ตามคาด! “พระเจ้ามูลแม้ว” ผวาถูกจีนจับส่งไทยเลิกโม้ฮ่องกงแล้ว

“พระเจ้ามูลแม้ว” กลัวถูกลากคอเข้าซังเต ไม่กล้าโผล่หัวเข้าฮ่องกง ยกเลิกไปโม้ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศแล้ว อ้างกระทบความสัมพันธ์ ขณะที่รัฐบาลส่งเจ้าหน้าไปประสานส่งผู้ร้ายข้ามแดนล่วงหน้าไปแล้ว

วันนี้ (28 ก.พ.) นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และที่ปรึกษาส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่กำลังหลบหนีคดีทุจริตอยู่ในต่างประเทศ เปิดเผยว่า ล่าสุดทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ยกเลิกการปาฐกถาพิเศษให้กับสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกงในวันจันทร์ที่ 2 มีนาคมนี้แล้ว โดยอ้างว่าเกรงจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กลัวจะสร้างความอัดอัดให้กับฮ่องกง

ก่อนหน้านี้มีท่าทีจากนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ที่บอกว่าเดินทางไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ มาหลายครั้งบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะไม่ไปปาฐกถาดังกล่าวแล้ว โดยยอมรับในทำนองว่าเกรงจะถูกจับกุม เนื่องจากทางการไทยกำลังเร่งรัดดำเนินการในเรื่องนี้

ทั้งนี้ ฝ่ายรัฐบาลเริ่มเอาจริงเอาจังมากขึ้นกับการติดตาม พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดีในไทย โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้กงศุลประสานงานกับทางการจีนและฮ่องกงเพื่อนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาโดยเร็ว

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกัณต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการสืบหาที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณว่า ได้รับรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปบรรยายกล่าวปาฐกถาพิเศษที่สมาคมผู้สื่อข่าว หรือเอฟซีซี ที่ฮ่องกง ในหัวข้อ “วิกฤตการเงิน ความไม่แน่นอนทางการเมือง : บทเรียนจากประเทศไทย” ถือว่าอดีตนายกฯ มีคดีติดตัวและที่ผ่านมาไม่ได้รับการยืนยันว่ามีแหล่งพำนักที่ชัดเจน หากมีการระบุที่ชัดเจน ทางรัฐบาลจะประสานไปยังสถานกงสุลเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดี ทั้งนี้จะให้มีการติดตามความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งขณะนี้ได้มีทีมงานที่เดินทางไปประสานงานกับทางฮ่องกงอย่างไม่เป็นทางการแล้ว เชื่อว่าภายใน 1-2 วันจะรู้ผล

นายพุทธิพงษ์ยังตั้งข้อสังเกตว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังยืนยันว่าจะเดินทางมายังสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่ฮ่องกงหรือไม่ คิดว่าเป็นประเด็นทางการเมือง และเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ตั้งใจที่จะปล่อยการให้ควบคู่กับการประชุมอาเซียนซัมมิท ทำลายความเชื่อมั่นต่อต่างประเทศ ที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สามารถเป็นประธานการจัดการประชุมอาเซียนได้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพร้อมยืนยันถึงความปลอดภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าคิดจะกลับมาสู้คดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า เตรียมคนไว้แล้วเพื่อจับกุมตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ในการเดินทางไปที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศหรือไม่ นายพุทธิพงษ์กล่าวยอมรับว่า แน่นอน เจ้าหน้าที่รับทราบในเบื้องต้นแล้วว่าหากรู้ที่พำนักของ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องเร่งดำเนินการ อีกทั้งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งอัยการ เตรียมตัวพร้อม แต่เนื่องจากกระบวนการการส่งผู้ร้ายข้ามแดนของฮ่องกง ซึ่งทางสถานกงสุลในฮ่องกงจะรายงานกลับมาว่าแนวทางการดำเนินการจะเป็นอย่างไร แต่ยังไม่เชื่ออย่างสนิทใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปฮ่องกงจริง

