xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” ย้ำแนวคิดตั้งพรรคเพิ่มเวทีต่อสู้-เตือน ปชป.อย่าเห็น พธม.เป็นเมียเก็บ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สนธิ” ย้ำแนวคิดตั้งพรรคพันธมิตรฯ เพิ่มเวทีต่อสู้ในสภา ควบคู่แนวทางนอกสภาที่มีข้อจำกัด ระบุ อาจมีหลายพรรค หรือสนับสนุนพรรคอื่น ที่ยอมรับแนวทางการเมืองใหม่ เตือนพรรคไร้อุดมการณ์ อย่าแอบอ้างพันธมิตรฯ เผยเจ็บปวด หนุน “มาร์ค” เพราะเป็นคนดี แต่คน ปชป.กลับไม่คิดว่า พธม.เป็นมิตร มัวแต่ทำตัวเป้นกลาง ปล่อย ตร.ชั่วที่ฆ่าประชาชนลอยนวล เผย ยังเชื่อมั่น ปชป.มีคุณความดี แต่ขอให้กล้าหาญ อย่าเห็นพันธมิตรฯ เป็นเมียเก็บ


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย 

ในรายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ถ่ายทอดสด ทางเอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน จากเวทีชั่วคราวหน้าบ้านเจ้าพระยา ช่วงเวลา 20.30-23.00 น.วันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ได้กล่าวปราศรัยในประเด็นการตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ ว่า แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 1 เคยประกาศเป็นสัญญาว่าจะไม่รับตำแหน่งทางการเมือง ก็จะไม่รับตำแหน่งทางการเมืองต่อไป แต่การต่อสู้ของพันธมิตรฯ นั้น ยุทธศาสตร์เหมือนเดิม คือ ทำเพื่อชาติบ้านเมือง แต่จำเป็นต้องมีหลายยุทธวิธี หลังจากชุมนุม 193 วันเสร็จ มีหลายคน เช่น นายเทิดภูมิ ใจดี นายสุริยะใส กตะศิลา มาพบ บอกว่า ต้องตั้งพรรคการเมือง ซึ่งตนก็บอกไปว่าอย่าเพิ่งเลย แต่ก็มีความเห็นมาอีกว่าแกนนำไม่ตั้งพรรคไม่เป็นไร ให้คนอื่นๆ ไปตั้งแล้วให้พันธมิตรฯ สนับสนุน ซึ่งตนก็บอกว่า พูดง่ายทำยาก เพราะให้คนอื่นตั้งพรรคแล้วไปบอกให้พี่น้องพันธมิตรฯ สนับสนุน โดยที่ยังไม่รู้ว่าพรรคนั้นมีอุดมการณ์อย่างไร

“บอกว่า แกนนำไม่ควรจะตั้งพรรค ควรจะปล่อยคนรุ่นหลังๆ ไปตั้งพรรคกัน ไม่ต้องมากลัวพวกผมตั้งพรรค ไม่ต้องมากลัว ผมไม่รับตำแหน่งทางการเมือง ผมจะยังคงอยู่ ASTV เหมือนเดิม แล้วไม่มีใครที่จะไปรับตำแหน่งทางการเมือง หมายความว่า ไม่มี จะเป็นรัฐมนตรี จะเป็นรองนายกฯ ไม่มีใครเอาทั้งสิ้น แต่ว่าพรรคการเมืองมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของการเมืองภาคประชาชนเหมือนกัน เพราะว่าการต่อสู้ทางการเมืองมี 2 อย่าง หนึ่ง สู้ในภาคประชาชน ซึ่งเราทำแล้ว ถามต่อว่า วันนี้ถ้าเราจะสู้ต่อไปในทางการเมือง โดยภาคประชาชนเป็นตัวเดิน สหภาพฯ การบินไทยมีปัญหา เราก็ต้องเดินขบวนไปที่การบินไทย ไปเรียกร้อง ช่วยเขา การประปานครหลวงมีปัญหา เอ้าพ่อแม่พี่น้อง ไปการประปาฯ เอ้า ป.ป.ช.ทำไมไม่พิจารณาอันนี้ เอ้าพวกเราระดมคนเดินไป ป.ป.ช.กกต.มีปัญหา เอ้าเดินไป กกต. ตกลงเราคือใครกันแน่ เข้าใจหรือยังพี่น้อง”

นายสนธิ กล่าวต่อว่า จะเสียหายตรงไหน ถ้าหากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยสนับสนุนพรรคการเมือง อาจจะ 3 พรรคก็ได้ เราไม่ขัดข้อง คุณตั้งมาสิ คุณไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อยากตั้งพรรคการเมืองร่วมกับ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร แล้วมีคุณประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หนุนหลัง ก็ตั้งไปสิ

“แต่ถามผมก่อนได้ไหม ถามแกนนำ 5 คนก่อนได้ไหม ถามแกนนำว่า ปรัชญาของคุณอยู่ที่ไหน คุณพร้อมไหมที่จะไม่รับตำแหน่งการเมือง ถึงคุณมี ส.ส.20-30 คน คุณไปร่วมรัฐบาล คุณต้องไม่รับตำแหน่งนะ คุณตอบได้ไหม ถ้าคุณกล้าออกมาคุณไม่รับตำแหน่ง ถ้าคุณกล้าออก เสียสละของคุณ และถ้าคุณกล้าพอที่จะบอกออกมาอย่างชัดเจน ว่าคุณมีความกล้าหาญ และคุณพร้อมที่จะไม่รับเงินนายทุน คุณบอกที่มาที่ไปของเงินที่มาสนับสนุนพรรคการเมือง ถ้าคุณทำเช่นนั้นได้ ผมจะเป็นคนแรกที่ยืนออกมาแล้วบอกว่า พ่อแม่พี่น้อง พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สนับสนุนพรรคนี้ สนับสนุนพรรคนั้น”

นายสนธิ กล่าวต่อว่า การมาพูดว่าแกนนำฯ ไม่ใช่พันธมิตรฯ พูดอีกก็ถูกอีก เพราะเราไม่เคยคิดว่าเราเป็นเจ้าของพันธมิตรฯ แต่เราเคยคิดว่าถ้าเราจะทำอะไรยิ่งใหญ่ เราจะถามพ่อแม่พี่น้องก่อนเสมอ เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจตรงนี้ก่อน เราไม่ต้องการให้การต่อสู้ของเรา 193 วัน ตายไปแล้ว 10 กว่าคน บาดเจ็บ 700 กว่าคน พิการอีกจำนวนมาก กลายเป็นเวทีให้คนอื่นมาฉกฉวย แล้วบอกว่า นี่คือพรรคเครือข่ายพันธมิตรฯ เพราะฉะนั้นให้พันธมิตรฯ ช่วยลงคะแนนเสียงให้

“ในขณะนี้มีกระบวนการแบบนี้เกิดขึ้น พี่น้องเข้าใจหรือยัง มาพูดบอกว่าพันธมิตรฯ ไม่ควรจะตั้งพรรคการเมือง ควรจะให้คนอื่นเขาตั้งกัน แล้วพันธมิตรฯ สนับสนุน เอ๊ะ มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ ไม่ต้องห่วง คนอย่างผมมีสัจจะ รับปากว่าผมไม่รับตำแหน่งทางการเมือง ผมก็ไม่รับ ถ้าวันหนึ่งจะต้องรับเพราะว่ามีโอกาสเข้าแก้ไขปัญหาประเทศชาติ ผมจะบอกเลย ผมไม่เป็นตัวอีแอบ และผมจะขออนุญาตพ่อแม่พี่น้องว่าจะให้หรือไม่ให้ นี่ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ แต่ไม่มี ไม่เคยคิด ผมก็บอกสุริยะใสไป บอกว่า ใส ถ้าจะตั้งพรรคการเมือง เงื่อนไขต้องมี คุณมีอะไรที่แสดงให้พ่อแม่พี่น้องเห็นว่าคุณเป็นการเมืองใหม่บ้าง”

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ตนต้องเจ็บปวดในการสนับสนุน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะเห็นว่าเป็นคนดี มีคุณธรรม แต่ในพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันเอง ไม่เคยคิดว่าเราเป็นมิตร

“ผมอยากจะถามพรรคประชาธิปัตย์วันนี้ ว่า คุณคิดว่าผมเป็นใคร เป็นมิตรคุณหรือเป็นศัตรูคุณ ไม่ๆ ผมอยากจะถาม ผมอยากจะถามพวกนี้จริงๆ คุณต้องการที่จะเชิดชูตัวคุณเองว่าคุณเป็นกลางแบบ สุรยุทธ์ จุลานนท์ รึไง เหลืองก็ไม่เอาแดงก็ไม่เอา”

นายสนธิ กล่าวต่อว่า อยากจะถามกลับว่าคนเสื้อเหลืองมันเสียหายตรงไหน ถ้าเสื้อเหลืองไม่ดีแล้วเอา นายกษิต ภิรมย์ ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทำไม ซึ่ง นายกษิตเป็นคนแน่ เป็นคนนักเลง กล้าบอกว่า ภูมิใจที่เป็นพันธมิตรฯ ในเมื่อรัฐมนตรีคนหนึ่งของประชาธิปัตย์ภูมิใจที่เป็นพันธมิตรฯ ทำไมจะพูดไม่ได้ว่า เห็นพันธมิตรฯ ไม่ได้ทำอะไรผิด ทำผิดอย่างมากก็คือบุกรุกสถานที่ราชการ พูดแค่นี้จะตายหรือ

“ผมโดนกี่คดี พี่น้องโดนกี่คดี วันดีคืนดีปล่อยให้ตำรวจชั่วๆ มาตั้งข้อหา 21 คน แล้วคุณนั่งกระดิกเท้าเฉยๆ คุณบอกว่าคุณไม่แทรกแซง ปัญหาไม่ใช่เรื่องคุณแทรกแซงหรือไม่แทรกแซง ปัญหาคือเรื่องที่คุณต้องถามตัวคุณเองว่า พันธมิตรฯ หรือใครก็ตามไม่จำเป็นต้องเป็นพันธมิตรฯ ได้รับการปฏิบัติอย่างชอบธรรมบนพื้นฐานของความยุติธรรมรึเปล่า คุณไม่เคยคิดในเรื่องนี้ แล้วคุณไม่เคยพูดในเรื่องนี้ แต่คุณจะเอาแต่ได้อย่างเดียว”

นายสนธิ กล่าวต่อว่า คนในพรรคประชาธิปัตย์บางคนบอกว่า หากพันธมิตรฯ ตั้งพรรคจะผิดหวัง เพราะพันธมิตรฯ ทุกคนคือประชาธิปัตย์ พูดอย่างนี้ ตนไม่ได้ขัดข้อง เพราะยังคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ดีที่สุด ก่อนที่พรรคพันธมิตรจะเกิด ตนเคารพในตัวนายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายอภิสิทธิ์ ก็เป็นคนดี นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ นายกรณ์ จาติกวณิช เป็นคนดี แต่ประชาธิปัตย์มีปัญหาอย่างหนึ่ง คือต้องไปตัดแว่น เพราะมองศัตรูกับมิตรไม่ออก

นายสนธิ กล่าวต่อว่า รัฐบาลไม่จำเป็นต้องปลดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นน้องชาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม แต่คนที่รับผิดชอบกับการตายของประชาชน อย่าง นายสุชาติ เหมือนแก้ว, อำนวย นิ่มมะโน ทำไมยังให้มีอำนาจอยู่

“10 กว่าคนที่ตายไป 700 กว่าคนที่บาดเจ็บ อีกหลายสิบคนที่พิการ เพื่อให้คุณเป็นรัฐบาล แล้งคุณเอาส้นตีนลูบหน้าคนตาย ลูบหน้าพันธมิตรฯ ทำได้ยังไง คนที่มีส่วนร่วมในการฆ่าประชาชน นั่งอยู่กันสบายมีอำนาจเหมือนกันหมดทุกคน คุณไม่ต้องไล่ออกก็ได้ คุณย้ายเข้าไปประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้ จะรอไล่ออกก็ต่อเมื่อ ป.ป.ช.ชี้มูล คุณทำได้ทำไมคุณไม่ทำ

