xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ขอบคุณเสื้อแดงสลายชุมนุม ประชุมอาเซียนชื่นมื่น พร้อมเดินหน้าปฎิรูปการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
นายกฯ ชื่นมื่น ยันประชุมอาเซียนผ่านไปด้วยดี พร้อมขอบคุณ “เสื้อแดง” ยอมสลายชุมนุม ยัน รบ.ไม่ได้เพิกเฉยต่อ 4 ข้อเรียกร้อง ขณะเดียวกัน พร้อมเดินหน้าปฏิรูปการเมือง คาดจะนำเงินกู้ ตปท.มาใช้กระตุ้น ศก.ประมาณไตรมาส 3 เชื่อช่วยบรรเทาผลกระทบภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลกได้ ยันจะรักษาวินัยการใช้เงินกู้อย่างเคร่งครัด

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์”

วันนี้ (1 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” เป็นครั้งที่ 7 ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย(NBT)และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการบันทึกเทปรายการที่โรงแรมดุสิตธานี อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ไว้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 27 ก.พ.ระหว่างเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 14หรืออาเซียนซัมมิท

ขอบคุณเสื้อแดง-จนท.ที่ช่วยให้การชุมนุมสงบ

โดยตอนหนึ่งนายกฯ กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองว่า อยากจะเรียนว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีการชุมนุมของพี่น้องประชาชนจำนวนหนึ่ง ซึ่งไม่เห็นด้วยหรือมีจุดยืนของการคัดค้านรัฐบาล เบื้องต้นตนต้องถือโอกาสนี้ขอบคุณทั้งผู้ชุมนุม และทางเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือทหาร ที่มาดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยว่า การจัดการชุมนุมนั้นก็ผ่านพ้นไปโดยไม่ได้มีเหตุการณ์รุนแรง ไม่ได้มีความสูญเสีย ขณะเดียวกันการทำงานของรัฐบาลก็สามารถดำเนินไปได้ตามปกติ อย่างที่ทุกท่านก็ทราบว่าตนก็เข้าไปทำงานในทำเนียบรัฐบาลตามปกติ โดยเคารพการใช้จ่ายใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญของผู้ชุมนุม และการสลายการชุมนุมไป และทำให้เราจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนในบรรยากาศที่สงบก็จะมีส่วนสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศชาติ

ตอบ4ข้อเรียกร้อง ยันคดีพธม.คืบหน้า

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงงข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมที่มีอยู่ 4 ข้อว่า รัฐบาลไม่ได้เพิกเฉยหรอก ส่วนที่ 1 นั้นคดีความต่างๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบหรือความขัดแย้งทางการเมือง ก็เดินหน้าไปอย่างต่อเนื่องตรงไปตรงมา

“ผมขอย้ำอีกครั้งนะครับว่าเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง ตรงไปตรงมา แล้วจะไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ขณะเดียวกันรัฐบาลโดยทางเจ้าหน้าที่ก็จะไม่ไปกลั่นแกล้งใครเช่นเดียวกันและผมเชื่อว่าอีก 1 เดือนจากนี้ไปก่อนที่จะมีการนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งหนึ่ง จะได้เห็นความคืบหน้าของหลายคดีความทีเดียว”นายกฯ กล่าว

แก้ไขรธน.รวมในปฏิรูปการเมือง

นายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ 2 ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนั้น อยากจะเรียนว่าสัปดาห์ที่แล้วได้พูดถึงการที่จะขอให้ทางสถาบันพระปกเกล้าเข้ามาเป็นตัวกลางในเรื่องนี้ ก็ทราบว่าขณะนี้กรรมการสภาสถาบันฯ จะมีการประชุมกันต้นเดือนมีนาคมประมาณวันที่ 6 ถ้าจำไม่ผิด เพื่อพิจารณาเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ เพราะฉะนั้น ตรงนี้ก็เป็นความคืบหน้าอีกด้านหนึ่ง ซึ่งคิดว่าจะทำให้เป้าหมายของการปฏิรูปการเมืองสามารถที่จะเดินไปได้อีกก้าวหนึ่ง อีกขั้นหนึ่ง

ปลดกษิต-ยุบสภาเป็นเรื่องของสภา

ส่วนข้อเรียกร้องให้ปลดนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศและให้ยุบสภาคืออำนาจให้ประชาชน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่เกี่ยวข้องกับตนหรือเกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีในคณะ ในกระบวนการของรัฐสภา ฝ่ายค้านได้แถลงไปแล้วว่าจะมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลประมาณกลางเดือนมีนาคม ซึ่งคาดหมายว่าการอภิปรายจะมีขึ้นได้ประมาณปลายเดือนมีนาคม ก็เท่ากับว่าเราจะได้ใช้กระบวนการของรัฐสภาในข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย เพราะว่าการอภิปรายทางฝ่ายค้านก็พูดถึงนายกษิต พูดถึงการที่จะไม่ไว้วางใจ หรือยื่นถอดถอนตน ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามกระบวนการของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ส่วนข้อยุติจะเป็นอย่างไรนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับกระบวนการของรัฐสภา

“ผมคิดว่าถ้าเรารักษาบรรยากาศของบ้านเมือง ให้กระบวนการทางการเมืองทำงานได้อย่างนี้ รัฐสภาก็ทำหน้าที่ไป ประชาชนก็ใช้สิทธิเคลื่อนไหวภายใต้รัฐธรรมนูญอยู่ในกรอบของกฎหมาย ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นสังคมประชาธิปไตย และรัฐบาลก็พร้อมที่จะรับการตรวจสอบ”นายอภิสิทธิ์ กล่าว

โยน"สุเทพ"แก้ปัญหายาเสพติด เตรียมคลอดมาตรการใหม่ๆ

นายกฯ กล่าวอีกว่า สำหรับในเรื่องอื่น ๆ ที่เป็นปัญหาทางด้านสังคมนั้นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีการจัดการประชุมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของยาเสพติดและเร็ว ๆ นี้จะสามารถที่จะประกาศมาตรการต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ เพราะฉะนั้น ตรงนี้อยากจะเรียนว่า นี่คือความก้าวหน้าหรือความคืบหน้าในการทำงานตามนโยบายของรัฐบาล และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน

นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยากจะเรียนกับพี่น้องอย่างนี้ว่า ตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลยังเดินหน้าในการที่จะเร่งแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาอื่น ๆ ซึ่งเป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ต้องเรียนว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาข่าวคราวที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจยังเป็นการยืนยันถึงสภาวะวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก

ร่ายทั่วโลกเศรษฐกิจทรุด

“พี่น้องคงจำได้ว่าสัปดาห์ที่แล้วเราเพิ่งคุยกันว่าตัวเลขการส่งออกของประเทศไทยนั้นลดลงถึงร้อยละ 27 ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าสัปดาห์ที่ผ่านมานี้มีอีกหลายประเทศได้มีตัวเลขออกมาแล้ว น่าตกใจกว่าของเราอีก เช่นในกรณีของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งการส่งออกลดลงถึงร้อยละ 45 และประเทศในภูมิภาคอีกหลายประเทศที่พบกับปัญหาการส่งออกที่ลดลงถึงร้อยละ 30 ร้อยละ 40 ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าภาวะวิกฤตโลกขณะนี้ได้ทำให้การค้าระหว่างประเทศ หรือการค้าในโลกของเราหายไปประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งย่อมกระทบกับทุกประเทศ และมีผลกระทบรุนแรง ถ้าหากว่าประเทศใดต้องพึ่งพาในเรื่องของการส่งออกในการสร้างงาน สร้างรายได้ เพราะฉะนั้น ตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่ตอกย้ำสิ่งที่ผมได้พยายามพูดคุยกับพี่น้องประชาชนตลอดเวลาว่า การฟันฝ่าวิกฤตครั้งนี้ต้องผนึกกำลังกัน และรัฐบาลจะทุ่มเทเต็มความสามารถในการที่จะแก้ปัญหา”นายกฯ กล่าว

ขอบคุณสว.ที่ช่วยผ่านพรบ.งบฯกลางปี

นายกฯ กล่าวอีกว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประการแรกต้องขอขอบคุณวุฒิสภา ซึ่งได้ให้ความเห็นชอบพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 หรืองบประมาณกลางปี ซึ่งก็คือแผนกระตุ้นเศรษฐกิจนั่นเอง ซึ่งก็หมายความว่าขณะนี้งบประมาณ 116,700 ล้านบาท ได้ผ่านรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว ก็อยู่ในขั้นตอนที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ และเราก็คาดหวังว่าบรรดาโครงการต่าง ๆ ในงบประมาณนั้น จะสามารถเริ่มต้นได้ในเดือนมีนาคม

แจงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้ตลอดชีวิต

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาเราก็ได้เห็นว่าการทำงานในเรื่องนี้ยังมีอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น กรณีเบี้ยยังชีพของผู้สูงอายุ ก็ได้เริ่มต้นในกระบวนการของการที่เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุมาขึ้นทะเบียนในหน่วยงานที่เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ซึ่งจะดำเนินการเปิดให้ทุกท่านที่มีอายุเกิน 60 ปี และไม่มีรายได้หรือบำเหน็จ บำนาญ จากราชการ สามารถที่จะไปลงทะเบียนได้ก่อนวันที่ 15 มีนาคม และเมื่อเราตรวจสอบว่าท่านอายุเกิน 60 ปี ไม่มีรายได้จากราชการ ภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือบำเหน็จ บำนาญ แล้ว ท่านก็จะมีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพ 500 บาท ซึ่งจะเริ่มจ่ายตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป

“และก็ขอทำความเข้าใจเพราะมีการสอบถามกันมาเยอะเลยว่า จ่ายให้เพียง 6 เดือนหรือ ไม่ใช่นะครับ รัฐบาลมีนโยบายที่จะให้ตลอดไป เพราะฉะนั้น ตรงนี้ก็เป็นกระบวนการที่ได้มีการเริ่มต้นแล้วในการทำงานเพื่อให้เกิดความพร้อมอย่างเต็มที่ เมื่องบประมาณมีผลบังคับใช้”นายอภิสิทธิ์ กล่าว

รับไตรมาสรับติดลบรุนแรง ยันมาตรการรัฐช่วยได้

นายกฯ กล่าวอีกว่า อยากจะเรียนอย่างนี้ว่ารัฐบาลได้ประเมินสถานการณ์จากการที่ตัวเลขการส่งออก และการค้าระหว่างประเทศ หดตัวอย่างรุนแรง ว่าขณะนี้เราจะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจของเรายังสามารถที่จะขยายตัวได้ในปีนี้ “ผมประเมินร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครับ เชื่อว่าตัวเลขของเศรษฐกิจใน 3 เดือนแรกหรือไตรมาสแรกของปีนี้คงจะติดลบ และอาจจะติดลบรุนแรงเท่ากับหรืออาจจะมากกว่าใน 3 เดือนสุดท้ายของปีที่แล้ว ซึ่งติดลบไปถึงร้อยละ 4.3 จากนั้นเรามั่นใจว่ามาตรการที่เราได้เริ่มดำเนินการ”นายกฯ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจว่า ทั้งผ่านโครงการชุมชนพอเพียง ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงินในส่วนของผู้สูงอายุก็ดี อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน(อสม.) ก็ดี ไปจนถึงเรื่องของการเรียนฟรีในช่วงของการเปิดเทอม และมาตรการ 2,000 บาท ก็จะนำไปสู่การใช้จ่ายการหมุนเวียนที่จะทำให้การหดตัวของเศรษฐกิจใน 3 เดือนที่ 2 หรือไตรมาสที่ 2 นั้น น่าจะลดลง การหดตัวจะลดลง แล้วเราก็จะประเมินดูอีกทีว่าในไตรมาสที่ 3 นั้นจะสามารถทำให้เศรษฐกิจกลับมายืนอยู่ในภาวะที่เรียกว่าไม่เติบโต ไม่หดตัวได้หรือไม่ ก่อนที่ไตรมาสที่ 4 ซึ่งเราตั้งความหวังเอาไว้ว่าจะสามารถที่จะทำให้เศรษฐกิจมาขยายตัวในแดนบวกได้อีก

เล็งขอสภากู้เงินตปท.ไตรมาส3กระตุ้นเศรษฐกิจ

นายกฯ กล่าวต่อไปว่า ได้ประเมินตัวเลขต่างๆ แล้ว ทั้งในแง่ของผลกระทบการส่งออก และตัวเลขการท่องเที่ยว ที่เราเห็นในเบื้องต้นนี้ งบประมาณที่รัฐบาลจะใช้จ่ายในช่วงของงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มี ไปจนถึงการเตรียมการในการใช้จ่ายงบประมาณในปีงบประมาณหน้ายังคงไม่พอ เพราะฉะนั้น เดิมได้พูดเอาไว้ว่า รัฐบาลได้เตรียมแผนสำรองเอาไว้ นั่นก็คือการที่จะกู้เงินจากต่างประเทศ เพื่อเข้ามาลงทุนในโครงการพื้นฐาน ซึ่งเป็นโครงการในลักษณะที่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็น่าจะมีความจำเป็นชัดเจนแล้วในขณะนี้ ขั้นตอนต่อไปก็คือว่ากระทรวงการคลังซึ่งได้รับความเห็นชอบในเชิงหลักการให้ไปกรอบการเจรจา ก็จะเร่งนำเอากรอบเจรจาเงินกู้นี้เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ

“แล้วก็ตั้งเป้าเอาไว้ครับว่า ถ้ารัฐสภาให้ความเห็นชอบและนำไปสู่การเจรจา เราจะมีเงินอีกก้อนหนึ่งซึ่งพร้อมที่จะมาใช้จ่ายตั้งแต่ไตรมาสที่3 เป็นต้นไป เพราะฉะนั้น ตรงนี้ผมคิดว่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่รัฐบาลกำลังจะบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ลดความเสียหายที่เกิดขึ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก”นายกฯ กล่าว

