“โฆษกประจำตัวมาร์ค” ระบุทูตไทย ณ กรุงลอนดอน ตำหนิเสื้อแดงโกอินเตอร์ ตอกหน้า “ใจ” ยกตีนตบไม่เหมาะสม ฉีกหน้าบ้านเมืองตัวเอง จี้แกนนำรับผิดชอบพฤติกรรมถ่อย ชี้ “แม้ว” ดิ้นโฟนอินตามงานวัดแค่อาการลงแดงอยากคืนอำนาจ ด้าน “สาธิต” ยัดข้อหาพยายามล้มล้างรัฐบาล โรควิตกจริตกำเริบ
วันนี้ (15 มี.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไปปาฐกถาเกี่ยวกับประชาธิปไตยในประเทศไทยที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดว่า เมื่อคืนวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมาตนได้มีโอกาสโทรศัพท์พูดคุยกับนายกฯ ถึงการไปปาฐกถาดังกล่าวทำให้ทราบว่าในงานดังกล่าวได้รับความสนใจจากคนไทยและชาวต่างชาติเข้าร่วมรับฟังจนที่นั่งที่เตรียมไว้กว่า 200 ที่นั่งเต็มหมด โดยมีนักเรียนไทยในประเทศอังกฤษเข้าร่วมซักถามถึงสถานการณ์บ้านเมือง และการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในประเทศไทยของรัฐบาล
ทั้งนี้ มีนายใจ อึ๊งภากรณ์ ที่หลบหนีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เข้าร่วมรับฟังและได้แสดงพฤติกรรมคนเสื้อแดงโกอินเตอร์โดยการยกเท้าตบขึ้นมาตบขณะที่นายกฯ กำลังพูด ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำเชิงตำหนิจากทูตไทยในประเทศอังกฤษว่า เป็นคนไทยต้องรู้จักรักษาหน้าตาผู้นำของชาติด้วย โดยต้องให้เกียรติคนไทยด้วยกัน เพราะถ้าคนไทยไม่รู้จักให้เกียรติคนไทยด้วยกันเองแล้ว ก็ไม่รู้ว่าชาวต่างชาติคนไหน หรือใครจะมาให้เกียรติเรา โดยนายกฯ ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อไทยและต่างชาติว่าไม่คิดมาก เพราะสุดท้ายคนที่ได้รับความเสียหายเองก็คือผู้กระทำพฤติกรรมดังกล่าวนั่นเอง
นายเทพไทกล่าวถึงพฤติกรรมการต่อต้านรัฐมนตรีลงพื้นที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เช่น การปาขวด สิ่งของ หรือระเบิดปิงปองใส่ขบวนของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและเกินกว่าเหตุในการแสดงออกทางการเมือง กลับเป็นการประสงค์ร้ายในการทำร้ายร่างกายหรือให้เกิดความเสียหายมากกว่า จึงขอให้คนที่ปลุกระดมคนเสื้อแดงขึ้นมารับผิดชอบ ในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยอย่าโยนว่า ควบคุมมวลชนไม่ได้ หรือเป็นมือที่สาม ขณะที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็ต้องเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะฝ่ายข่าวต้องหาผู้กระทำการหรือผู้อยู่เบื้องหลังมาดำเนินคดีให้ได้
ทั้งนี้ ยืนยันว่าแม้พฤติกรรมของคนเสื้อแดงจะกร้าวร้าวหรือรุนแรง แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการเดินหน้าลงพื้นที่ของรัฐมนตรี เพื่อพบปะชาวบ้านและรับฟังปัญหาเพื่อนำมาแก้ไขและพัฒนาของรัฐมนตีชุดนี้ได้ โดยจะมีการปรับกลยุทธของรัฐมนตรี ในการลงพื้นที่ในครั้งต่อไป เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคกล่าวว่า ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ได้รับคำเตือนจากหลายฝ่ายว่า ยังมีแผนที่จะโค่นล้มรัฐบาลชุดนี้ โดยพยายามจะรื้อฟื้นระบอบทักษิณ เข้ามาบริหารประเทศต่อ แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่อยากให้ความสนใจ แต่เมื่อมองถึงภาพองค์รวมของการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ พรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดง ก็ต้องกลับมาทบทวน โดยเฉพาะกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณพยายามใช้สื่อต่างชาติให้ข่าวบิดเบือนกดดันประเทศไทยโดยใช้วิธีโลกล้อมประเทศ
ล่าสุดนิตยสารไทม์ของสหรัฐอเมริกามีเนื้อหาดิสเครดิตรัฐบาล มีการพูดถึงการปล่อยข่าวลือ วิพากษ์วิจารณ์การบริหารงานของรัฐบาล การเข้าสู่ตำแหน่งนายกฯ ของนายอภิสิทธิ์ไม่ชอบธรรม รวมถึงกระบวนการยุติธรรมที่สั่งได้ หรือการมีคุกกลับไว้ขังคนในประเทศไทย เพื่อแลกกับทหารซื้ออาวุธในการป้องกันประเทศ ผูกโยงบิดเบือนไปหมด
“รวมถึงกลุ่มคนเสื้อแดงที่ใช้วิธีดิบ ถ่อย เถื่อน ใช้ถ้อยคำหยาบคาย โดยเฉพาะการประชุมสภาฯ ที่มีการชุมนุมจนนักข่าวและตำรวจต้องเบือนหน้าหนี เอามืออุดหูทนฟังไม่ได้ จึงขอให้สื่อมวลชนไทยจับตาการเคลื่อนไหวขอกลุ่มคนเสื้อแดงว่าจะทวีความรุนแรง วางแผนฟื้นระบอบทักษิณกลับมาอีกครั้ง” นายเทพไทกล่าว
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินบนเวทีที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อคืนวันที่ 14 มี.ค.ว่า จะเห็นพฤติกรรมความฮึกเหิม กระหายอำนาจ เหมือนคนจะลงแดงอำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประกาศกลับคืนสู่อำนาจทุกวิถีทาง และจะโฟนอินทุกวันที่มีการจัดเวทีชุมนุมของคนเสื้อแดง ซึ่งล่าสุดก็มีการโฟนอินที่งานวัดวัดบำเพ็ญ ย่านมีนบุรี ซึ่งสุดท้ายแล้วก็คงไม่แคล้วตามที่ตนเคยพูดว่า พ.ต.ท.ทักษิณคงจะโฟนอินไปตามงานวัดทุกวัด แสดงให้เห็นว่าเป็นการดิ้นสุดชีวิตเพื่อเข้าสู่อำนาจให้ได้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าไม่กลัว แต่จำเป็นต้องชี้แจงเหตุผล ข้อเท็จจริงที่ถูกบิดเบือน เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจข้อมูลข่าวสาร วิธีการเช่นนี้ที่ใช้คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณคงกลัวว่านายกฯ จะประสบความสำเร็จในการบริหารประเทศ และกลัวว่าประชาชนจะลืม พ.ต.ท.ทักษิณมากกว่า
ด้าน นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ตนขอตั้งข้อหา พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าพยายามล้มล้างรัฐบาล โดยมีความพยายามทำทุกวิถีทางทั้งบนดินและใต้ดิน ผ่านเครื่องมือของกลุ่มคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย ซึ่งสาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องดิ้นรน เพราะแนวร่วมของ พ.ต.ท.ทักษิณและกลุ่มเสื้อแดงกำลังน้อยลงเรื่อยๆ อีกทั้งมีความพยามลดความน่าเชื่อถือ การบริหารประเทศของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยพยายามใส่ร้ายนายอภิสิทธิ์และนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ว่าเป็นเด็ก 2 คนที่แก้ปัญหาประเทศไม่ได้ ทั้งที่บุคคลทั้งสองไม่ใช่เด็กแต่เป็นคนที่มีประสบการณ์ เก่ง และเรียนรู้ได้รวดเร็ว รวมถึงประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว
นายสาธิตกล่าวอีกว่า ตนจึงคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณจึงต้องทำทุกทางเพื่อลดน้ำหนัก และล้มล้างรัฐบาลชุดนี้ให้ได้ภายใน 2-3 เดือน เพราะถ้ายิ่งอยู่นานไป ทั้งเสื้อแดงและความนิยมของ พ.ต.ท.ทักษิณ พรรคเพื่อไทยจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน จึงขอเตือน พ.ต.ท.ทักษิณในฐานะคนไทยด้วยกันว่า ควรหยุดพฤติกรรมเหล่านี้แล้วให้ความร่วมมือและเชื่อมั่น ในกระบวนการยุติธรรม มิฉะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณจะตกอยู่ในชะตากรรม ‘เงินก็หมด เพื่อนก็เมิน เดินซัดเซพเนจร’ เสมือนกับคนวิตกจริตในอนาคต พ.ต.ท.ทักษิณ จึงควรหยุดพฤติกรรมทั้งหมดเพื่อทบทวนตัวเอง” นายสาธิต กล่าว