เชียงราย – เสื้อเหลืองเฮพันธมิตรฯเตรียมขึ้นเวทีเมืองพ่อขุนฯ เดือนพฤษภาคมนี้ เครือข่ายในพื้นที่รับหนักใจ แต่ต้องดูพฤติกรรมข้าราชการ ยอมให้แสดงความเห็นได้อย่างเสรีหรือไม่ หรือเดินเกมขวางพร้อมกรอกข้อมูลด้านเดียวเข้าหูชาวบ้านเหมือนเผด็จการคอมมิวนิสต์ ขณะที่ “บุ๋ม-เสื้อดง 24 มิถุนาฯ” ขวางการเมืองใหม่
หลังจากนายสนธิ ลิ้มทองกุล 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ประกาศจะเดินทางไปจัดกิจกรรมในภาคอีสานและภาคเหนือตามลำดับในปี 2552 โดยเฉพาะเชียงราย ที่มีกำหนดเปิดเวทีเดือนพฤษภาคม 52 ที่จะถึงนี้ ได้ทำให้กลุ่มคนต่างๆ ในพื้นที่ดังกล่าวมีความคิดเห็นไปต่างๆ นานา ทั้งกลุ่มคนเสื้อเหลืองและเสื้อแดง เนื่องจากก่อนหน้านี้ในพื้นที่ดังกล่าวมักจะถูกยึดครองฐานเสียงโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สังกัดพรรคเพื่อไทยในปัจจุบันมานาน ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มคนเสื้อแดงผูกขาดการเคลื่อนไหวมาโดยตลอด
นายผ้าง พลชัย เจ้าของวิทยุชุมชนห้วยไคร้ ความถี่เอฟเอ็ม 107.5 เมกะเฮิรตซ์ ต.ห้วยไคร้ อ.แม่สาย จ.เชียงราย กล่าวว่า แม้กลุ่ม พธม.จะประกาศเปิดเวทีที่ จ.เชียงราย และภาคเหนือ ก็ต้องยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายโดยตนอยากให้รอดูการเปิดเวทีที่อุดรธานี ให้ผ่านไปเสียก่อนว่า เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะสามารถทำให้บ้านเมืองมีขื่อมีแปได้อย่างแท้จริงหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเหตุการณ์ไม่ได้เป็นปกติ เนื่องจากคนที่ไปชุมนุมกันและแสดงความเห็นต่างกันทางการเมืองอย่างได้เสรีภาพไม่สามารถจะกระทำได้ เพราะจะถูกอีกฝ่ายหนึ่งออกมาโจมตีในรูปแบบต่างๆ เจ้าหน้าที่ของรัฐก็มีส่วนในการทำให้เหตุการณ์ไม่ปกติ เพราะไม่ดำเนินการระงับเหตุเลย
"ถ้าบ้านเมืองเป็นปกติการแสดงความคิดเห็น ในทางสาธารณะสามารถทำได้อยู่แล้ว ใครมีความเห็นอย่างไรก็ทำได้ตามสิทธิเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตยโดยไม่ผิดกฎหมาย แต่สภาพปัจจุบันในพื้นที่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะถ้าเราไปแสดงความคิดเห็นต่างก็จะกลายเป็นศัตรูกันไปเลย ทั้งยังใช้ความรุนแรงอีกต่างหาก" นายผ้างกล่าว และว่า
อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าหากมีการเปิดเวทีที่ จ.เชียงราย ได้จริงก็จะทำให้ประชาชนหูตาสว่างกันมากขึ้น เพราะจะได้รับฟังข้อมูลข่าวสารจากหลายด้าน แม้ฟังแล้วจะไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรเพราะเชื่อว่าประชาชนเป็นผู้มีปัญญา ไม่ใช่ให้ประชาชนถูกป้อนข้อมูลแต่เพียงด้านเดียวเหมือนในปัจจุบัน และหากอีกฝ่ายจะให้ข้อมูลกับประชาชนก็จะถูกปิดกั้น เหมือนดังเช่นการต่อต้านเวที พธม.ในพื้นที่เมื่อปี 2551 หรือการคุกคามวิทยุชุมชนของตนจนทำให้ประชาชนไม่ได้รับรู้ข้อมูลที่หลากหลายแต่เสมือนบังคับให้รับฟังข้อมูลด้านเดียว ซึ่งเป็นลักษณะของพวกเผด็จการหรือคอมมิวนิสต์