ยันกู้เงินไม่เป็นภาระปชช. ลั่นอยู่ในวินัยการคลัง

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกหว่า ทราบดีว่ามีพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ก็เป็นห่วงว่าการที่รัฐบาลไปกู้เงินเพิ่มเติมจากต่างประเทศ จะเป็นการสร้างภาระหรือไม่ ก็ขอเรียนว่า ในการทำตัวเลขในการกู้เงินหรือการตัดสินใจในการใช้จ่ายเงินของรัฐบาลทุกครั้ง เราจะให้มีความมั่นใจว่าไม่หลุดจากกรอบในเรื่องของวินัยทางการเงินการคลัง เพราะว่ากฎหมายของเราก็ดี มาตรฐานสากลของเราก็ดี มันมีอยู่แล้วว่าเราจะสามารถใช้จ่ายเงินหรือกู้ยืมเงินได้มากน้อยแค่ไหนเพียงไร ซึ่งรัฐบาลจะรักษาวินัยและกรอบตรงนั้นอย่างเคร่งครัด เพราะฉะนั้น ก็อยากให้พี่น้องได้สบายใจในระดับหนึ่ง

จับมือเอกชนกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ

นายกฯ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันการทำงานกับภาคเอกชนก็เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก เรียนว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน ก็ดีใจที่หน่วยงานของรัฐกับเอกชนจับมือกันในการจัดงานเพื่อที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างน้อย ๆ ตนได้ไปร่วมงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว 2 ครั้ง ทั้งในส่วนที่เป็นการกระตุ้นให้พี่น้องประชาชนคนไทยเที่ยวในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น และตรงนี้เราก็มีนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว ทั้งในส่วนของการสนับสนุนส่วนราชการให้เดินทางประชุม สัมมนา ในประเทศมากขึ้น ไปจนถึงเรื่องของการที่มีการเพิ่มวันหยุดให้เกิดการหยุดยาว แทบจะเรียกได้ว่าเกือบทุกเดือน เพื่อที่จะให้พี่น้องประชาชนและครอบครัวสามารถที่จะเดินทางไปเที่ยวในประเทศมากขึ้น

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า ตนยังได้ไปร่วมงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอัญมณี ซึ่งแม้ว่าการส่งออกของเราหดตัวก็ยังไปได้ดีอยู่พอสมควร ได้เห็นศักยภาพของคนไทยเป็นการจัดงานซึ่งมีชาวต่างประเทศให้ความสนใจมาชมงานแสดงสินค้า ก็จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง ซึ่งงานในลักษณะนี้เราจะทำมากขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งซึ่งเป็นจังหวะเวลาที่เราจะจ่ายเงิน 2,000 บาทออกไปในรูปของเช็ค จะใช้ได้คล้ายๆ กับคูปอง และในการแสดงสินค้าต่าง ๆ ซึ่งอาจจะรวมถึงโอท็อปหรือเรื่องอื่น ๆ ด้วย เราจะเปิดโอกาสให้เอกชนซึ่งสนใจอยู่แล้ว รับเช็คเหล่านี้และมีส่วนลดให้กับประชาชนเพิ่มเติม เพราะฉะนั้น เงิน 2,000 บาทอาจจะกลายเป็น 2,200, 2,300, 2,500 บาท เอกชนบางรายถึงขั้นจะบอกว่าอาจจะมีส่วนลดให้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น ก็จะเป็นเงินที่มีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นไปอีก ก็จะเป็นอีกส่วนหนึ่งของการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในภาวะเช่นนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า นอกจากการแก้ปัญหาเศรษฐกิจแล้ว การแก้ปัญหาในด้านอื่น ๆ ก็ยังเดินหน้าต่อไปเช่นเดียวกัน สัปดาห์ที่จะถึงนี้งานทางด้านเอกชนที่เข้ามาทำงานทั้งในด้านเศรษฐกิจก็ดี สังคมก็ดี หรือหน่วยงานที่มาทำงานทางด้านการเมืองก็ดี ก็จะเริ่มกระบวนการหลายอย่างที่จะสานต่อนโยบายสำคัญ ๆ ของรัฐบาลในเรื่องเศรษฐกิจ ผมพูดอีกเรื่องเดียวก็คือว่ามาตรการที่เราเคยอนุมัติเอาไว้ เรื่องเกี่ยวกับการประกันสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางขนาดย่อม คาดว่าสัปดาห์หน้าในหน่วยงานของรัฐที่ทำงานเรื่องนี้คือบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) จะลงนามทำข้อตกลงกับทางธนาคารพาณิชย์ได้ ประจวบกับการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาอีก และจะดูแลให้การลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการลดทั้งดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก ไม่ให้เกิดความเอารัดเอาเปรียบกัน ก็จะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปในส่วนของความร่วมมือของทางภาคเอกชนอีกส่วนหนึ่งด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น