“สนธิ” เดือด “เทพเทือก” เป่าหูตำรวจไม่ให้เข้าใกล้ ชี้ชัดขึ้นวอได้เพราะพันธมิตรฯ เตือนระวังคนใต้รุมต่อต้าน แฉ “ศรีสุข” คัมแบ็กบินไทยหวังกอบโกยผลประโยชน์ให้พวกพ้อง แย้มรอเสื้อแดงเปิดศึกทหารสะเด็ดน้ำ ฮึ่มลุยเช็กบิล “ผู้ชนะ”
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ออกอากาศทางเอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-23.00 น. วันศุกร์ที่ 20 ก.พ.2552 ถึงอนาคตของพันธมิตรฯ ว่า ต้องขอร้องพี่น้องพันธมิตรฯ ให้ไปรวมตัวรวมใจกันที่อินดอร์สเตเดียมหัวหมาก เพื่อร่วมชม “แฮมเมอร์ 30 ปี” เพราะเป็นวงดนตรีที่ทำเพื่อชาติ เพื่อบ้านเพื่อเมือง และไม่เคยเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ ทั้งสิ้น ที่สำคัญเขาภูมิใจในความเป็นพันธมิตรฯ
“ตำรวจบางคนซึ่งเป็นน้องๆ ผมหลายคน เวลาคนเขาถาม เขาบอกว่าผมเป็นตำรวจพันธมิตรฯ ผมอยู่ข้างพันธมิตรฯ เขาพูดจาชัดเจน แล้วเวลาเขาถูกย้ายไปประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เขาก็ไม่เคยแคร์ พอวันนี้พอเปลี่ยนรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลตำรวจ กลับไปบอกเขาว่ายังไงรู้มั้ย บอกให้ห่างๆ นายสนธิ เอาไว้หน่อยเดี๋ยวคนจะจับตามอง น้องผมชื่อ พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอัมพันธุ์กุล เขาเฉยๆ เขาก็บอกว่าผมเป็นของผมอย่างนี้ ผมเป็นตำรวจพันธมิตรฯ ผมเป็นน้องของพี่สนธิ ทำไมผมต้องห่างพี่สนธิ จะให้ตำแหน่งก็ให้ไม่ให้ก็ไม่เป็นไร”
ซัด “เทพเทือก” ไม่รู้จักบุญคุณคน
นายสนธิ กล่าวอีกว่า พล.ต.ต.ชัยยะ ใช่หรือไม่ที่จับนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตกรรมการพรรคไทยรักไทย ในข้อหาโกงการเลือกตั้ง แล้วทำให้นายสุเทพได้ขึ้นเป็นรองนายกฯ วันนี้ไม่เลื่อนตำแหน่งไม่ให้ เขาก็ไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น แต่อย่ามาพูดว่าให้ห่างๆ นายสนธิ ฉะนั้นวันนี้จึงต้องพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้พี่น้องพันธมิตรฯ ทางใต้ทุกคนรู้ว่า ถ้าคนเราถ้าไม่รู้จักบุญคุณคน แล้วจะมีความหมายอะไรหากมีตำแหน่งใหญ่ตำแหน่งโต ดังนั้นจึงต้องส่งสัญญาณว่า ที่นายสุเทพ พูดออกมาเช่นนี้ แต่เขากลับยอมใกล้กับชิดนายเนวิน ชิดชอบ โดยไม่กลัวว่าพี่น้องชาวใต้จะต่อว่าเอาเลยแม้แต่นิดเดียว
