“ว่าที่หัวหน้าเพื่อแผ่นดิน” ยัน ส.ส.ในสังกัด 12 คน ยังรักกันกลมเกลียว ไม่ย้ายหนีไปซบพรรคภูมิใจไทย อย่างที่เป็นข่าว ระบุ ขอฟังผลวินิจฉัย กกต.ก่อนกำหนดท่าที ชี้ ในพรรคมีความเห็นแตกต่างแต่ไม่แตกแยก ย้ำเป็นกลางทางการเมือง พร้อมหนุนรัฐบาลหากทำดี
วันนี้ (18 ก.พ.) ที่อาคารเบญจมาศ แยกพิชัย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน พร้อมด้วย ส.ส.ของกลุ่ม อาทิ นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ส.ส.สัดส่วน ม.ร.ว.กิติวัฒนา (ไชยยันต์) ปกมนตรี ส.ส.สัดส่วน นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ ส.ส.สัดส่วน นายปุระพัฒน์ วิเศษจินดาวัฒนา ส.ส.สัดส่วน นพ.วัลลภ ไทยเหนือ ส.ส.สัดส่วน นพ.แวมาฮาดี แวดาโอะ ส.ส.นราธิวาส ร่วมกันแถลงข่าวปฏิเสธกรณีการเตรียมย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย
พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า มีกระแสข่าวว่า สมาชิกพรรค 12 คน มีแนวโน้มไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น ซึ่งทำให้เกิดความสับสน ยืนยันว่า ทั้ง 12 คน คือ เพื่อแผ่นดิน 9 คน ราษฎร 3 คน ยังอยู่ในกลุ่มเดียวกันอย่างเหนียวแน่น ไม่ได้ย้ายไปไหนเป็นกลุ่มการเมืองที่เหนียว แน่นอยู่ ส่วนกลุ่มอื่นเราไม่ทราบ การทำงานการเมืองก็อาจแตกต่างกันบ้าง แต่สุดท้ายก็เป็นพรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งก็คงจะมีการพูดคุยกัน ส่วนที่ความเห็นทางการเมืองต่างกันได้ แต่ไม่แตกแยก อย่างไรก็ตาม ทั้งกลุ่ม 12 คน ก็ยังอยู่ด้วยกัน ทำงานการเมืองกัน และทางกลุ่มก็ไม่ได้เป็นฝ่ายค้าน และไม่ได้เป็นรัฐบาลเป็นกลุ่มที่เป็นกลางทางการเมือง ทำงาน และตัดสินใจร่วมกัน ถ้ารัฐบาลทำดีก็พร้อมที่จะสนับสนุน บางครั้งเปิดประชุมสภาไม่ได้ กลุ่มเราก็เข้าไปลงชื่อเสียบบัตร เพื่อเปิดสภาได้ แม้กระทั่งการพิจารณางบประมาณเราก็ไปลงคะแนนในวาระ 3 เพื่อให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ผ่านความเห็นชอบจากสภา เพื่อรัฐบาลจะได้นำไปใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งนี้ เพื่อแก้ปัญหาของบ้านเมือง
“กลุ่มเรายืนยันอุดมการณ์หนักแน่น พร้อมสนับสนุนสิ่งที่ดีที่งามที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน แต่อาจมีสิ่งที่ไม่เห็นด้วย ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเราก็คัดค้านและตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มผมก็น้อยใจในเรื่องที่ทำงานที่มีข่าวออกไป ความจริงแล้วเราทำงานที่อาคารเบญจมาศ แต่ไม่ได้ประชาสัมพันธ์ รวมถึงปัญหาหัวหน้าพรรคที่ กกต.ยังไม่ได้วินิจฉัย ซึ่งผมก็ได้ไปให้ถ้อยคำกับ กกต.แล้ว ซึ่งอนุกรรมการกำลังรวบรวมข้อมูลก่อนส่งให้ กกต.ชุดใหญ่พิจารณา” พล.ต.อ.ประชา กล่าว
เมื่อถามว่า อนาคตทางกลุ่มเตรียมส่งตัวแทนไปเป็นฝ่ายบริหารด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ไกลไปนิด แต่คนทำงานการเมืองไม่มีใครอยากเป็นฝ่ายค้านตลอดไป และขอยืนยันว่าพวกตนยึดถือความจงรักภักดีต่อสถาบันเป็นหลัก
