โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แฉเล่ห์ “พระเจ้ามูลแม้ว” พยายามบิดเบือนคดีอาญาให้เป็นคดีการเมือง เพื่อเป็นช่องทางลี้ภัยในต่างประเทศ ชี้หากเสี่ยงไปโม้ที่ฮ่องกงตามกำหนดการจันทร์นี้มีสิทธิ์ถูกรวบส่งตัวมาไทยย้ำรัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาปากท้องชาวบ้าน
วันนี้ (28 ก.พ.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาดำเนินคดีว่า ขณะนี้ขั้นตอนการประสานความร่วมมือของรัฐบาลไทย ถือว่าทำครบถ้วนแล้ว ขั้นตอนต่อไปเป็นการดำเนินการระหว่างกระทรวงการต่างประเทศและอัยการกับเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ประเด็นสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับฮ่องกงมีหรือไม่ ไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะจะดำเนินการภายใต้ตามมาตรา 96 ของธรรมนูญการปกครองที่เปิดช่องให้ทางการฮ่องกงสามารถดำเนินการโดยการสนับสนุนจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อสนับสนุนกระบวนการยุติธรรมกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งประเทศไทยมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับจีนอยู่แล้ว
ส่วนที่มีการมองว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการสร้างประเด็นทางการเมืองของรัฐบาล นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า รัฐบาลขอยืนยันว่าการดำเนินการทั้งหมดเป็นการยืนยันความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมของไทย การต่อสู้ของอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นความพยายามบิดเบือนคดีอาญาให้เป็นคดีการเมือง เพื่อผลักดันสถานะเป็นนักโทษทางการเมือง ซึ่งจะเปิดช่องให้สามารถลี้ภัยในต่างประเทศได้ ทั้งนี้ รัฐบาลจะชี้แจงความแตกต่างระหว่างคดีอาญากับคดีการเมืองควบคู่ไปกับการนำตัวอดีตนายกรัฐมนตรีกลับมาดำเนินคดี ซึ่งหลักสากลของกฎหมายได้แยกแยะประเด็นเหล่านี้ไว้แล้ว หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ปรากฏตัวในวันที่ 2 มีนาคม จะสามารถจับกุมตัวได้เลยหรือไม่นั้น เราเคารพการดำเนินการของทางการฮ่องกง
“ความพยายามเคลื่อนไหวของอดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อลดความน่าเชื่อถือของสถาบันตุลาการของไทยอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลสองรัฐบาลที่แล้วก็ไม่เคยให้การปกป้องความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมของไทยเลย รัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ จึงต้องปกป้องกระบวนการยุติธรรมของไทย และเชื่อว่าในการกล่าวปาฐกถาพิเศษของอดีตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 2 มีนาคมนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะใช้โอกาสในการพูดถึงกระบวนการยุติธรรมและสถาบันตุลาการของไทยต่อเนื่องไปอีก เพื่อทำให้ภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของไทยถดถอยลง เพื่อประโยชน์ในการต่อสู้ เปลี่ยนสถานะของการเป็นนักโทษคดีอาญาเป็นนักโทษคดีการเมือง” นพ.บุรณัชย์ กล่าว
เมื่อถามถึงแนวทางที่จะเหมาะสมที่สุดในการนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีนั้น นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า การกลับมามี 2 วิธี คือ มาโดยสมัครใจ หรือนำตัวกลับมาโดยวิธีส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทั้งนี้ พรรคต้องการให้อดีตนายกรัฐมนตรีกลับมาสู้คดี ส่วนที่มีข่าวว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จะเดินทางไปเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ยืนยันว่าพรรคไม่ได้ส่งใครไป
ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่ไปร่วมงานดังกล่าว นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ล่าสุดนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของอดีตนายกรัฐมนตรี ได้ยืนยันชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไปพูดในงานนี้แน่ โดยได้ขายบัตรหมดไปแล้ว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ภายหลังมวลชนเสื้อแดงประกาศยกระดับการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลว่า ขณะนี้มีความชัดเจนว่ากลุ่มเสื้อแดงมีความพยายามขยายฐานการต่อต้านรัฐบาล โดยขยายวงออกนอกกลุ่มเสื้อแดงไปยังเกษตรกร ผู้ว่างงาน และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเมืองและวิกฤติเศรษฐกิจ การดำเนินการทั้งในและนอกสภาฯ ของกลุ่มเสิ้อแดงเป็นไปเพื่อสร้างอุปสรรคในการเร่งแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการขัดขวางการผ่านงบประมาณกลางปี หรือการดำเนินการนโยบายสำคัญของรัฐบาล
“พรรคประชาธิปัตย์และรัฐบาลขอยืนยันความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองอย่างเต็มที่ โดยขอชี้แจงไปยังประชาชนว่า ปัญหาเร่งด่วนของประเทศ คือ ปัญหาความปรองดองในชาติ และปัญหาปากท้องประชาชน รัฐบาลหวังว่านับแต่เดือนนี้เป็นต้นไปโครงการสำคัญที่จะช่วยเหลือประชาชน อาทิ โครงการจำนำสินค้าเกษตร โครงการสนับสนุนผู้มีรายได้น้อย หรือโครงการลดค่าใช้จ่ายทางการศึกษา จะเร่งทยอยให้ถึงมือประชาชนโดยเร็วที่สุด โดยนายกรัฐมนตรีรับปากที่จะเดินสายติดตามการให้ความช่วยเหลือกับประชาชนอย่างเต็มที่” นพ.บุรณัชย์ กล่าว
นพ.บุรณัชย์ ยังกล่าวถึงความพยายามตั้งรัฐบาลแห่งชาติของพรรคฝ่ายค้าน ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นความพยายามที่จะสร้างความไขว้เขวให้กับสังคมอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นห่วงคือ การใช้ถ้อยคำที่กำกวมทำให้มีการตีความ และขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ให้การสนับสนุนกระบวนการเปลี่ยนแปลงใดก็ตามที่ไม่เป็นไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
“ขอย้อนถามกลับไปยังผู้ปล่อยข่าวในลักษณะนี้ว่า คำว่ารัฐบาลเพื่อชาติ หรือรัฐบาลแห่งชาติ หมายถึงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมีนายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้งตามระบอบรัฐสภาหรือไม่ ขอท้าให้ผู้อ้างว่าได้พูดคุยกับ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องนี้ต้องออกมาเปิดเผยสาระ ตัวตน ข้อมูล ความจริง และตัวบุคคลของผู้ที่หารือในลักษณะดังกล่าว เพราะจากการตรวจสอบ ไม่พบว่ามีใครไปหารือหรือพูดคุยในลักษณะที่มีการปล่อยข่าวมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา”