“ทักษิณ” มุกแป้กโฟนอินอ้อน ปชช.สนับสนุนพรรคเพื่อไทย อ้างห่วงเศรษฐกิจประเทศที่ตกอยู่ในวิกฤตขณะนี้ ระบุจะตะเวนเร่ร่อนในต่างแดนต่อไปจนกว่าจะกลับไทย พร้อมขอบคุณลิ่วล้อที่ยังให้ความช่วยเหลือให้ได้รับความยุติธรรม ไม่ทอดทิ้ง
วันนี้ (15 มี.ค.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โฟนอินมายังโทรศัพท์มือถือของนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ขณะลงพื้นที่พบปะประชาชนที่วัดบำเพ็ญเหนือ โดยมีระยะเวลาประมาณ 5 นาที โดยมีใจความสำคัญว่าเป็นห่วงเศรษฐกิจของประเทศไทยที่กำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤตขณะนี้ พร้อมทั้งขอบคุณ ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะนายวิชาญ ที่ไม่ทิ้งตนเอง ทั้งยังช่วยเหลือให้ตนได้รับความยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ใช้โอกาสนี้กล่าวอ้อนวอนประชาชนให้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ทั้งยังกล่าวเพิ่มเติมว่าจะตระเวนในต่างประเทศไปเรื่อยๆ จนกว่าจะกลับประเทศไทย
ขณะที่นายวิชาญระบุถึงการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณครั้งนี้ว่า ไม่ได้มีการเตรียมการล่วงหน้ามาก่อน
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรานยงานว่า เมื่อวานนี้ (14 มี.ค.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้โฟนอินเข้ามายังเวที ที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย จังหวัดมุกดาหาร โดยไม่ทราบว่าโฟนอินมาจากที่ใด โดย พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวทักทายกับสมาชิก สส.ของพรรค และประชาชนที่มาร่วมงานว่า ตอนนี้ตนอยู่ต่างประเทศ คิดถึงประเทศไทยและอยากกลับประเทศไทย แต่ต้องขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชน ชาวอีสาน และประชาชนทั่วประเทศจะให้กลับมาหรือไม่
โดยการเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยให้มาก เชื่อว่าจะสามารถกลับประเทศไทยได้ และจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ปัจจุบันตนมองว่ายิ่งแก้ยิ่งยุ่ง เพราะคนทำทำไม่เป็น คนที่ทำเป็นกลับไล่ออกไปต่างประเทศ และจากการที่ตนได้เดินทางไปหลายประเทศทั่วโลกทำให้เห็นความเจริญ และการแก้ปัญหาต่างๆ ของประเทศเหล่านั้น
โดยเฉพาะประเทศตะวันออกกลาง บางพื้นที่ไม่มีน้ำมันแต่เขาสามารถพัฒนาให้เจริญได้ เพราะขึ้นอยู่กับปัญญา และความมุ่งมั่น และถ้าตนได้กลับประเทศ ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบันขอให้ยุ่งยากแค่ไหน นับต่อไปได้เลยไม่เกิน 6 เดือนสามารถแก้ปัญหาได้ พร้อมกันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชี้ว่าการที่รัฐบาลไปกู้เงินจากต่างประเทศหมื่นล้านแสนล้านเพื่อนำมาแจกจ่ายให้กับประชาชน โดยไม่ก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ยิ่งเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจ ให้ตกต่ำลง ประชาชนตกงานมากขึ้น อดอยากมากขึ้น
เป็นการใช้เงินเพื่อหาเสียง ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนที่ยั่งยืน ซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี เช่นเดียวกับการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ท้ายที่สุดได้ขอให้ประชาชนรู้จักอดออม ใช้เงินที่ได้จากการชดเชยการตกงานจากรัฐบาลอย่างประหยัด เพราะยิ่งเศรษฐกิจตกต่ำ คนว่างงานเพิ่มมากขึ้นยิ่งทำให้การหาเงินได้ยากยิ่งขึ้น และขอให้ประชาชนทุกกลุ่มหันหน้าเข้าหากัน สร้างความรักสามัคคี เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาประเทศ และความสงบสุขประชาชน