้อนโตล่อใจ เพื่อรั้งตัวให้อยู่ค้ำบัลลังก์ระบอบทักษิณกันต่อไป ต้องหลายกำปั้นถึงจะมัดใจได้
แต่เพราะ “นักล่า” ไม่เคยปรานีต่อเหยื่ออันโอชะ ยิ่งบรรดาเสือหิวขาใหญ่ ตัวโตๆ บรรดาผู้เฒ่าที่ถูกเรียกใช้งาน จบงานถึงพ่ายแพ้เกม แต่สีหน้ากลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม และแก้มป่องอูม เหมือนเป็นคางทูมกันทั้งนั้น
เพราะมีให้อิ่มกันมาหลายช็อตแล้ว เวลานี้นายใหญ่ยิงฝืด เพราะต้อง “เซฟคอสต์” ก็ต้องเข้าใจและอดทนอยู่กันไป ด้วยความหวังจะกลับมาเฟื่องฟูเหมือนก่อน
ตอนนี้ลูกพรรคเพื่อไทยจำใจรับ ยอมได้ในราคาที่เรียกว่า “กด” กันสุดๆ
ได้กันแค่ “ครึ่ง” ของคู่แข่ง ปชป.
โดยจะเพิ่มเป้ากันได้ ก็ต้องไปหาลำไพ่พิเศษ จัดเวทีเสื้อแดงให้สำเร็จ แล้วเอาใบเสร็จมาเบิกกันเป็นงานเป็นงวดไป ถึงได้อยาก “แดงทั้งแผ่นดิน” หาช่องดึงนายใหญ่ “โฟนอิน” ในพื้นที่ตัวเอง
เพราะ “จ๊อบพิเศษ” ถึงเหนื่อยหน่อย แต่รับงามๆ ไม่เชื่อไปถามกลุ่มคนที่น่าอิจฉา ก๊วน “3 ขวด” 3 เกลอหัวแข็ง ได้จองเป็นเจ้าของเวที คุมลิขสิทธิ์ “คนเสื้อแดง” ไว้ในกำมือออกอาละวาดทั่วไทยได้อย่างเป็นทางการเพียงกลุ่มเดียว
การเมืองป่วนยาว ยื้อนานเท่าไหร่ แสดงความจงรักภักดีต่อนายใหญ่มากเท่าไหร่ ก็ “รับเละ” กันเท่านั้น!
เมื่อใดที่ “หมาเชื่อง” จ่าฝูงเห่าหอน บรรดาหมาๆ ที่รับใช้ ก็เป็นลูกคู่ แลกชิ้นเนื้อ “ค่าหอน”
ที่ไม่ใช่หมา แต่กำลังมาแรงแซงโค้ง จนใครๆ ไล่ตามไม่เห็นฝุ่น เหนือกว่าพรรคที่กำลัง “อิ่ม” อย่างประชาธิปัตย์ และเด็ดกว่าค่าย “เคยอิ่ม” เพื่อไทย
ลูบพุงหลาม แล้วเรอกันดังๆ ต้องคนพรรคภูมิใจไทย
วัดกันในบรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ตอนนี้ ไม่มีใครใจถึงเทียมเท่า “บิ๊กห้อย” เนวิน ชิดชอบ เสี่ยสั่งลุยประจำยุค !