“ผมไม่ได้มีอะไร แต่ผมต้องถามคุณเป็นทางการบนเวทีวันนี้ ว่าคุณมองผมเป็นมิตรหรือเป็นศัตรู คุณต้องตอบคำถามนี้มาก่อน คนพันธมิตรฯ เขารักคุณ แต่คุณอย่าให้พันธมิตรฯ ต้องแค้นคุณนะ

“ผมยังเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังมีคุณงามความดีอยู่ ขออย่างเดียว ให้คุณมีความกล้าหาญเสียหน่อย อย่ารังแกจิตใจพันธมิตรฯ ให้มากเกินไปกว่านี้อีก พูดจาให้ระวัง คุณตอบคำถามได้หมด เพราะว่าพันธมิตรฯ มีความชอบธรรมทุกเรื่อง ถ้ามันถามว่าทำไมไม่ดำเนินคดีพันธมิตรฯ เสียที คุณก็บอก เขาโดนดำเนินคดีไป 400 กว่าคดีแล้ว แล้วจะบอกได้ยังไงว่าไม่ดำเนินคดี

“ถ้าไอ้เสื้อแดงที่ไปกระทืบทหารแล้วโดนออกหมายจับภายใน 7 วัน มันบอกว่าทำไมทำส้นตีนอย่างนี้ ก็บอกเสียสิว่า ทำไมคุณถึงพูดจาหยาบคาย พันธมิตรฯ เขาไม่เคยพูดจาหยาบคายอย่างนี้ แล้วพันธมิตรฯ โดนหมายจับยังไม่ถึง 7 วัน ก็มีหลายคดี คุณก็ตอบเขาไปสิ เวลานักข่าวเอาไมค์จ่อปากถามคุณ บอกว่าที่พันธมิตรฯ เขาจะขอเปลี่ยนตัวผู้สอบสวน หัวหน้าพนักงานสอบสวน กรณีออกหมายจับพันธมิตรฯ 21 คน ท่านมีความเห็นว่าอย่างไร ทำไมไม่ตอบไปล่ะ ว่าเมื่อยื่นมาแล้วผมขอดูก่อนว่ามีเหตุผลไหม ถ้ามีเหตุผลพอเพียงผมก็จะเรียกให้ ผบ.ตร.เปลี่ยนให้ แต่ถ้ามีเหตุผลไม่พอเพียงก็ไม่ต้องเปลี่ยน คุณตอบแค่นี้มันตายเหรอ ทำไมคุณต้องบอกว่า ไม่เห็น ไม่มีๆๆ ไม่มีการเปลี่ยน ยังเหมือนเดิม”

นายสนธิ กล่าวต่อว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยรักนายอภิสิทธิ์ทุกคน แต่อาจจะเอาเฉพาะนายอภิสิทธิ์ไม่เอาพรรคประชาธิปัตย์ เพราะฉะนั้นแล้ว การเมืองภาคประชาชน และการเมืองในสภา อาจต้องมีคู่กัน ถ้าเราสู้เฉพาะบนถนนอย่างเดียว ภาคประชาชนก็มีข้อจำกัด มันต้องมือซ้ายก็สู้ได้ มือขวาก็ต้องสู้ได้ พี่น้องไม่ต้องไปกลัว ตราบใดที่แกนนำพันธมิตรฯ จะเป็นคนดูแลจริยธรรมและจรรยาบรรณของคนซึ่งเข้าไปเล่นการเมืองในสภา ไม่มีใครกล้าเบี้ยว เพราะกติกาเราชัดเจน เชื่อถือได้

