สภาป่วน ฝ่ายค้านจิก “มาร์ค” เซ็นรับรอง พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ ชะงัก ท้วงครบกำหนดมาแล้ว 7 วัน ขณะที่ “ปู่ชัย” ประกาศกลางสภา พร้อมลาออกหากไม่เซ็นวันนี้ ทั้งๆ ที่ส่งเรื่องให้กับมือ “สาทิตย์” ด้าน รมต.ประจำสำนักนายกฯ แจง กม.ดังกล่าว ติดข้อกฎหมายอยู่ 2-3 ประเด็น แต่ยืนยันว่า ไม่กระทบต่อการจ่ายเบื้ยผู้สูงอายุ ส่วน "มาร์ค" ระบุขณะนั้นชัย ยังเป็นรักษาการประธานสภา ดังนั้น การบรรจุวาระดังกล่าวว่าไม่ใช่กฎหมายการเงิน ทางฝ่ายบริหารจึงไม่มีอำนาจโต้แย้งคำวินิจฉัย แต่ยืนยันให้สภาส่งเรื่องกลับให้รัฐบาลรับรองเป็นกม.การเงิน
วันนี้ (18 ก.พ.) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายจุมพฏ บุญใหญ่ ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ได้ขอหารือถึงความคืบหน้าของร่าง พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ หลังจากที่สภามีมติรับหลักการในวาระแรก และให้ความเห็นชอบส่งเรื่องให้นายกรัฐมนตรีรับรองว่า เป็นร่าง พ.ร.บ.การเงินหรือไม่ โดยเนื่องจากขณะนี้ได้เลยเวลาการแปรญัตติมา 7 วันแล้ว แต่ยังไม่ได้รับร่างคืนมาจากรัฐบาล ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการตีความว่าร่างดังกล่าวจะตกไป หรือไม่เช่นนั้นก็อาจเป็นการหลอกคนแก่
ด้าน นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฏร ชี้แจงว่า ถ้าเรื่องนี้ไม่เรียบร้อยตนพร้อมจะลาออก ยืนยันไม่ได้พูดพล่อยๆ ต้องทำตามระเบียบ ถ้าทำไม่ได้จะอยู่ไปทำไม และเรื่องนี้ได้ส่งให้กับมือ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรับปากว่าจะให้นายกรัฐมนตรีรีบพิจารณา
ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ขณะนี้กฎหมายดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา เพราะมีประเด็นข้อกฎหมายที่ต้องพิจารณาอยู่ 2-3 ประเด็น แต่ขอยืนยันว่า แม้การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นี้จะล่าช้าออกไป แต่จะไม่กระทบต่อการจ่ายเบี้ยยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุทั่วประเทศ เพราะรัฐบาลได้ตั้งงบไว้ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2552 และเมื่อคณะกรรมการกฤษฎีกาส่งร่าง พ.ร.บ.นี้กลับมาให้รัฐบาลลงนามรับรอง จะได้ส่งมาที่สภาเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ในช่วงที่เกิดเรื่องตนอยู่ต่างประเทศ แต่สภาพของปัญหาไม่เกี่ยวกับเรื่องของสาระในเรื่องของ พ.ร.บ.เพราะได้ให้นโยบายกับ ครม.หากมี ส.ส.เสนอร่าง พ.ร.บ.เข้ามา หากมีปัญหาหรือข้อสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับการเงินหรือไม่ ทางรัฐบาลก็พร้อมที่ให้การรับรอง เพราะอยากให้ ส.ส.ได้เสนอกฎหมาย แม้ว่าจะไม่มีร่างของรัฐบาลประกอบก็ตาม โดยขณะนี้มีอยู่ 15 ฉบับ และกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา ในส่วนของร่าง พ.ร.บ.ผู้สูงอายุนั้น อยู่ในขั้นตอนเกี่ยวเนื่องรัฐธรรมนูญ 142 ว่า พ.ร.บ.เกี่ยวกับการเงินหรือไม่ ซึ่งคนที่วินิจฉัยได้ คือ ประธานสภา ที่จะต้องวินิจฉัยก่อนบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระ ซึ่งขณะนั้น นายชัย ยังไม่ได้เป็นประธานสภา แต่เป็นรักษาการประธานสภา ดังนั้นการบรรจุวาระดังกล่าวในขณะนั้น แสดงว่า ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวไม่ใช่กฎหมายการเงิน ซึ่งฝ่ายบริหารไม่มีอำนาจไปโต้แย้งตำวินิจฉัยของประธานสภา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ได้รับการยืนยันจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และเห็นว่า เลยขั้นตอนที่จะตอบกลับว่าเป็นกฎหมายการเงิน ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ก็ควรพิจารณาว่าเป็นกฎหมายการเงินถ้าเห็นว่าเป็นกฎหมายการเงินสู่สภา และให้สภาส่งเรื่องให้รัฐบาลรับรองว่าเป็นร่าง พ.ร.บ.การเงิน ซึ่งรัฐบาลก็ไม่ขัดข้องที่จะดำเนินการตามนี้ โดยจะส่งความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้สภาในวันที่ 19 ก.พ.เพื่อสภาดำเนินการพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมไม่มีสมาชิกคนใดขัดแย้ง ขณะที่ นายจุมพฏ กล่าวว่า เรื่องนี้สภาไม่มีสิทธิ์ตัดสิน ฝ่ายค้านจะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