เบาแรงไปด้วย สำหรับ สมศักดิ์ เทพสุทิน คิดไม่ผิด ที่แปร “เนวิน” จากอดีตคู่กรณี มาเป็นหุ้นส่วนการเมือง ไม่ต้องเหนื่อยหาน้ำเลี้ยง เหมือนสมัยเปิดค่ายวังน้ำยม ต้องเลี้ยงดูเป็น 100 ชีวิต แล้วก็ไม่ไม่รอด ต้องดอดไปวิ่งราว จนได้ “กินเย็น” เจ้าสัวโรงปูน
“เจ้าพ่อสุโขทัย” ถูกใจ “เสี่ยห้อย บุรีรัมย์” เป็นที่สุด บรรลุเงื่อนไขเจรจาการควบรวมกิจการ จัดแบ่งหน้าที่ดูแลใครดูแลมัน โดยเครือข่ายในซีก “สมศักดิ์” เรื่องไพร่พลสมาชิกไม่มาก ไม่เหลือบ่ากว่าแรงอยู่แล้ว
จะมีบ้าง หาก “เพื่อนห้อย” กวักมือเรียกมาร่วมลงขันเป็นพิธี และมารยาทของการอยู่ร่วมกัน ทั้ง พรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ลูกสาว เสี่ยเม้ง สุรินทร์ ต.ตระกูล เจ้าสัวโรงนวด ช่วยเติมบ้าง สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ไทยซัมมิต อุปถัมภ์ เจียดมาสักหน่อย
นอกเหนือจากนั้น ผู้สมทบหลักใน “คลังกลาง” เป็นหน้าที่ของยอดมิดฟิลด์ “ตัวจ่าย” เนวิน ที่พร้อมจัดให้งามๆ โดยเฉพาะที่กำลังทยอยมาสมทบ ให้ตรงดิ่งไปที่ฐานบัญชาการ เข้าแถวรับน้ำใจได้ทันที เพราะ “ห้อยคนนี้นั้นมีแต่ให้”
ที่สำคัญวันนี้ ที่ เนวิน ทุ่มไม่อั้น เพราะปัจจัยสำคัญ ท่อใหญ่ทะลักล้นจากซอยรางน้ำ ยังอยู่เป็นสปอนเซอร์อย่างเป็นทางการ ขนหน้าแข้งยังเฟิ้ม ชนิดที่แบ่งปันไปที่พรรคใหญ่เก่าแก่บ้าง ก็ไม่บ่น
และที่ปักหลักมั่นคง สาดกระสุนอย่างต่อเนื่อง พ่อลูก “ชวรัตน์-อนุทิน ชาญวีรกูล” กำลังบำรุงไฮเพาเวอร์จาก ซิโน-ไทย ไม่ขาดสาย
ขณะที่ข่าวคราว รัฐมนตรีที่ได้ชื่อว่า “เด็กในคาถา” กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันในจากหน่วยงานใหญ่ล้วนๆ ทั้งมหาดไทย คมนาคม มากมายซึ่งช่องทางในการสร้างความอู้ฟู่ล่ำซำให้ค่ายต้นสังกัด
ระดับหมื่นล้านที่ถูกเปิดแฉในกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นกรณีตัวอย่าง!
จึงไม่แปลก ที่ “พี่ใหญ่ห้อย” ถึงอวดประสิทธิภาพ และศักยภาพในการอัดฉีด แสดงความใจถึง พึ่งได้ ขอแค่มาเป็นพวก ก็อิ่มเอมสะดวกสบาย ลูกพี่หาเหยื่อมาป้อนปรนเปรอ จนตอนนี้กระฉูดไปที่ระดับ
“2 แสน” ต่อเดือน ถ้วนทั่วถ้วนหน้า!
เหนือกว่าสมัยพรรคไทยรักไทย หรือช่วงพรรคความหวังใหม่ เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ที่ ยอดอุดหนุนเลี้ยงดู สูงลิ่วที่1แสนบาทขาดตัว
“ภูมิใจไทย” ทำลายสถิติอัดฉีดสูงสุด!
เมื่อประเมินจำนวนลูกทีมอย่างเป็นทางการ 33 หัว บวกลบคูณหาร ก็แค่ 6.6 ล้านบาทต่อเดือน ตัวเลขจะพุ่งไปยิ่งกว่านั้น ถ้านับเบี้ยประชุมสภาที่ทิป ส.ส.ครั้งละ 2 หมื่นต่อหัว บวกกับเบี้ยขยันประชุมพรรคเรือนหมื่นอีกต่างหาก ไม่รวยคราวนี้ ไม่รู้จะเป็นเศรษฐีเมื่อไรสำหรับ ส.ส.ภูมิใจไทย
ยังไม่รวมที่ส่งเหยื่อไปอ่อยล่อ ตกเขียวมัดจำกันล่วงหน้าในค่ายเพื่อไทยอีก 20-30 หัว และไม่บวกที่กระจัดกระจายอยู่ในพรรคต่างๆ
ลูกทีมและว่าที่สมาชิกในค่ายสีน้ำเงิน พรรคภูมิใจไทย ประเมินว่าน่าจะมหาศาล
เมื่อกองทัพต้องเดินด้วยท้อง สรรพกำลังต้องเลี้ยงดู จึงจำเป็นที่คีย์แมน โดยเฉพาะตัวจ่าย จะต้องระดมมาทุ่มทุนสร้าง
เมื่อมีเป้าหมาย สร้างมหาอาณาจักรการเมืองแห่งใหม่!