เมื่อถามว่า ในทางกฎหมายของฮ่องกงเป็นเขตปกครองพิเศษไม่มีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไทย นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า กฎหมายไม่ได้ก็ต้องไปดู จะได้หรือไม่ก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ แต่ที่ระบุว่า ถ้าไปจริงจะให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการจับกุมแน่ เป็นเพียงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่รับผิดชอบรับรู้ที่พำนักก็ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนกระบวนการ ส่วนสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศจะถ่ายทอดสัญญาณเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณ มายังสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในไทยนั้น ไม่เป็นไร ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ มาแน่ก็ถือเป็นสิทธิ รัฐบาลยินดีที่จะดูแลให้เป็นไปตามกรอบกฎหมายว่าสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนจะได้รับความร่วมมือมากน้อยแค่ไหนเป็นอีกเรื่อง

“จริงๆแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐบาลตั้งใจทำให้เกิดขึ้น แต่เป็นเรื่องปกติที่มีรายงานข่าวว่าอดีตนายกฯไปอยู่ที่นั้นแล้วไม่ได้ดำเนินการ เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติต้องทำไป ไม่ได้มีวาระแอบแฝงหรืออะไรเฉพาะกิจตั้งเป้าเพื่อดำเนินการกับอดีตนายกฯ เป็นการส่วนตัว เป็นเรื่องปกติตามแนวทางปฏิบัติ วันนี้เราเชื่อว่าฮ่องกงจะช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ แต่โดยหลักความเป็นจริงก็ต้องทำตามหน้าที่” นายพุทธิพงษ์ กล่าว

นายพุทธิพงษ์ ยังชี้แจงอีกว่า ภายหลังจากส่งเจ้าหน้าที่ไปแล้วจะต้องกลับมาชี้แจงผลการดำเนินการต่อประชาชนว่าสามารถดำเนินการได้ตามหน้าที่หรือไม่ เจ้าหน้าที่ต้องชี้แจง ถ้าติดปัญหาด้านกฎหมาย หรือการเมืองระหว่างประเทศก็ต้องกลับมาชี้แจงเหตุผลเช่นกันเพื่อ สร้างความโปร่งใสและความเข้าใจกับทุกฝ่าย

เมื่อถามว่ากรณีที่นายเฉลิม ออกมาระบุถึง 5 ประเทศที่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิของอดีตนายกฯที่สามารถเดินทางไปไหนได้อยู่แล้ว แต่เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องข้อตกลงทางการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และการทราบถึงที่พำนักที่ชัดเจนรวมไปถึงการเมืองภายในแต่ละประเทศนั้น ส่วนรัฐบาลจะเข้าไปตรวจสอบแหล่งที่อยู่ที่ชัดเจนภายใน 5 ประเทศหรือไม่นั้น ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนตามข้อตกลงระหว่างประเทศ

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยว่า พรรคร่วมรัฐบาลไม่เคยให้ความสำคัญในประเด็นนี้ เพราะคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถเลือกเองว่าจะเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้อย่างเปิดเผย และพิสูจน์ตัวเองด้วยการสร้างพรรคการเมืองมาต่อสู้กันด้านนโยบาย ถ้าใช้การต่อสู้นอกแนวทางประชาธิปไตย ใช้ขบวนการโลกล้อมประเทศ หรือใช้มวลชนคนเสื้อแดงปิดล้อม หรือยกระดับการต่อสู้เป็นการไล่รัฐบาล คงจะเป็นเรื่องที่คิดผิด พร้อมกับแนะว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นว่ารัฐบาลบกพร่องต่อหน้าที่ ไม่เหมาะบริหารประเทศ น่าจะส่งข้อมูลให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ใช้ในการอภิปรายในสภาฯ ตามวิถีประชาธิปไตย มากกว่าเลือกไปบรรยายโจมตีประเทศไทย