“สนธิ มันสู้ให้ชาติบ้านเมือง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พ่อแม่พี่น้องตายไปแล้ว 8 ศพ 9 ศพ 10 ศพ บาดเจ็บ 700 กว่า พิการอีกเป็นสิบ ถ้าห่างสนธิก็แสดงว่าให้ห่างพันธมิตรฯ ด้วยใช่มั้ย เพราะพันธมิตรฯ คือ นายสนธิ นายพิภพ ธงไชย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข หรือนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ที่สำคัญพันธมิตรฯ หลอมรวมตัวเป็นหนึ่งดวงใจ ไม่มีแยกแยะว่าสุราษฎร์ฯ ภูเก็ต สมุย รวมทั้งไม่เคยแยกแยะว่าเชียงใหม่ อีสาน อุดรฯ พล.ต.ต.ชัยยะ เป็นตำรวจที่เขาทำงานในหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เขาไม่กลัวอำนาจอิทธิพลใดๆ ทั้งสิ้น จนกระทั่งเขาและทีมงานเขาจัดการกับนายยงยุทธ ฉะนั้นผมจึงไม่อยากจะพูด กกต.ซึ่งไปแจ้งความที่ สน.วังทองหลาง หลังจากที่นายยงยุทธ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งให้ใบแดง ตามกฎหมายคือ เมื่อพิสูจน์ว่าทำผิดกฎหมายก็โดนใบแดง ดังนั้น กกต.ต้องไปแจ้งความให้เป็นคดีอาญา” นายสนธิ ระบุ
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ กกต.ต้องไปแจ้งความที่ สน.วังทองหลาง เพราะเหตุเกิดที่โรงแรม เอส.ซี.ปาร์ค แล้วรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ตำรวจที่ สน.ซึ่งทำคดี และพร้อมจะสั่งฟ้อง แต่กลับมีรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติชั่วๆ คนหนึ่ง เข้าไปแทรกแซงการสอบสวนของตำรวจ สน.วังทองหลาง เนื่องจากต้องการช่วยนายยงยุทธ โดยไปเบี่ยงเบนประเด็นที่ตำรวจจะต้องสอบสวน ฉะนั้นวันนี้สงครามของเราจึงยังไม่จบ แต่ขอให้ศรัทธา และรักนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เหมือนเดิม เพราะนายอภิสิทธิ์ เป็นคนดีมาก
แฉดึง “ศรีสุข” คัมแบ็กหวังช่วย “คิงเพาเวอร์”
“แต่อีกไม่เกิน 3-4 เดือนนี้ นายอภิสิทธิ์ ต้องตัดสินใจแล้วว่า เขาจะยอมปล่อยให้โจรมาร่วมหลับนอนกับเขาบนเตียงเดียวกัน แล้วมาลักหลับคุณงามความดีของเขาหรือไม่ ผมเชื่อว่ากลางคืนเขานอนไม่หลับ เพราะเขารู้ว่ากระทรวงคมนาคม เอานายศรีสุข จันทรางศุ กลับมานั่งอีกครั้งหนึ่ง เพื่อลบล้างความผิดของตัวเอง โดยสิ่งที่นายศรีสุข ทำก็คือ สั่งให้ย้ายดอนเมืองกลับไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อ 1.ช่วยบริษัทคิงเพาเวอร์ เพราะสัญญาของคิงเพาเวอร์ที่ให้เซ้งที่ต่อไป ประชาชนที่ไปเซ้งที่คิงเพาเวอร์ ระบุว่า ปีนึงต้องมีผู้โดยสารกี่สิบล้านคน แต่การที่เขาแยกดอนเมืองกลับมา ทำให้ผู้โดยสารไม่ถึงเป้า ก็เลยต้องย้ายกลับไป”แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า 2.