นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศ เปิดเผย วานนี้ (4 มี.ค.) ถึงความคืบหน้าการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องคำพิพากษาจำคุก 2 ปี ในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก โดยยอมรับว่าทางการฮ่องกงยังไม่แสดงท่าที ที่ชัดเจนว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธการยื่นร้องขอการนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมารับโทษในประเทศไทย ภายหลังจากทางอัยการได้ส่งทีมงานไปประสานงานในเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว
นายศิริศักดิ์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าในหลักการเกี่ยวกับการร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้นจะได้รับการตอบรับจากฝ่ายที่ถูกร้องขอหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับหลักการสำคัญ 2 ประการ คือ 1.ฝ่ายที่ถูกร้องขอจะพิจารณาก่อนว่าจะสามารถปฏิบัติตามที่มีการร้องขอไปได้หรือไม่ และ 2.ฝ่ายที่ถูกร้องขอเต็มใจที่จะปฏิบัติตามที่มีการร้องขอไปหรือไม่
ส่วนที่มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีการเข้าไปลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์และภาคธุรกิจในฮ่องกงจำนวนมหาศาล จะมีผลต่อการตัดสินใจของทางการฮ่องกง ในเรื่องการยื่นร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่นั้น นายศิริศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ ตนคงไม่สามารถให้ความเห็นได้
ด้าน นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.ความร่วมอาญา ตำรวจมีหน้าที่ การขอออกหมายจับที่ส่งมาอัยการและอัยการก็ส่งเรื่องไปกระทรวงการต่างประเทศ ทางกระทรวงการต่างประเทศ จะประสานไปยังสถานทูตหรือสถานกงศุลประเทศนั้นๆ จากนั้นก็จะส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทยหรือกระทรวงยุติธรรม เป็นต้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของเขาที่จะดำเนินการต่อไปตามหลักกฏหมาย หรือสนธิสัญญาหากไม่มีสนธิสัญญาก็อาจจะเป็นการฝากขอให้กันช่วยดำเนินการ หรือการใช้หลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติในการช่วยเหลือกัน
เป็นเรื่องของทางฝ่ายโน้นไม่เกี่ยวกับเราแล้ว และคงยากเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ส่วนฮ่องกงไม่มีสนธิสัญญการส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้น ก็คงใช้หลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติช่วยเหลือกัน อัยการทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานกลางเท่านั้นไม่ใช่มีหน้าที่ไปจับกุม
ส่วนที่ ที่จะมีการส่งวิดีโอลิงค์ปาฐกถาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปยังสโมสร ผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งฮ่องกงวันที่ 12 มี.ค.จะจับกุมได้หรือไม่นั้น นายธนพิชญ์ กล่าวว่าเราไม่รู้ว่าส่งมาจากไหน
นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมปาฐกถาที่ สโมสรผู้สื่อข่างต่างประเทศแห่งฮ่องกง ผ่านวีดีโอลิงค์ ในวันที่ 12 มี.ค.นี้ว่า เป็นการจัดโฟนอินผ่านทางไกล จึงเป็นเรื่องขององค์กรที่จัดคงไปแทรกแซงไม่ได้ แต่หากมีเนื้อหาที่เป็นการพาดพิงถึงรัฐบาลหรือให้ข้อมูลที่ผิดๆ เราก็จะชี้แจงเท่านั้นเอง การแสดงความคิดเห็นสามารถทำได้ หวังว่าคนไทยด้วยกันอย่าใส่ร้ายหรือให้ร้ายประเทศไทย
ส่วนที่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์เสนอให้รัฐบาลควรชิงพื้นที่สื่อให้มากกว่านี้นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าสื่อทำงานเป็นอิสระและเป็นผู้ใช้วิจารณาญในการนำเสนอข่าวสารที่คิดว่าอยู่ในความสนใจและเป็นประโยชน์ รัฐบาลมีหน้าที่ในการนำเสนอข่าวสารที่ดีที่สุดให้กับประชาชน
ส่วนที่เสนอให้รัฐบาลทำงานเชิงรุกนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลทำอยู่และพยายามที่จะเดินหน้าประชาสัมพันธ์ให้ดีที่สุด แต่ต้องให้เกียรติสื่อมวลชน ในการมิอิสระที่จะเสนอข่าวสาร เชื่อว่าสื่อมวลชนจะใช้วิจารณาญว่าข่าวสารใดเป็นประโยชน์หรือไม่อย่างไร ขณะเดียวกันประชาชนผู้รับสื่อก็ต้องมีวิจารณาญเช่นเดียวกัน
นายคำนวณ ชโลปถัมภ์ อดีตทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณให้ความเห็น ในเรื่องการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมารับโทษในประเทศไทยว่า ขณะนี้ขั้นตอนอยู่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานงานกับอัยการ ซึ่งกำลังสืบหาที่อยู่อย่างชัดเจน
