xs
xsm
sm
md
lg

อนิจจาประเทศไทย

เผยแพร่:   โดย: ว.ร.ฤทธาคนี

นับตั้งแต่วันที่นายสมัคร สุนทรเวช ต้องคำวินิจฉัยตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจนหมดสภาพเป็นนายกรัฐมนตรี และเกิดวิกฤตสภาล่มเพราะมี ส.ส.จำนวนหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า “เพื่อนเนวิน” เรียกร้องที่จะเสนอชื่อนายสมัครได้กลับเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกวาระหนึ่ง เพราะรัฐธรรมนูญมิได้มีข้อห้ามไว้ว่ารัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีที่หมดสภาพจะหมดสิทธิไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีอีก หากว่าสภาผู้แทนยังคงยืนยันที่จะมอบตำแหน่งนายกรัฐมนตรีผู้ซึ่งถูกวินิจฉัยว่า กระทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญไปแล้ว

โดยนัยสำคัญคือ กฎหมายเปิดทางให้ทั้งผู้เสนอชื่อ และผู้รับการเสนอชื่อเพื่อให้กลับเข้าเป็นรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี ต้องมีหลักจริยธรรมและมารยาททางการเมืองอันเป็นอารยธรรมสากลที่ประเทศที่เจริญแล้ว หรือประเทศที่กำลังพัฒนาแต่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ เช่น ประเทศไทยควรจะปฏิบัติและยึดถือ แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่เพราะนายสมัครเกิดมีความดื้อด้าน และรับข้อเสนอนั้น จึงเกิดความวุ่นวายและมีการแสดงตัวของกลุ่มที่สนับสนุนและไม่สนับสนุนนายสมัคร แต่ว่าโชคดีที่เกิดวิกฤตสภาล่มเสียก่อน มิฉะนั้นแล้วคนไทยอาจจะได้ผู้ซึ่งถูกพิพากษาคดีหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยศาลอุทธรณ์ที่ยืนคำพิพากษาจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญาเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย

อย่างไรก็ดี วงจรอุบาทว์การเมืองในระบอบทักษิณ ก็จะยังคงหลอกหลอนคนไทยส่วนหนึ่งอยู่ดี เพราะว่าสมาชิกพรรคพลังประชาชนซึ่งแน่นอนอยู่แล้วต้องการยึดอำนาจรัฐไว้ให้ได้นานที่สุด และกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลอีก 5 พรรคก็กระสันที่จะได้ยึดครองตำแหน่งทางการเมืองตามกิเลสการเมืองของตัวเอง ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะต้องมีการต่อต้านจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นั้นเป็นน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ย่อมมีความใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณมากกว่านายสมัครเสียอีก

นายสมชาย เป็นอดีตข้าราชการประจำที่ได้รับอภิสิทธิ์ขยายเวลาการดำรงตำแหน่งตามระเบียบของกรรมการข้าราชการพลเรือน และโยกข้ามกระทรวงเพื่อให้ได้สิทธินั้นต่างกระทรวงโดยไม่คำนึงถึงจริยธรรมของการเป็นข้าราชการที่ขณะนั้นอยู่ในวิกฤตการเมืองต่อต้านนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณอย่างรุนแรงโดยตรง จริยธรรมที่ว่านี้ก็คือ การไม่เปิดโอกาสให้ข้าราชการในระดับรองๆ มีโอกาสเติบโตในตำแหน่งข้าราชการประจำเลย แต่ไม่มีใครกล้าออกมาร้องเรียนเพราะไม่มีกฎระเบียบที่ปิดกั้นวิธีปฏิบัตินั้น ทำให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สามารถครองตำแหน่งปลัดกระทรวงสองกระทรวงคือ กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงแรงงาน

ความที่เป็นน้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ย่อมสร้างความระแวงให้กับกลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณมาก และถึงแม้ว่านายสมชายจะพยายามบอกกับสาธารณชนไทยว่า “จะทำดีในสิ่งที่ถูกต้อง” จนนิตยสารไทม์ฉบับประจำวันที่ 29 กันยายน 2008 ในคอลัมน์ Verbatim เขียนกระทบว่า “It ’s undeniable who my relatives are, but I will do things the right way” หรือ “มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องปฏิเสธว่า ใครคือญาติของผม แต่ผมจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง”

