นายจุมพฏ บุญใหญ่ ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ได้เสนอญัตติด่วน ด้วยวาจากลางที่ประชุมสภาผู้แทนราษฏร ว่ามีรัฐมนตรี 3คน ลงคะแนนในมติพิจารณา ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2552 คือนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม และนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม ถือว่ามีความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 177 ที่ว่าจะลงมติใดๆ ที่ตัวเองมีส่วนได้ส่วนเสียไม่ได้ จึงขอเสนอญัตติเป็นเรื่องด่วน เพื่อให้ที่ประชุมร่วมกันพิจารณา
ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวสนับสนุนว่า ส.ส.สามารถเข้าชื่อจำนวนหนึ่งในสี่เพื่อขอให้วุฒิสภาเพื่อถอดถอนรัฐมนตรีทั้ง 3 คน ออกจากตำแหน่ง ซึ่งเรื่องดังกล่าวตนได้พบกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ แล้วว่า ขอทำหน้าที่แต่นายสุเทพบอกว่าสมัยรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ก็คงทำเหมือนกัน ขอให้กลับไปตรวจสอบได้เลยเพราะสมัยรัฐบาล นายสมัคร ถูกสั่งห้ามไม่ให้ลงคะแนน โดยเฉพาะประธานสภาฯ ขณะนั้นนายชัย ชิดชอบ ก็ได้กำชับรัฐมนตรีทุกคนว่าอย่าลงคะแนน แต่ทำไมตอนนี้นายชัยจึงไม่อบรมรัฐมนตรีชุดนี้ หรือว่าเป็นไส้ศึกแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ ขอให้นายสุเทพไปตรวจสอบย้อนหลังได้เลย แต่ตนจะเดินหน้าฆ่าลูกเดียว ซึ่งรัฐธรรมนูญมีปัญหาจะต้องแก้ไขเพราะมาจากเผด็จการ ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติ เป็นผู้รับสนอง เพื่อทำให้การเมืองอ่อนแอ
ผมขอส่งคำสาปแช่งคนเขียนรัฐธรรมนูญว่าจงใจวางกับดักให้บ้านเมืองวิกฤต สับสน การเมืองถึงทางตัน ใครแสดงความโหดร้ายบรรจุตัวอักษรลงในรัฐธรรมนูญ ขอสาปส่งให้ลงนรกต่ำกว่าใต้เทวทัต
ด้านนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธาน วิปรัฐบาล กล่าวแย้งว่าการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาไม่น่าจะทำได้ในที่ประชุมแห่งนี้ แต่เท่าที่ตรวจสอบในสมัยรัฐบาล นายสมัคร ก็มีรัฐมนตรีหลายคนที่เป็น ส.ส. ได้ลงมติในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 เหมือนกัน เช่น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายธีรชัย แสนแก้ว พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นต้น และรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ได้กำหนดให้รัฐมนตรี สามารถทำหน้าที่ ส.ส.ในขณะเดียวกันได้ ดังนั้นตนคิดว่ารัฐมนตรีก็สามารถลงมติ ในสถานะส.ส.ได้เช่นกัน และอยากให้มองอย่างใจกว้างแต่หากสงสัยว่ารัฐมนตรี ทำหน้าที่ส่อว่าขัดรัฐธรรมนูญ ก็สามารถเข้าสู่กระบวนการถอดถอนตามรัฐธรรมนูญหรือส่งให้ตีความได้
ด้านนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ชี้แจง ว่า พ.ร.บ.งบประมาณรฯ ครั้งนี้ก็ไม่มีงบของกระทรวงยุติธรรมเลย ดังนั้นตนจึงไม่มีส่วนได้เสียโดยตรง ในการมติครั้งนี้เลย
ขณะนี้ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม กล่าวว่าการเสนอของฝ่ายค้านยังไม่ได้รับเป็นญัตติด่วน และสภาฯ ไม่มีหน้าที่ในการพิจารณาในเรื่องนี้ แต่ตนได้ดำเนินการตามข้อบังคับการประชุมข้อที่ 46 (7) เปิดให้สมาชิกหารือเพราะต้องการให้ทุกฝ่ายได้แสดงความคิดเห็น เพื่อหาบรรทัดฐานในเรื่องนี้ เพราะเท่าที่ดูตนคิดการห้ามรัฐมนตรีลงมติ ในมาตรา177 น่าจะเป็นกรณีของญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจมากกว่า แต่เรื่องนี้ ไม่ใช่อำนาจของสภา แต่เป็นเรื่องขององค์กรตามรัฐธรรมนูญหากฝ่ายค้านต้องการ ให้เรื่องนี้มีความชัดเจนและเป็นบรรทัดฐานต่อไปก็ควรจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หรือยื่นถอดถอนเรื่องต่างๆ จะได้ยุติ
นายศรีราชา เจริญพานิช อดีตคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 2551 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐมนตรีลงมตเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ อาจเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 177 ว่า ทั้งหมดอยู่ที่การตีความของสมาชิกวุฒิสภา ที่มีหน้าที่ในการพิจารณา หากตีความเข้าข่ายกระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญ ก็สามารถถอดถอนรัฐมนตรีได้ทันที แต่หากไม่สามารถตีความสรุปได้ ก็ต้องส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย อย่างไรก็ตาม เจตนาของผู้ออกกฎหมายนั้นก็เพื่อไม่ต้องการให้สมาชิกสภาผู้แทนฯที่เป็นฝ่ายบริหารร่วมลงคะแนนที่เป็นประโยชน์หรือมีส่วนได้ส่วนเสีย
วัฒนธรรมของนักการเมืองที่มีมาในอดีต ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครโหวตลงคะแนนเพราะเป็นการตัดปัญหาในข้อกฎหมายว่าจะเข้าข่ายขัดมาตรา 177 เนื่องจาก มีโทษถึงขั้นถอดถอนจากตำแหน่ง และไม่ทราบว่าใครจะตีรวน อีกทั้งการไม่ลงคะแนนนั้นยังเป็นการปกป้องตัวเองไม่ให้เสี่ยงกับปัญหาที่จะตามมาด้วย แต่ถ้าใครเผลอลงคะแนนอาจทำให้อีกฝ่ายนำข้อกฎหมายมาเล่นงานได้
นายศรีราชา กล่าวว่า ตนได้ติดตามสถานการณ์ทางการเมืองมาโดย ตลอด พบว่าขณะนี้เหล่านักการเมืองเล่นเกมการเมืองมากเกินไป อภิปรายก็มุ่งหวังแค่จะเอาชนะ หากทุกฝ่ายต่างหวังจะชนะทุกเรื่องการประชุมรัฐสภาก็ถือว่าเสียเวลาเปล่าและยังทำให้การพัฒนาประเทศในด้านต่างๆไม่มีความคืบหน้าอีกด้วย
ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวสนับสนุนว่า ส.ส.สามารถเข้าชื่อจำนวนหนึ่งในสี่เพื่อขอให้วุฒิสภาเพื่อถอดถอนรัฐมนตรีทั้ง 3 คน ออกจากตำแหน่ง ซึ่งเรื่องดังกล่าวตนได้พบกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ แล้วว่า ขอทำหน้าที่แต่นายสุเทพบอกว่าสมัยรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ก็คงทำเหมือนกัน ขอให้กลับไปตรวจสอบได้เลยเพราะสมัยรัฐบาล นายสมัคร ถูกสั่งห้ามไม่ให้ลงคะแนน โดยเฉพาะประธานสภาฯ ขณะนั้นนายชัย ชิดชอบ ก็ได้กำชับรัฐมนตรีทุกคนว่าอย่าลงคะแนน แต่ทำไมตอนนี้นายชัยจึงไม่อบรมรัฐมนตรีชุดนี้ หรือว่าเป็นไส้ศึกแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ ขอให้นายสุเทพไปตรวจสอบย้อนหลังได้เลย แต่ตนจะเดินหน้าฆ่าลูกเดียว ซึ่งรัฐธรรมนูญมีปัญหาจะต้องแก้ไขเพราะมาจากเผด็จการ ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติ เป็นผู้รับสนอง เพื่อทำให้การเมืองอ่อนแอ
ผมขอส่งคำสาปแช่งคนเขียนรัฐธรรมนูญว่าจงใจวางกับดักให้บ้านเมืองวิกฤต สับสน การเมืองถึงทางตัน ใครแสดงความโหดร้ายบรรจุตัวอักษรลงในรัฐธรรมนูญ ขอสาปส่งให้ลงนรกต่ำกว่าใต้เทวทัต