นายสมเกียรติ กล่าวว่า มีข่าวว่า ตนไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย ขอยืนยันว่า คนให้ข่าวอย่ามาเอาชื่อตนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ตนจะตัดสินใจทำอะไร กล้าที่จะพูดที่จะทำด้วยตัวเอง มีเหตุผลที่จะตัดสินใจทางการเมือง ขณะนี้กำลังรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วินิจฉัยการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคของ พล.ต.อ.ประชา เป็นอย่างไร เพื่อให้กติกาอยู่ในกรอบ และก็ไม่ได้ทำอะไรให้ใครหนักใจ แม้แต่ ส.ส.ในพรรคเราก็ให้กำลังใจในการทำงาน หรือทำอะไรที่เป็นอุปสรรคในการทำงาน ขอยืนยันอีกครั้งว่า การทำงานของกลุ่มเราอะไรที่ดีก็สนับสนุน อะไรที่ไม่ดีเราก็ค้าน ดังนั้น ตนไม่ไปอยู่พรรครวมใจไทย ขออยู่กับเพื่อน ทำงานการเมืองไป แม้อยู่ 12 คนก็อยู่ด้วยความอบอุ่น
ส่วนกระแสข่าวการแยกตัวออกเป็นกลุ่มก๊กต่างๆ ภายในพรรค เพราะติดขัดในเรื่องของค่าใช้จ่ายฝืดเคืองนั้น นายสมเกียรติ กล่าวว่า เชื่อว่า ส.ส.ทุกคนมีความเป็นตัวของตัวเอง การรวมตัวของ ส.ส.ในครั้งนี้ เพราะเรามีความศรัทธา พล.ต.อ.ประชา ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ใหญ่ ไม่ได้มาเพราะค่าใช้จ่ายตามที่กล่าวหา ยืนยันว่า ความแตกแยกของพรรค เป็นเพียงความเห็นที่แตกต่างกันเท่านั้น ซึ่งสามารถคิด หรือทำอะไรก็ตาม เพราะถือเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ
นายสุรเดช กล่าวว่า การที่เรามารวมกลุ่มกันมีความเป็นอิสระสูง มองเห็นความถูกต้อง เหตุผล จะทำงานตามรัฐธรรมนูญฉบับ 50 มาตรา 162 พรรคเพื่อแผ่นดินไม่ได้มีความแตกแยก แต่ความคิดแตกต่างย่อมมี ส.ส.มีพวกเพื่อน มาจากต่างพรรค เข้าใจว่า ข่าวที่ออกไปเป็นความคิดเห็นของ ส.ส.บางคนเท่านั้นโดยพูดถึงอนาคต แต่ปัจจุบันเป็นยัง ส.ส.เพื่อแผ่นดิน อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนจะไปสังกัดพรรคใดก็เป็นเอกสิทธิ์ ส่วนที่แบ่งเป็นกลุ่มเป็นเรื่องของความคิดที่แตกต่างกัน ขณะนี้กำลังรอการวินิจฉัยของกกต.เรื่องหัวหน้าพรรค
นายสุรเดช กล่าวว่า ขณะนี้เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่ในการทำงานของกลุ่มก็เป็นอิสระ ถ้ารัฐบาลทำถูกทางเราก็สนับสนุน เราไม่ใช่ฝ่ายค้าน ดังนั้นเราก็ทำตามนโยบายและมติของพรรคในระดับหนึ่ง แต่หากว่าเราเห็นว่าเรื่องอะไรของรัฐบาลไม่ถูกต้องเราก็ไม่สนับสนุน ดูอย่างบประมาณกลางปีหากไม่ได้พวกตนก็คงไม่ผ่าน
เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับข้อกล่าวหาเรื่องความจงรักภักดีกันอยู่ขณะนี้ นายสุรเดช กล่าวว่า ตนเชื่อว่าไม่มีใครในประเทศนี้ที่ไม่มีความจงรักภักดีแน่ หากมีก็คงไม่ใช่คนไทย
ม.ร.ว.กิตติวัฒนา กล่าวว่า กลุ่มเราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอบอุ่น พล.อ.ประชา ก็ให้เกียรติพวกเรา ไม่ว่าจะดำเนินการทางการเมืองไปทิศทางใดก็จะมาหารือกับกลุ่มก่อน ดังนั้น ก็ภูมิใจอยู่กับพล.อ.ประชา ยืนยันจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ทำงานด้วยอุดมการณ์ ไม่ใช่ธุรกิจการเมือง ยอมรับว่า ที่ผ่านมา นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย มาติดต่อ ทาบทามตนเพื่อไปอยู่ด้วยจริง แต่ตนได้ตอบปฏิเสธไป เพราะขณะนี้พรรคยังไม่ถูกยุบ รวมถึงติดขัดในส่วนของข้อกฏหมาย แต่ในอนาคตจะเป็นอย่างไร ตนขอทำงานกับ พล.ต.อ.ประชา ให้เต็มที่ก่อน