นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการติดตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมาดำเนินคดี หลังจากที่มีข่าวว่าจะไปปรากฎตัวที่ฮ่องกง ในการปาฐกถาให้กับสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศฟัง ในวันจันทร์ที่ 2 ก.พ.ว่า ขณะนี้กำลังให้ทางกงสุลติดตามและให้รายงานกลับมาให้ทราบ ซึ่งถ้ามีความชัดเจนกระทรวงการต่างประเทศจะประสานกับทางตำรวจและอัยการเพื่อดำเนินการต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าปัญหาคือตำรวจ อัยการ และกระทรวงการต่างประเทศต่างโยนกันไปมา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่ได้เป็นอย่างนั้น ส่วนความเป็นไปได้ที่จะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นความต้องการของเราอยู่แล้ว ถ้าได้รับคำยืนยันมาก็ต้องดำเนินการประสานขอตัวมา
ต่อข้อถามว่า ต้องรอขั้นตอนในส่วนของตำรวจอีกหรือไม่เพราะตำรวจระบุว่า ต้องพิจารณาตามข้อกฎหมาย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องข้อกฎหมายคงไม่มีอะไรแล้ว เพราะคดีถึงที่สุดแล้ว
ส่วนที่ฮ่องกงเป็นเขตปกครองพิเศษจะไม่มีปัญหาอะไรใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากที่ได้รับฟังมาไม่น่าจะมีปัญหานี้ เมื่อถามว่าหากวันจันทร์นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นเวทีก็มีโอกาสนำตัวกลับมาประเทศได้เลยใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยู่ที่การทำงานในช่วงนี้ของกงสุล อัยการ และกระทรวงการต่างประเทศ ส่วนจะสามารถดำเนินการได้ทันในวันจันทร์นี้หรือไมนั้นตนคิดว่าต้องพยายามให้ทัน
ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจหรือไม่จะได้ตัวพ.ต.ท.ทักษิณฯ กลับมาดำเนินคดี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยู่ที่การยืนยันข้อเท็จจริงต่างๆ กลับมา และต้องขึ้นอยู่กับการประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ของเขาด้วย แต่เราจะทำให้ดีที่สุด เพราะเป็นการปฏิบัติตามปกติที่เราจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการของเรา
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่าถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องเร่งจัดตั้งกลไกพิเศษเพื่อติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย โดยอาจจะอยู่ในรูปแบบของคณะกรรมการพิเศษคณะหนึ่งเพื่อที่จะมีอำนาจบังคับบัญชาและทำหน้าที่บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับผิดชอบเกี่ยวกับการติดตามตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ เช่น กระทรวงการต่างประเทศ,อัยการสูงสุด, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และฝ่ายความมั่นคง เพราะว่าที่ผ่านมา หน่วยงานเหล่านี้มักจะปัดความรับผิดชอบและก็โยนกันไปโยนกันมา โดยอ้างว่า ไม่ได้อยู่ในขอบเขตอำนาจหน้าที่ของตนเอง จึงทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ใจและก็ไม่หยุดการเคลื่อนไหว เพราะว่ากลไกติดตามตรวจสอบเรื่องนี้ไม่ทำงานและไม่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง
ที่สำคัญรัฐบาลชุดนี้จะต้องทำเรื่องนี้เป็นวาระมีกรอบการทำงานและก็มีปฏิบัติการเป็นจริงเป็นจังไม่ใช่การออกมาพูดในลักษณะที่เหมือนกับว่าตั้งใจและก็มีความคิดนำตัวคุณทักษิณมาลงโทษเพื่อเรียกคะแนนนิยมทางการเมืองเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติไม่ได้อะไรแลยเหมือนที่ผ่านๆมา ก็เลยทำให้การแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะกระบวนการทางการเมืองที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลังได้สร้างปัญหาให้กับการเมืองไทยมาโดยตลอดเวลา
นายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่าแม้จะเป็นสิทธิของรัฐบาลที่จะนำตัวพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบ ของสนธิสัญญาที่ประเทศไทยมีกับต่างประเทศ ซึ่งทำได้โดยผ่านองค์กรระหว่างประเทศเท่านั้น ซึ่งในเบื้องต้น ตนไม่รู้ขั้นตอน และรายละเอียดของสนธิสัญญาการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนของ 2 ประเทศ ที่พ.ต.ท.ทักษิณ พำนักอยู่ในขณะนี้ คือ จีนและฮ่องกงว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะฮ่องกงนั้นไม่แน่ใจว่าจะมีสนธิสัญญาในลักษณะดังกล่าวอยู่หรือไม่
ดังนั้น จึงไม่เข้าใจว่า ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ที่กำลังไปสืบหาที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปดำเนินการโดยอาศัยกฎหมายฮ่องกง หรือกฎหมายไทยในแง่ไหน ในเรื่องนี้รัฐบาลไทยจะต้องดำเนินการตามกรอบกฎหมายเท่านั้น ไม่ใช่อาศัยวิธีการนอกกรอบโดยมุ่งหวังทำลายล้างพ.ต.ท.ทักษิณ ทุกวิถีทาง เพราะขณะนี้เห็นชัดเจนว่า แม้พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นรัฐบาล มีอำนาจแต่ก็ยังมีความระแวง และมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอุปสรรคสำคัญอยู่ เพราะประชาชนส่วนมากยังมีความนิยมในตัวพ.ต.ท.ทักษิณอยู่
นายนพดล ยืนยันว่าการปาถกฐาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่ การเคลื่อนไหว ทางการเมืองอย่างที่มีการมองกัน และเป็นอย่างที่ถูกกล่าวหาว่า สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงการประชุมอาเซียนซัมมิต เพราะเป็นเรื่องปกติของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่มักจะมีองค์กร หรือหน่วยงานในต่างประเทศมาเชิญไปบรรยายให้ความรู้
สำหรับเนื้อหาในการบรรยายนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จะแสดงวิสัยทัศน์โดยเน้น แนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ภายใต้สภาวะวิกฤตของโลกในขณะนี้ โดยจะใช้เวลาในการพูดประมาณ 2 ชั่วโมง
ส่วนแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้หารือกับพ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ เกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ที่ไม่สามารถปลุกกระแสสังคมได้ นายนพดล กล่าวว่า ส่วนตัวแล้วไม่ได้หารือกับพ.ต.ท.ทักษิณ ในเรื่องนี้ แต่เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงติดตามสถานการณ์อยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่าปัญหาคือตำรวจ อัยการ และกระทรวงการต่างประเทศต่างโยนกันไปมา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่ได้เป็นอย่างนั้น ส่วนความเป็นไปได้ที่จะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นความต้องการของเราอยู่แล้ว ถ้าได้รับคำยืนยันมาก็ต้องดำเนินการประสานขอตัวมา
ต่อข้อถามว่า ต้องรอขั้นตอนในส่วนของตำรวจอีกหรือไม่เพราะตำรวจระบุว่า ต้องพิจารณาตามข้อกฎหมาย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องข้อกฎหมายคงไม่มีอะไรแล้ว เพราะคดีถึงที่สุดแล้ว
ส่วนที่ฮ่องกงเป็นเขตปกครองพิเศษจะไม่มีปัญหาอะไรใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากที่ได้รับฟังมาไม่น่าจะมีปัญหานี้ เมื่อถามว่าหากวันจันทร์นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นเวทีก็มีโอกาสนำตัวกลับมาประเทศได้เลยใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยู่ที่การทำงานในช่วงนี้ของกงสุล อัยการ และกระทรวงการต่างประเทศ ส่วนจะสามารถดำเนินการได้ทันในวันจันทร์นี้หรือไมนั้นตนคิดว่าต้องพยายามให้ทัน
ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจหรือไม่จะได้ตัวพ.ต.ท.ทักษิณฯ กลับมาดำเนินคดี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยู่ที่การยืนยันข้อเท็จจริงต่างๆ กลับมา และต้องขึ้นอยู่กับการประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ของเขาด้วย แต่เราจะทำให้ดีที่สุด เพราะเป็นการปฏิบัติตามปกติที่เราจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการของเรา
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่าถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องเร่งจัดตั้งกลไกพิเศษเพื่อติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย โดยอาจจะอยู่ในรูปแบบของคณะกรรมการพิเศษคณะหนึ่งเพื่อที่จะมีอำนาจบังคับบัญชาและทำหน้าที่บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับผิดชอบเกี่ยวกับการติดตามตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ เช่น กระทรวงการต่างประเทศ,อัยการสูงสุด, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และฝ่ายความมั่นคง เพราะว่าที่ผ่านมา หน่วยงานเหล่านี้มักจะปัดความรับผิดชอบและก็โยนกันไปโยนกันมา โดยอ้างว่า ไม่ได้อยู่ในขอบเขตอำนาจหน้าที่ของตนเอง จึงทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ใจและก็ไม่หยุดการเคลื่อนไหว เพราะว่ากลไกติดตามตรวจสอบเรื่องนี้ไม่ทำงานและไม่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง
ที่สำคัญรัฐบาลชุดนี้จะต้องทำเรื่องนี้เป็นวาระมีกรอบการทำงานและก็มีปฏิบัติการเป็นจริงเป็นจังไม่ใช่การออกมาพูดในลักษณะที่เหมือนกับว่าตั้งใจและก็มีความคิดนำตัวคุณทักษิณมาลงโทษเพื่อเรียกคะแนนนิยมทางการเมืองเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติไม่ได้อะไรแลยเหมือนที่ผ่านๆมา ก็เลยทำให้การแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะกระบวนการทางการเมืองที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลังได้สร้างปัญหาให้กับการเมืองไทยมาโดยตลอดเวลา
นายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่าแม้จะเป็นสิทธิของรัฐบาลที่จะนำตัวพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบ ของสนธิสัญญาที่ประเทศไทยมีกับต่างประเทศ ซึ่งทำได้โดยผ่านองค์กรระหว่างประเทศเท่านั้น ซึ่งในเบื้องต้น ตนไม่รู้ขั้นตอน และรายละเอียดของสนธิสัญญาการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนของ 2 ประเทศ ที่พ.ต.ท.ทักษิณ พำนักอยู่ในขณะนี้ คือ จีนและฮ่องกงว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะฮ่องกงนั้นไม่แน่ใจว่าจะมีสนธิสัญญาในลักษณะดังกล่าวอยู่หรือไม่
ดังนั้น จึงไม่เข้าใจว่า ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ที่กำลังไปสืบหาที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปดำเนินการโดยอาศัยกฎหมายฮ่องกง หรือกฎหมายไทยในแง่ไหน ในเรื่องนี้รัฐบาลไทยจะต้องดำเนินการตามกรอบกฎหมายเท่านั้น ไม่ใช่อาศัยวิธีการนอกกรอบโดยมุ่งหวังทำลายล้างพ.ต.ท.ทักษิณ ทุกวิถีทาง เพราะขณะนี้เห็นชัดเจนว่า แม้พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นรัฐบาล มีอำนาจแต่ก็ยังมีความระแวง และมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอุปสรรคสำคัญอยู่ เพราะประชาชนส่วนมากยังมีความนิยมในตัวพ.ต.ท.ทักษิณอยู่
นายนพดล ยืนยันว่าการปาถกฐาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่ การเคลื่อนไหว ทางการเมืองอย่างที่มีการมองกัน และเป็นอย่างที่ถูกกล่าวหาว่า สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงการประชุมอาเซียนซัมมิต เพราะเป็นเรื่องปกติของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่มักจะมีองค์กร หรือหน่วยงานในต่างประเทศมาเชิญไปบรรยายให้ความรู้
สำหรับเนื้อหาในการบรรยายนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จะแสดงวิสัยทัศน์โดยเน้น แนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ภายใต้สภาวะวิกฤตของโลกในขณะนี้ โดยจะใช้เวลาในการพูดประมาณ 2 ชั่วโมง
ส่วนแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้หารือกับพ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ เกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ที่ไม่สามารถปลุกกระแสสังคมได้ นายนพดล กล่าวว่า ส่วนตัวแล้วไม่ได้หารือกับพ.ต.ท.ทักษิณ ในเรื่องนี้ แต่เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงติดตามสถานการณ์อยู่