“พุทธิพงษ์” ฉะ “แม้ว” เวลาเท่านั้นช่วยให้คิดได้ ไม่ทำลายประเทศ

รองโฆษกฯ โต้ “ทักษิณ” พูดไม่จริงไม่กู้เงินต่างประเทศ แต่กลับใช้วิธีออกโครงการให้ประชาชนกู้เอง ทำชาวบ้านเป็นหนี้หัวโต จวกรู้แก่ใจประเทศเผชิญวิกฤติกลับสร้างความวุ่นวาย กระทบความมั่นคง เศรษฐกิจประเทศ ชี้เวลาเท่านั้นช่วยให้คิดได้ เผยเร่งเดินหน้าคุยฮ่องกงบรรลุข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดน ปัดอาจไม่ทันปาฐกถา 12 มี.ค.นี้

วันนี้(9 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินระบุว่าการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล ผิดทาง ไม่ประสบความสำเร็จ ว่า สิ่งที่อดีตนายกฯพูดตรงข้ามกับความจริง เพราะวิธีการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของพ.ต.ท.ทักษิณ ในอดีตแตกต่างกับวิธีของรัฐบาลอย่างชัดเจน แม้พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่ใช้วิธีกู้เงิน แต่กลับใช้วิธีกู้เงินนอกระบบ ไม่เปิดเผยให้ประชาชนรู้ ใช้วิธีให้ประชาชนเป็นผู้แบกภาระหนี้ ด้วยการออกโครงการต่างๆ ให้ประชาชนเป็นผู้กู้กับธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน และอื่นๆ ทำให้ภาคประชาชนมีตัวเลขหนี้ มีภาระหนี้สินสูงมาก ต่างกับรัฐบาลชุดนี้ทำงานเปิดเผยโปร่งใส มีกรอบแผนชัดเจนทั้งการตั้งงบประมาณปี 2553 แนวทางการกู้เงิน และการใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลดูแลเงินส่งถึงมือประชาชน และไม่มีแนวทางผลักภาระให้ประชาชน ฉะนั้นสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณพูดไม่เป็นความจริงทั้งหมด ส่วนที่พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าสามารถหาเงิน 2.5 แสนล้านได้โดยไม่ต้องกู้เงินนั้น ท่านจากประเทศไทยไปเกือบ 2 ปี คงลืมไปว่าจะไปทำอะไรที่ผูกพันกับประเทศต้องผ่านรัฐสภา ต้องขอกรอบจากสภาก่อนไปเจรจา แม้จะไปใช้คอนเนกชั่นส่วนตัว และแบบนั้นอาจแย่กว่าการกู้จากไอเอ็มเอฟ เพราะไม่รู้ว่าเราต้องไปชดใช้อะไรให้เขา

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะมีวิธีรับมือกับการเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไรเพราะวันนี้ยังคงมีการโฟนอินอยู่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีความชัดเจน ว่าไม่ได้ให้ความสำคัญ หรือตื่นตระหนก กับการเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องโฟนอินก็เป็นสิทธิ์ของท่านที่ทำได้ สิ่งที่รัฐบาลทำคือ หากมีใครมาทำให้ประชาชนเข้าใจผิด รัฐบาลก็ต้องชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนทราบ
“ท่านก็เป็นคนไทย คงทราบดีว่าวันนี้สถานการณ์ทั่วโลกมีปัญหา กระทบต่อคนไทยในทุกสาขาอาชีพ รัฐบาลและคนไทยทั้งประเทศกำลังช่วยกันแก้ไขปัญหาเพื่อผ่าวิกฤติไปให้ได้ ในอนาคตเมื่อผ่านวิกฤตินี้ไปได้แล้ว ก็ค่อยเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง หรือกระบวนการต่อสู้ทางการเมือง แต่น่าเสียใจที่วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย จึงไม่เข้าใจบรรยากาศและความรู้สึกของคนไทย”นายพุทธิพงษ์กล่าว

นายพุทธิพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลกำลังร่วมมือกับฮ่องกงทำข้อตกลงร่วมกันทำสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ว่า ทางรัฐบาลไทย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้มอบหมายให้ผู้รับผิดชอบในกระทรวงประสานงานไปยังฮ่องกง เพื่อหาแนวทางการทำอนุสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา ส่วนจะทันวันที่ 12 มี.ค. ที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไปแสดงปาฐากถาที่ฮ่องกงหรือไม่ ก็ไม่เป็นไร เพราะวันนี้คดีความหรือคำสั่งของศาลออกมาชัดเจนแล้ว ผู้ที่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ อัยการ ซึ่งมีหน้าที่ติดตาม ก็ต้องดำเนินการตามหน้าที่ ไม่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะอยู่ไหน หากเจ้าหน้าที่รู้ที่พักอาศัยชัดเจน ก็ต้องดำเนินการ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้เร่งรัดในเรื่องนี้มากกว่าคดีอื่นเป็นพิเศษ ให้กระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ดำเนินการไป ต้องทำให้กระบวนการยุติธรรมศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าผู้ที่ถูกดำเนินคดีจะอยู่ที่ไหน หรือเป็นใคร จะต้องได้รับการปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่อย่างเท่าเทียม

ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่เพิ่งทำข้อตกลงกับฮ่องกงในครั้งนี้เพื่อใช้กับพ.ต.ท.ทักษิณโดยเฉพาะหรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่เรื่องนี้เป็นบทเรียน ของประเทศไทย เพราะแน่นอนสนธิสัญญา หรือกฎหมายต่างๆ ย่อมมีช่องว่างอยู่แล้ว และบางประเทศก็ไม่มีอนุสัญญาสนธิสัญญา จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้บางครั้งผู้ที่ถูกต้องคดี หลบหนี สามารถไปในประเทศที่ไม่ได้มีอนุสัญญาได้ ซึ่งเป็นช่องว่างในสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ส่วนที่กำลังหารือกับฮ่องกง เป็นเรื่องที่กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้เจรจา เพราะเห็นความเหมาะสมว่าควรจะทำ

ต่อข้อถามว่า หากขีดวงจำกัดให้พ.ต.ท.ทักษิณ เคลื่อนไหวใกล้ประเทศไทยมากขึ้นจะเป็นผลดีหรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เคยเป็นนายกฯของประเทศ คงเข้าใจว่าวันนี้ประเทศประสบวิกฤติอะไร ดังนั้น ไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกล การโฟนอิน การส่งสัญญาณต่างๆที่จะทำให้บ้านเมืองแตกแยก เป็นปัญหาต่อประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศทั้งนั้น ดังนั้น คงต้องให้เวลากับท่านซักพักเผื่อว่าจะคิดได้