แต่สิ่งที่ประชาชนคนไทยต้องผิดหวังเมื่อเห็นรายชื่อของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ออกมาแล้ว ปรากฏว่ามาตรฐานกลับเลวร้ายกว่าชุดขี้เหล่ของอดีตนายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช เสียอีก แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้เอานางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภรรยาเป็นรัฐมนตรีด้วย ที่สามารถกล่าวได้เช่นนี้เพราะนักวิชาการทางรัฐศาสตร์

โดยเฉพาะจากสถาบันพระปกเกล้าได้ออกอากาศให้สัมภาษณ์เมื่อเช้าวันที่ 25 กันยายน นี้เองว่า ระดับความรู้ของคณะรัฐมนตรีนี้ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานความสามารถ เมื่อเทียบกับคณะรัฐมนตรีชุดก่อนๆ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ระดับประสบการณ์ทางการเมืองต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานเชิงรัฐศาสตร์ ระดับความรับผิดชอบต่ำกว่าเกณฑ์ที่จะเชื่อถือได้ และที่สำคัญระดับความชอบธรรมต่ำกว่ามาตรฐานของระดับที่ประเทศไทยควรต้องยึดถือโดยเฉพาะในภาวะวิกฤตการเมือง และเศรษฐกิจในขณะนี้ ตลอดจนมีกลุ่มบุคคลที่เคยล้มเหลวมาแล้วในหลายๆ เรื่อง หรือมีประวัติทุจริตที่ถูกคำพิพากษาให้เว้นวรรคทางการเมืองมาแล้ว จึงเป็นความเศร้าใจที่ประเทศไทยต้องถูกเหยียบย่ำด้วยมาตรฐานการเมืองต่ำกว่าเกณฑ์อีกวาระหนึ่ง

นอกจากนี้ยังมีปรากฏการณ์ที่ควรสังเกตเกิดขึ้นเมื่อข้อพิสูจน์ถึงการแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีของกลุ่มเพื่อนเนวิน ซึ่งตามหน้าหนังสือพิมพ์ “ประชาทรรศน์รายวัน” ซึ่งเป็นสื่อใช้ในสงครามสารสนเทศของสายกลุ่มผู้สนับสนุนระบอบทักษิณมาตั้งแต่ 19 กันยายน 2549 โดยเมื่อเฉพาะฉบับวันที่ 23 กันยายน ได้ตีพิมพ์โจมตีว่ามีการรุมทึ้งเก้าอี้รัฐมนตรี โดยมีการยึดหลักโควตาของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเป็นปรากฏการณ์เก่าๆ ที่น่าสมเพชมากที่สุด และสาเหตุนี้กระมังที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต้องการระบบการเมืองใหม่

ภายใต้ภาวการณ์เช่นนี้ คงเป็นความลำบากของทหารเพราะว่ารัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ก็คือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีควบตำแหน่ง ซึ่งความใกล้ชิดกับกองทัพไม่เคยปรากฏ และคิดว่านายสมชายคงจะไม่มีความรอบรู้ในกิจการกลาโหมเลย แต่ก็ยังดีที่ไม่เอาคนอื่นซึ่งทหารอาจจะก่อการอารยะขัดขืนได้ ซึ่งแนวคิดนี้อาจจะเกิดขึ้นได้เพราะทหารมีหน้าที่บัญญัติไว้ชัดเจนในรัฐธรรมนูญที่ต้องป้องอธิปไตยของชาติ ต้องปฏิบัติตามคำสาบานต่อหน้าธงไชยเฉลิมพล และต่อราชบัลลังก์ รวมทั้งต้องพัฒนาประเทศเป็นสำคัญ โดยไม่จำเป็นต้องฟังนักการเมืองมาตรฐานต่ำก็ได้ เพราะหน้าที่ของทหารชัดเจนอยู่แล้วในรัฐธรรมนูญ หากรัฐบาลยังคงไร้คุณธรรม มีความชอบธรรมต่ำกว่ามาตรฐาน หรือต่ำกว่าอดีตและไร้คุณธรรม กองทัพก็สามารถให้การเมืองแก้กันเอง และป้องกันมิให้กลุ่มชนที่มีความก้าวร้าวมากกว่าทำร้ายกลุ่มชนที่มีความก้าวร้าวน้อยกว่าเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น