“2548 มาถึงวันนี้ 193 วัน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง สนธิ ลิ้มทองกุล พิภพ ธงไชย สมศักดิ์ โกศัยสุข และสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ พิสูจน์ให้พ่อแม่พี่น้องเห็นแล้วว่าเราไม่ต้องการอะไร เรามีแต่ใจและชีวิตมอบให้พ่อแม่พี่น้องเท่านั้นเอง คำพูดเราหนักแน่นยิ่งกว่าทองคำ มั่นคง ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ถ้าผมบอกผมไม่เล่นการเมือง ผมก็ไม่เล่น ผมไม่รับตำแหน่ง ผมก็ไม่รับ ไม่มี เอาตำแหน่งนายกฯ มาให้ก็ไม่เอา นี่ไงพี่น้อง นี่คือการเมืองใหม่ การเมืองใหม่ของผู้ที่มีโอกาส มีอำนาจ แต่ไม่แย่งชิงอำนาจนี้เข้ามาเพื่อหลงใหลและลุ่มหลงในอำนาจ

“เพราะฉะนั้นแล้ว บทบาทของผมกับพี่ลอง และพี่พิภพ และพี่สมศักดิ์ ชัดเจน อาจารย์สมเกียรติแกเล่นการเมืองอยู่แล้ว ปล่อยแกไป แต่เรา 4 คนนี่ชัดเจน ไม่ต้องเดา เพราะว่าเราสนับสนุนให้มีพรรคพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแน่นอน จะมี 1 พรรค หรือจะมี 2 พรรค หรือ 3 พรรค ได้ทั้งนั้น แต่ทุกคนต้องยอมรับในกติกาของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คือพรรคที่เป็นของประชาชนจริงๆ

“นี่คือความในใจของผม ผมไม่เคยคิดจะไปแย่งที่นั่ง ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าคุณคิดเป็นระหว่างผมกับเนวิน ชิดชอบ คุณเชื่อใจใครมากกว่า ถ้าแค่นี้คุณยังคิดไม่ออก คุณก็ไปลงนรกซะ คุณรู้ได้ยังไง เนวินไม่หักหลังคุณในที่สุด คนบางคนโตมาเพราะผลประโยชน์ กับคนบางคนยอมตายเพื่อชาติ เพียงแค่นี้คุณก็ดูไม่ออกเชียวหรือ ตอบผมหน่อยเท่านั้นพอแล้ว ว่าคุณมองพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มองแบบกลางๆ หรือมองแบบมิตร หรือมองแบบว่าไม่ให้มันเจริญเติบโต”

นายสนธิ กล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณเพิ่งให้สัมภาษณ์นิตยสารไทมส์แมกกาซีน บอกว่า คนที่อยู่เบื้องหลังการเมือง ให้หยุดอยู่เบื้องหลังซะที จะหมายความถึงใครไม่ได้นอกจากว่า อย่างน้อยที่สุดต้องระดับประธานองคมนตรี หรือเผลอๆ ขึ้นไปถึงข้างบนเสียด้วยซ้ำ นี่คือนัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ และ พ.ต.ท.ทักษิณยังป่าวประกาศอีก ในนิตยสารไทมส์ ว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ยโสโอหังเพราะได้รับการสนับสนุนจากทหาร และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นไปพูดให้ตาย นายสุเทพจะพูดเป็น 10 ครั้ง ว่า ไม่เกี่ยวกับพันธมิตรฯ มีคดีให้ดำเนินถึงที่สุด มันก็ไม่เชื่อ มันก็บอกว่า เราเป็นพวกกัน ซึ่งจริงๆ ก็เป็นพวกกัน

“พยายามทำให้เห็นว่าเหลืองก็ไม่เอาแดงก็ไม่เอา เพื่อความยุติธรรม แต่ทักษิณด่าแม่คุณอยู่ในหนังสือไทมส์แมกกาซีน ว่าคุณกับผมพวกเดียวกัน แล้วยังไปเอาใจมันได้ยังไง ก็คุณก็รู้ว่าทักษิณกับเพื่อไทยพวกเดียวกัน เสื้อแดงก็พวกเดียวกัน ที่มาด่าเรื่องของเราแล้วคุณกระโดดหนีออกมา มันทำให้เราเองก็เสียใจ เราไม่ใช่เมียเก็บคุณนะ คุณนึกจะมาเอาวันไหนก็มาเอา มีอารมณ์ก็แวะมา พอได้เป็นรัฐบาลก็นุ่งกางเกงกลับบ้าน แล้วก็เฮ่ย! อย่าไปยุ่ง พอทีนี้เมียเก็บยั้วะขึ้นมา ก็ยังสวยอยู่ มีคนต้องการเยอะ ลุกขึ้นมาทาปาก ใส่กระโปรง แต่งตัวโป๊หน่อย ออกไปเที่ยว หึงเริ่มหึง ออกมาด่าใหญ่เลย บอกว่า แหมพันธมิตรฯ ก็คือประชาธิปัตย์นั่นเอง ประชาธิปัตย์ทุกคนคือพันธมิตรฯ มาหึงตอนนี้”

นายสนธิ กล่าวต่อว่า สำหรับพี่น้องที่ไม่เห็นด้วยกับการตั้งพรรค อยากให้คิดสักนิดหนึ่ง บางคนบอกว่า อยู่อย่างนี้ดีแล้ว เป็นตัวถ่วงดุลรัฐบาล แต่ตนกลัวว่าจะเป็นตัวถ่วงพวกเรามากกว่า ลองหลับตาวาดภาพ ขนาดเราโดนไล่ยิงรัฐบาลยังไม่ทำอะไรเลย จะให้พวกเราตายไปอีกกี่คน เขาแกล้งเราขนาดนี้ เรายังไม่มีทางออกเลย เราไม่รู้จะไปร้องกับใคร ไปแจ้งความ มันก็ไม่ทำอะไร มันฆ่าเราตายไปเท่าไร วันนี้มันยังจับใครไม่ได้เลย

“พี่น้องอย่าคิดแบบไร้เดียงสา ถ้าการเมืองมียางอาย เหมือนที่นายกฯ อภิสิทธิ์พูด ว่าเมื่อไรก็ตาม รัฐบาลมีข้อผิดพลาดแม้แต่เพียงนิดเดียวก็ต้องลาออก ถ้ามันมียางอายอย่างนี้ เราก็ไม่ต้องไปสู้ในสภา พี่น้องอย่าไร้เดียงสา อย่ามองโลกในแง่ดีจนเกินไป

“ถ้าบอกว่า ถ้าผมไปสนับสนุนพรรคการเมืองของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะเลิกสนับสนุนผม พี่น้อง ผมไม่ห้ามพี่น้อง แต่ขอให้พี่น้องคิดให้ดีๆ คิดให้ดีๆ อย่าเอาวาทกรรมง่ายๆ ว่าถ้าคุณทำอย่างนี้ ผมจะไม่เอา ก็ขนาดนายกฯ อภิสิทธิ์ ผมยังทำความเข้าใจกับเขาได้เลย ว่าเขาพูดออกมา บอกเขาจำเป็นต้องทำเช่นนี้ เพื่อให้มีโอกาสทำความดี เราก็ยังให้โอกาสเขา

“อย่างน้อยที่สุด ในสภาก็ต้องมีคนยกกระทู้ปกป้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แล้วด่าพวกเสื้อแดงได้ จะให้เราไปประชุมเปิดเวทีไฮปาร์กได้ยังไง ร้อนก็ร้อน ฝนตกก็เปียก เรามี 2 เวที แล้วการมี 2 เวที เวทีภาคประชาชน กับเวทีการเมืองในสภา กลับเป็นเรื่องที่ดี เพราะว่ามีการตรวจสอบทั้งสองฝ่ายเลย ซึ่งเราเป็นผู้ตรวจสอบ ไม่มีใครหลุดรอดเร้นไปได้เลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เรายังจะต้องสนับสนุนคนที่จะสมัครเป็น ส.ว. ถ้า ส.ว.ชุดนี้หมดอายุไป เมื่อเล่นแล้วต้องเล่นให้สุดๆ ต้องระบายมันให้หมด”นายสนธิ กล่าวในที่สุด




กำลังโหลดความคิดเห็น