ด้านนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธาน วิปรัฐบาล กล่าวแย้งว่าการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาไม่น่าจะทำได้ในที่ประชุมแห่งนี้ แต่เท่าที่ตรวจสอบในสมัยรัฐบาล นายสมัคร ก็มีรัฐมนตรีหลายคนที่เป็น ส.ส. ได้ลงมติในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 เหมือนกัน เช่น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายธีรชัย แสนแก้ว พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นต้น และรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ได้กำหนดให้รัฐมนตรี สามารถทำหน้าที่ ส.ส.ในขณะเดียวกันได้ ดังนั้นตนคิดว่ารัฐมนตรีก็สามารถลงมติ ในสถานะส.ส.ได้เช่นกัน และอยากให้มองอย่างใจกว้างแต่หากสงสัยว่ารัฐมนตรี ทำหน้าที่ส่อว่าขัดรัฐธรรมนูญ ก็สามารถเข้าสู่กระบวนการถอดถอนตามรัฐธรรมนูญหรือส่งให้ตีความได้
ด้านนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ชี้แจง ว่า พ.ร.บ.งบประมาณรฯ ครั้งนี้ก็ไม่มีงบของกระทรวงยุติธรรมเลย ดังนั้นตนจึงไม่มีส่วนได้เสียโดยตรง ในการมติครั้งนี้เลย
ขณะนี้ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม กล่าวว่าการเสนอของฝ่ายค้านยังไม่ได้รับเป็นญัตติด่วน และสภาฯ ไม่มีหน้าที่ในการพิจารณาในเรื่องนี้ แต่ตนได้ดำเนินการตามข้อบังคับการประชุมข้อที่ 46 (7) เปิดให้สมาชิกหารือเพราะต้องการให้ทุกฝ่ายได้แสดงความคิดเห็น เพื่อหาบรรทัดฐานในเรื่องนี้ เพราะเท่าที่ดูตนคิดการห้ามรัฐมนตรีลงมติ ในมาตรา177 น่าจะเป็นกรณีของญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจมากกว่า แต่เรื่องนี้ ไม่ใช่อำนาจของสภา แต่เป็นเรื่องขององค์กรตามรัฐธรรมนูญหากฝ่ายค้านต้องการ ให้เรื่องนี้มีความชัดเจนและเป็นบรรทัดฐานต่อไปก็ควรจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หรือยื่นถอดถอนเรื่องต่างๆ จะได้ยุติ
นายศรีราชา เจริญพานิช อดีตคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 2551 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐมนตรีลงมตเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ อาจเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 177 ว่า ทั้งหมดอยู่ที่การตีความของสมาชิกวุฒิสภา ที่มีหน้าที่ในการพิจารณา หากตีความเข้าข่ายกระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญ ก็สามารถถอดถอนรัฐมนตรีได้ทันที แต่หากไม่สามารถตีความสรุปได้ ก็ต้องส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย อย่างไรก็ตาม เจตนาของผู้ออกกฎหมายนั้นก็เพื่อไม่ต้องการให้สมาชิกสภาผู้แทนฯที่เป็นฝ่ายบริหารร่วมลงคะแนนที่เป็นประโยชน์หรือมีส่วนได้ส่วนเสีย
วัฒนธรรมของนักการเมืองที่มีมาในอดีต ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครโหวตลงคะแนนเพราะเป็นการตัดปัญหาในข้อกฎหมายว่าจะเข้าข่ายขัดมาตรา 177 เนื่องจาก มีโทษถึงขั้นถอดถอนจากตำแหน่ง และไม่ทราบว่าใครจะตีรวน อีกทั้งการไม่ลงคะแนนนั้นยังเป็นการปกป้องตัวเองไม่ให้เสี่ยงกับปัญหาที่จะตามมาด้วย แต่ถ้าใครเผลอลงคะแนนอาจทำให้อีกฝ่ายนำข้อกฎหมายมาเล่นงานได้
นายศรีราชา กล่าวว่า ตนได้ติดตามสถานการณ์ทางการเมืองมาโดย ตลอด พบว่าขณะนี้เหล่านักการเมืองเล่นเกมการเมืองมากเกินไป อภิปรายก็มุ่งหวังแค่จะเอาชนะ หากทุกฝ่ายต่างหวังจะชนะทุกเรื่องการประชุมรัฐสภาก็ถือว่าเสียเวลาเปล่าและยังทำให้การพัฒนาประเทศในด้านต่างๆไม่มีความคืบหน้าอีกด้วย