เพื่อให้สนามบินสุวรรณภูมิ แน่น จะได้หาเหตุสร้างรันเวย์ที่ 3 โดยใช้งบประมาณ 75,000 ล้าน ซึ่งเป็นฝีมือของนายศรีสุข โดยก่อนหน้านี้ นายศรีสุข สั่งย้ายการบินในประเทศจากสนามบินสุวรรณภูมิไปสนามบินดอนเมือง โดยระบุสาเหตุว่าเพื่อลดความแออัด แต่ตอนหลังสั่งย้ายกลับไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ อีกครั้ง ถามว่าแล้วที่สนามบินสุวรรณภูมิ หายแออัดแล้วหรืออย่างไร เห็นหรือไม่ว่านายศรีสุข โกหกหน้าด้านๆ
“ผมไม่รู้ว่า นายโชคชัยใช้สติปัญญาแบบไหนถึงไปบอกว่าพร้อม คุณเป็นผู้บริหารการบินไทยระดับไหน เพราะยังมีรันเวย์บางส่วนซ่อมตั้งแต่วันที่ผมเปิดโปง จนวันนี้ยังซ่อมไม่เสร็จ เมื่อซ่อมไม่เสร็จแล้ว พื้นที่ที่เครื่องบินจะลงมันก็น้อยลง ทำให้เครื่องบินโดเมสติกเริ่มบินวน ส่งผลให้เครื่องบินลงช้า แล้วแบบนี้แออัดหรือไม่ ฉะนั้นเหตุผลที่เขาจะย้ายกลับไปที่สุวรรณภูมิ มีอยู่อย่างเดียวเท่านั้น คือ 1.เพื่อสร้างความแออัดให้คนมันบ้ากัน แล้วก็จะหาเหตุสร้างรันเวย์ที่ 3 เพื่อโกงกินกัน”นายสนธิ ระบุ
ปูดซ้ำ “รมต.-บอร์ดการท่าฯ” รุมกินโต๊ะรันเวย์ร้าว
นายสนธิ กล่าวอีกว่า ผู้รับเหมาก่อสร้างอิตัล-ไทย ทำรันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิ แล้วเกิดรอยร้าว ซึ่งต้องซ่อมแซม แต่ผู้บริหารการท่าฯ ตลอดจนกรรมการการท่าฯ รวมทั้งรัฐมนตรี กลับปิดตาข้างหนึ่ง โดยไม่ยอมให้บริษัท อิตัล-ไทย รับผิดชอบ เหมือนกับเวลาซื้อของต้องมีช่วงเวลาค้ำประกัน แต่ปรากฏว่าเขารอให้เวลาค้ำประกันเลยไป บริษัทจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบในการซ่อม แล้วเขาค่อยตั้งงบประมาณซ่อมขึ้นมา เห็นหรือยังว่ามีการกินกันตลอดเวลา และนี่คือคนที่นอนข้างๆ นายอภิสิทธิ์ ซึ่งก็คือฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาล
“นายสุเทพไม่กล้าฟันธง เพราะไปติด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งการสลับขั้วครั้งนี้เบื้องหลังมีอยู่นิดเดียว คือ ทหารไปบอกพวกพรรคร่วมรัฐบาลว่าต้องมาอยู่ฝั่งนี้ ถ้าไม่อยู่ฝั่งนี้มีเรื่อง เพื่อให้ พล.อ.อนุพงษ์ เป็น ผบ.ทบ.ต่อไปได้ และเพื่อให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น รมว.กลาโหม อีกทั้งยังมีโอกาสก้าวขึ้นสู่การเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยในอนาคต เพื่อเป็นนายกฯ งวดหน้า และเพื่อปกป้อง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้ เขาไม่ได้คิดถึงชาติบ้านเมือง ผมถึงบอกว่าเรื่องราวพวกนี้พวกเราต้องระวัง อย่าไปตกหลุมพรางของเขา” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว
แกนนำพันธมิตรฯ ยังกล่าวถึงกฎหมายปรองดองแห่งชาติ ที่ฝ่ายค้านเสนอเข้ามาว่า พวกเราพันธมิตรฯ บอกว่าไม่ยอมแน่นอน แต่เรายังไม่เป่านกหวีด ฉะนั้นอย่าไปหลงกล ถ้ามีการแก้กฎหมายนิรโทษกรรม แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ รวมทั้งระบอบทักษิณ กลับเข้ามา แล้วให้เขาเจอด้วยตัวเอง ฉะนั้นเราต้องให้สะเด็ดน้ำเสียก่อนโดยเหลือเพียงเจ้าเดียว แล้วเราค่อยสู้กับเขาเพราะพันธมิตรฯ ไม่เคยกลัว ที่สำคัญงบประมาณกำลังขาด แน่จริงปีนี้กองทัพบกอย่าซื้ออาวุธ แล้วคืนงบประมาณ 20,000 ล้านบาท กลับมา แต่เขาคงคืนเงินไม่ได้ เพราะค่าคอมมิชชั่นมันสูง ฉะนั้นอย่าตกหลุมพรางเป็นอันขาดนะ อย่าบ้าดีเดือดมุทะลุ เพราะเราต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน
เตือน “พันธมิตรฯ” อย่าอ่อนไหว-ร่วมใจต้านทุนสามานย์
“วันนี้เรามีกลุ่มคนที่เห็นความสำเร็จของการต่อสู้ของเรา ถึงแม้ไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ ก็เริ่มมีกระบวนการหลายกระบวนการ อย่างเช่น เราจัดงานที่ จ.พิษณุโลก เริ่มมีเสียงออกมาแล้วว่า มีการป่วนเพื่อบ่อนทำลายการจัดงาน ASTV โดยวิทยุชุมชนบางแห่ง แกนนำบางคน ต้องการสร้างมวลชนแข่งขัน จึงบอกว่าอย่าไปเลยงานของ ASTV เพราะ ASTV มีเงินเยอะแล้ว อย่าไปซื้อบัตร แถมยังพูดต่ออีกว่า บัตรนี้บัตรปลอมเข้าไม่ได้ บ่อนทำลายทุกประการ ฉะนั้นพี่น้องพันธมิตรฯ ต้องหนักแน่น อย่าหวั่นไหว พวกเราร่วมมือกันสู้ บางคนอยู่แถวๆ โคราช เที่ยวไปพูดว่า ไปช่วยทำไม ASTV เพราะนายสนธิ ไม่เห็นทำอะไรเลย แค่ยืนบนเวที ฉะนั้นเราต้องรวมพลัง รวมจิตรวมวิญญาณ เพื่อร่วมกันต่อสู้”
“หมด พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว เรายังต้องสู้ต่อ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผลพวงของทุนสามานย์ที่มันเกิดขึ้น แล้วรู้หรือไม่ว่าทุนสามานย์ทุกวันนี้ เมื่อถึงที่สุดแล้ว อีก 2-3 ปีข้างหน้า ภูมิภาคนี้มันเจ๊งหมด ถ้าเราไม่มีการเมืองใหม่ โดยชูความโปร่งใส ชูเศรษฐกิจพอเพียง เราก็ต้องเจ๊งไปตามมัน แต่ถ้าเรามีการเมืองใหม่ ถ้าเราสามารถจะชูเศรษฐกิจพอเพียงได้ ประเทศไทยก็จะเป็นประเทศเดียวที่รอดตาย ขอให้เชื่อผม พี่น้อง ขอให้เชื่อว่านี่คือการทำนายของพ่อหมออีกครั้งหนึ่ง เพราะมันต้องเจ๊งหมดภูมิภาคนี้ ผมฟันธงได้เลยว่า อีกไม่เกิน 3 ปี สิงคโปร์ก็เจ๊ง เพราะวันนี้มันเริ่มเจ๊งแล้ว” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว
นายสนธิ กล่าวอีกว่า ทุกประเทศต้องพึ่งการส่งออก เราก็พึ่งการส่งออกให้ไอ้ประเทศที่กำลังเจ๊งอยู่ทุกวันนี้ เพราะเขาเอาของเราไป แล้วไปทำเจ๊งแล้วเราก็บอกว่า เราเน้นการลงทุน แต่ไม่ต้องเน้นการลงทุนจากต่างชาติ ฉะนั้นเราลงทุนกันเองในประเทศไทย โดยซื้อขายกันเอง แล้วสร้างชุมชนกันขึ้นมาให้เยอะๆ โดยเราสร้างอุตสาหกรรมชุมชน เหมือนครอบครัวพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดี ที่สำคัญหากเรารักกัน เราจะไปจังหวัดไหน เราก็ไปใช้บริการพันธมิตรฯ เพราะเรามีหนังสือคู่มือว่าพันธมิตรฯ คนไหนขายอะไรบ้าง เราจะซื้อของ เราก็เปิดดูว่าพันธมิตรฯ ของเรา ใครขายอะไร แล้วเราก็ซื้อกับเขา นี่คือตัวอย่างง่ายๆ
“สนธิ” แย้มข่าวดี ลุยจัด “สวัสดีตอนเช้า” ทุกวัน
“หมดเวลาที่จะมาทนกลิ่นเหม็นๆ อีกต่อไปแล้ว บ้านหลังนี้มันต้องทำความสะอาดกันอย่างจริงจัง เพราะฉะนั้นแล้ว มันมีแนวคิด 2 แนวคิด แนวคิดหนึ่ง คือ เราก็ตะโกนโห่ร้องการเมืองใหม่ เราก็โห่ร้องไป 100 ปี แต่หากไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราก็มีอีกวิธีหนึ่ง คือ ถ้าเราจำเป็นต้องทำเป็นตัวอย่างให้คนอื่นเขาเห็นว่าการเมืองใหม่คืออะไร เราก็พร้อมจะทำเพื่อให้เกิดการเปรียบเทียบ พอทำขึ้นมาโดยมีคนเสียสละ ไม่รับตำแหน่ง ไม่รับเงินเดือน หรือไม่มีตำแหน่ง ดังนั้นขอให้เชื่อในพลานุภาพของพวกเราพันธมิตรฯ ที่มีอยู่อย่างมหาศาล” นายสนธิ ระบุ
นายสนธิ ยังกล่าวถึงรายการของ ASTV ว่า ขณะนี้มีข่าวดีๆ ให้ 2 ข่าว โดยข่าวดีชิ้นแรก คือ เราเริ่มรายการ “ทวงสิทธิ์ลูกหนี้ไทย” ทุกๆ วัน วันละครึ่งชั่วโมง ยกตัวอย่าง คือ ประเทศไทยมีลูกหนี้อยู่ประมาณ 12 ล้านครอบครัว ซึ่งครอบครัวหนึ่งมีประมาณ 4 คน โดย 48 ล้านคน เป็นลูกหนี้ รู้ไหมว่าสัญญาทุกประเภทที่ทำกัน ไม่ว่าจะสัญญากู้เงินแบงก์ซื้อบ้าน สัญญาซื้อรถยนต์ สัญญาผ่อนส่ง เป็นสัญญาที่รังแกประชาชนทั้งหมด อีกเรื่องหนึ่ง ที่เป็นข่าวดี คือ เร็วๆ นี้ ทุกเช้าเวลา 06.00-07.00 น. ตนจะจัดรายการสดชื่อ “สวัสดีตอนเช้า” ทางเอเอสทีวี
นายสนธิ ยังกล่าวถึงพิธีสืบต่อชะตาว่า พิธีสืบต่อชะตานั้น ถือเป็นปัญญาอีกด้านหนึ่งซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยพระพุทธเจ้าทรงประชวร พระองค์ท่านก็เลยบอกสาวกให้สวดคาถาโภชฌงค์ เมื่อสวดคาถาโภชฌงค์เสร็จแล้ว พระพุทธเจ้าก็หาย ก็เลยเป็นที่ยอมรับกันว่าคาถาโภชฌงค์นี้ เป็นคาถารักษาโรคภัยไข้เจ็บ ต่อจากนั้นแล้วพระภิกษุสงฆ์องค์ใดอาพาธ ก็จะมีการสวดโภชฌงค์ เหมือนกับทุกวันนี้ทุกๆ เช้า ตนจะสวดคาถาเมตตาปริตร คือ คาถาแผ่เมตตาใหญ่ของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธเจ้าสอนให้สวด ฉะนั้นคนที่เป็นชาวพุทธขอให้สละเวลาเพียงน้อยนิด เพื่อสวดให้ศัตรู ให้เจ้ากรรมนายเวรเรา แล้วเราอโหสิกรรมให้เขา เขาทำอะไรกับเรา ไม่ว่าด้วยกาย วาจา ใจ เราอโหสิกรรมให้เขา อย่าไปเคียดแค้นเขา แล้วผลจะกลับมาหาเรา เขาทำมาหาเรามากเท่าไร เขายิ่งได้รับผลสะท้อนกลับไปมากเท่านั้น
ลากไส้ “นช.แม้ว-ลิ่วล้อ” รุมจาบจ้วง “สถาบัน”
“จริงๆ แล้ว พิธีสืบชะตาโภชฌงค์ ก็คือ ทำให้ตัวเราปลอดภัย และอายุยืน แต่พอมาตอนหลัง ทางเหนือเขามีพิธีกรรมที่มาจากพม่า หลุดมาจากหลายๆ ฝั่งของเขมร ก็เลยกลายเป็นพิธีกรรมไสยศาสตร์สาปแช่ง แทนที่จะเป็นพิธีกรรมสืบชะตา ฉะนั้นจะเห็นได้ชัดคือ เขาสืบชะตาอะไรกัน ทำไมต้องเขียนชื่อคนใส่เข้าไปในบาตรพระ ซึ่งเจ้าเก่าไม่เคยพลาด คือ พล.ต.จำลอง และนายสนธิ แต่ที่มันชั่วช้ากว่านั้นคือ เขาเขียนชื่อบุคคลที่พวกเราทุกคนเคารพรักทั่วประเทศลงไปด้วย” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า เวลาเราพูดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ กับสถาบันกษัตริย์นั้น เขาจงใจวาดพญากือนา ซึ่งก็คือ กษัตริย์เม็งรายณ์ ว่ามีหน้าตาเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 10 เม.ย.48 พ.ต.ท.ทักษิณ นั่งเป็นประธานในพิธีศาสนาในวันพระแก้ว ผ่านไป 1 เดือน พ.ต.ท.ทักษิณ ไปนั่งเป็นประธานประชุม ครม.ที่ปราสาทพนมรุ้ง จากนั้นวันที่ 29 มิ.ย.49 พ.ต.ท.ทักษิณ บรรยายต่อหัวหน้าส่วนราชการ โดยวิพากษ์วิจารณ์ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญ 26 ส.ค.48 พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์เสียงดังฟังชัดว่า โผทหารไม่มีเปลี่ยน เพราะนายกฯ เซ็นแล้ว ใครจะกล้าเปลี่ยน
“จำได้หรือไม่ เมื่อวันที่ 8 มี.ค.49 พ.ต.ท.ทักษิณ ไปพบประชาชนที่เทศบาลเมืองปราจีนฯ แล้วเขาจัดคนมาต้อนรับโดยการโบกธงทรงพระเจริญ จากนั้นอีก 8 วัน พ.ต.ท.ทักษิณ ทักทายกลุ่มผู้สนับสนุนที่เดินทางมาจากภาคเหนือ และภาคอีสาน พร้อมด้วยธงทรงพระเจริญอีกครั้งหนึ่ง ที่สำคัญนายเสถียร จันทิมาธร บรรณาธิการมติชนสุดสัปดาห์ ที่ผมบอกว่าอย่าไปซื้ออ่าน เขาเป็นเพื่อนสนิทของยายจาตุรนต์ ฉายแสง ซึ่งเขาขึ้นหน้าปกหนังสือว่า เมื่อกษัตริย์เนปาลถูกล้มไป มันเขียนว่า Case Study กรณีศึกษา ถามว่าศึกษาพ่อมึงหรือไง ส่วนวันที่ 6 พ.ค.50 นายวีระ มุสิกพงศ์ กล่าวปราศรัยที่สนามหลวง แล้วก็พูดจาจาบจ้วงสถาบัน เลยถูกออกหมายจับในวันที่ 15 ส.ค.” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว
ชี้ “ชัยสิทธิ์” แบไต๋ “แม้ว” มีมิจฉาทิฐิกับ “สถาบัน”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า วันที่ 29 ส.ค.50 นายจักรภพ เพ็ญแข ซึ่งไปพูดที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ โดยดูหมิ่นสถาบันกษัตริย์ จนกระทั่งพวกเราโวยวายมาตลอด ตำรวจถึงได้มาดำเนินคดี มากกว่านั้น คือ วันที่ 10 พ.ย.50 นายจักรภพ ได้ไปไปพูดที่สหรัฐอเมริกา ดูหมิ่นสถาบันกษัตริย์ที่ลอสแองเจลิส พูดจา 3 ช่วง ยังไม่มีใครไปแจ้งความ ตำรวจไม่สนใจอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะฉะนั้นจึงยังมีคดีเหลืออีก 1 คดี วันที่ 22 พ.ค.51 นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ กับภรรยา ไปทำบุญที่ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช แล้วขึ้นไปยังศาลพระเจ้าตากสิน ไปทำพิธี แล้วก็ใช้ปืนยิงสลุต 21 นัด 21 นัดเขายิงเฉพาะกษัตริย์ เห็นหรือไม่
“วันที่ 31 ม.ค.52 นายใจ อึ๊งภากรณ์ พูดบนเวทีเสื้อแดงว่า เป็นเกียรติที่ได้มาร่วมกับคนเสื้อแดง ตอนนี้เป็นระบบอภิสิทธิ์ เพื่ออภิสิทธิ์ชน เราต้องช่วยกันรื้อฟื้นการเมืองภาคประชาชน เพราะการเมืองภาคประชาชนเก่า เน่าเหมือนปลากระป๋อง เพราะไปร่วมกับพันธมิตรฯ มันพูดอย่างนี้ มันพูดว่าพ่อแม่พี่น้องเน่าเหมือนปลากระป๋อง เพราะเรามารวมตัวกัน เราต้องเรียกประชาสังคมให้สู้เพื่อสร้างรัฐสวัสดิการ เก็บภาษีคนรวย ให้คนไทยเป็นพลเมืองที่ศักดิ์ศรี” นายสนธิ กล่าว
นายสนธิ กล่าวอีกว่า วันที่ 9 ก.พ.52 นายใจ ออกแถลงการณ์แดงสยาม ใส่ร้าย ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์พระองค์นี้อย่างรุนแรง ซึ่งเป็นอันตรายอย่างที่สุด แล้วหนีไปประเทศอังกฤษ พวกเสื้อแดงใส่ตีนหมาวิ่งหนีหลบนายใจ หมดทุกคน ฉะนั้นจะเห็นได้ชัดว่า ที่เราพูดมาตลอดเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยเคารพ และแสดงความจงรักภักดีต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มิหนำซ้ำ พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคพวก ยังพยายามทำทุกวิถีทางที่จะจาบจ้วง และทำลายล้างสถาบันกษัตริย์ ที่สำคัญวันที่ 18 ก.พ. พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ซึ่งไปทำพิธีสืบชะตาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พ้นกรรมในอดีต และจะได้ลดทิฐิเกี่ยวกับสถาบัน เห็นหรือไม่ว่าขนาดพี่ชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ยังยืนยันเองว่า ตัวน้องชายมีมิจฉาทิฐิกับสถาบัน