ส่วนกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ในทางกฎหมาย ไม่สามารถเอาผิดได้ เพราะเป็นการไปเยี่ยมโดยส่วนตัว คงเป็นการนัดพบที่ใดที่หนึ่ง จึงไม่สามารถระบุที่อยู่ได้ และการที่ตำรวจสากลจะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมานั้น จะต้องไม่ละเมิดอำนาจอธิปไตยของประเทศใดประเทศหนึ่ง และสนธิสัญญาระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ที่ใด จึงไม่สามารถระบุที่อยู่ได้อย่างชัดเจน
นายศิริศักดิ์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าในหลักการเกี่ยวกับการร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้นจะได้รับการตอบรับจากฝ่ายที่ถูกร้องขอหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับหลักการสำคัญ 2 ประการ คือ 1.ฝ่ายที่ถูกร้องขอจะพิจารณาก่อนว่าจะสามารถปฏิบัติตามที่มีการร้องขอไปได้หรือไม่ และ 2.ฝ่ายที่ถูกร้องขอเต็มใจที่จะปฏิบัติตามที่มีการร้องขอไปหรือไม่
ส่วนที่มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีการเข้าไปลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์และภาคธุรกิจในฮ่องกงจำนวนมหาศาล จะมีผลต่อการตัดสินใจของทางการฮ่องกง ในเรื่องการยื่นร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่นั้น นายศิริศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ ตนคงไม่สามารถให้ความเห็นได้
ด้าน นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.ความร่วมอาญา ตำรวจมีหน้าที่ การขอออกหมายจับที่ส่งมาอัยการและอัยการก็ส่งเรื่องไปกระทรวงการต่างประเทศ ทางกระทรวงการต่างประเทศ จะประสานไปยังสถานทูตหรือสถานกงศุลประเทศนั้นๆ จากนั้นก็จะส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทยหรือกระทรวงยุติธรรม เป็นต้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของเขาที่จะดำเนินการต่อไปตามหลักกฏหมาย หรือสนธิสัญญาหากไม่มีสนธิสัญญาก็อาจจะเป็นการฝากขอให้กันช่วยดำเนินการ หรือการใช้หลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติในการช่วยเหลือกัน
เป็นเรื่องของทางฝ่ายโน้นไม่เกี่ยวกับเราแล้ว และคงยากเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ส่วนฮ่องกงไม่มีสนธิสัญญการส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้น ก็คงใช้หลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติช่วยเหลือกัน อัยการทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานกลางเท่านั้นไม่ใช่มีหน้าที่ไปจับกุม
ส่วนที่ ที่จะมีการส่งวิดีโอลิงค์ปาฐกถาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปยังสโมสร ผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งฮ่องกงวันที่ 12 มี.ค.จะจับกุมได้หรือไม่นั้น นายธนพิชญ์ กล่าวว่าเราไม่รู้ว่าส่งมาจากไหน
นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมปาฐกถาที่ สโมสรผู้สื่อข่างต่างประเทศแห่งฮ่องกง ผ่านวีดีโอลิงค์ ในวันที่ 12 มี.ค.นี้ว่า เป็นการจัดโฟนอินผ่านทางไกล จึงเป็นเรื่องขององค์กรที่จัดคงไปแทรกแซงไม่ได้ แต่หากมีเนื้อหาที่เป็นการพาดพิงถึงรัฐบาลหรือให้ข้อมูลที่ผิดๆ เราก็จะชี้แจงเท่านั้นเอง การแสดงความคิดเห็นสามารถทำได้ หวังว่าคนไทยด้วยกันอย่าใส่ร้ายหรือให้ร้ายประเทศไทย
ส่วนที่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์เสนอให้รัฐบาลควรชิงพื้นที่สื่อให้มากกว่านี้นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าสื่อทำงานเป็นอิสระและเป็นผู้ใช้วิจารณาญในการนำเสนอข่าวสารที่คิดว่าอยู่ในความสนใจและเป็นประโยชน์ รัฐบาลมีหน้าที่ในการนำเสนอข่าวสารที่ดีที่สุดให้กับประชาชน
ส่วนที่เสนอให้รัฐบาลทำงานเชิงรุกนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลทำอยู่และพยายามที่จะเดินหน้าประชาสัมพันธ์ให้ดีที่สุด แต่ต้องให้เกียรติสื่อมวลชน ในการมิอิสระที่จะเสนอข่าวสาร เชื่อว่าสื่อมวลชนจะใช้วิจารณาญว่าข่าวสารใดเป็นประโยชน์หรือไม่อย่างไร ขณะเดียวกันประชาชนผู้รับสื่อก็ต้องมีวิจารณาญเช่นเดียวกัน
นายคำนวณ ชโลปถัมภ์ อดีตทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณให้ความเห็น ในเรื่องการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมารับโทษในประเทศไทยว่า ขณะนี้ขั้นตอนอยู่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานงานกับอัยการ ซึ่งกำลังสืบหาที่อยู่อย่างชัดเจน
ส่วนกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ในทางกฎหมาย ไม่สามารถเอาผิดได้ เพราะเป็นการไปเยี่ยมโดยส่วนตัว คงเป็นการนัดพบที่ใดที่หนึ่ง จึงไม่สามารถระบุที่อยู่ได้ และการที่ตำรวจสากลจะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมานั้น จะต้องไม่ละเมิดอำนาจอธิปไตยของประเทศใดประเทศหนึ่ง และสนธิสัญญาระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ที่ใด จึงไม่สามารถระบุที่อยู่ได้อย่างชัดเจน