ขณะที่ น.ส.จีรนันท์ จันทวงศ์ แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย จ.เชียงราย ซึ่งเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ กล่าวว่าต้องดูก่อนว่ากลุ่ม พธม.จะไปเปิดเวทีที่เชียงราย ด้วยเหตุผลใด หากไปด้วยความพยายามจะรณรงค์การเมืองใหม่ให้มีการเลือกตั้ง และแต่งตั้ง 70:30 ก็คงต้องไปเจอกับกลุ่มคนเสื้อแดงแน่นอน เพราะพวกเราเห็นว่าระบบดังกล่าวไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ถ้ามาด้วยเหตุผลอื่นและไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองใหม่ ตามที่เคยประกาศก็คงไม่เป็นไร เนื่องจากทุกฝ่ายสามารถแสดงความคิดความเห็นได้อย่างเสรีอยู่แล้ว และไม่ใช่ว่ากลุ่ม พธม.จะมีแต่ด้านไม่ดีไปเสียทั้งหมดเช่นเดียวกับคนเสื้อแดงอย่างพวกเราก็ไม่ได้ดีไปเสียทั้งหมด เสมือนเหรียญที่มีสองด้านเพียงแต่ว่าขอให้ไม่เกี่ยวกับการเมืองใหม่ 70:30 และเป็นไปโดยสันติวิธีก็พอ
"เราคงต้องดูกันก่อนว่าเนื้อหาของ พธม.ที่จะเปิดเวทีเป็นอย่างไร ถ้าไม่เป็นภัยต่อระบอบประชาธิปไตยก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าเรารู้ว่าเป็นภัยต่อระบอบประชาธิปไตยคงยอมกันไม่ได้" น.ส.จีรนันท์ กล่าว
รายงานข่าวจากกลุ่ม พธม.เชียงราย แจ้งว่า นอกจากกิจกรรมภายในของพธม.แล้ว พธม.ยังเฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนฝ่ายตรงกันข้ามด้วย โดยพบว่าบรรดาครูอาจารย์ที่เคยออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่ม พธม.อย่างหยาบคาบ นำโดยนายสมศักดิ์ ลือราช ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านด้ายเทพกาญจนาอุปถัมภ์ ต.บ้านด้าย อ.แม่สาย เมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2551 ขณะนี้ไม่มีการทำกิจกรรมภายนอกที่เอิกเกริกและฮึกเหิมเหมือนเดิม
แต่มีหลายคนที่กลับไปปลุกปั่นให้เด็กมีความเข้าใจผิดเรื่องเบื้องสูง ซึ่งมีรายงานเข้าไปยังกลุ่ม พธม.เชียงราย เป็นระยะๆ และกำลังมีการตรวจหาหลักฐานกันอยู่
ขณะเดียวกันพบว่า "คุณนายแมงมัน" ภรรยาข้าราชการระดับสูงคนหนึ่ง และเป็นคนหนึ่งที่ขับเคลื่อนระบอบทักษิณในพื้นที่เชียงราย มีการนัดสภากาแฟกับบรรดากลุ่มคนที่มีความเห็นพ้องกันสัปดาห์ละ 1 ครั้งด้วยแสดงให้เห็นว่าคนในระบอบทักษิณไม่เคยหยุด ทั้งยังอาจเป็นตัวแพร่เอกสาร สื่อ วีซีดี ซีดี ฯลฯ ที่ไม่เหมาะสมในช่วงที่ผ่านมาด้วย ขณะที่บรรดาข้าราชการหลายคนในพื้นที่ก็ยังไม่ถูกย้ายไปไหนเพียงแต่ปฏิบัติการเพื่อหวังโค่นล้มรัฐบาลอย่างลับๆ เท่านั้น