“กล้านรงค์” เผย คณะทำงานร่วมระหว่างผู้แทนฝ่าย ป.ป.ช.และฝ่าย อสส.รวบรวมพยานหลักฐาน ส่งเรื่องให้ อสส.ฟ้องคดีต่อศาลฎีกาฯ เอาผิด “ทักษิณ” และพวก ทุจริตต่อหน้าที่ คดีสั่งแบงก์กรุงไทยอนุมัติสินเชื่อ ขัดหลักเกณฑ์ สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ
วันนี้ (18 ก.พ.) นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช.ได้แถลงถึงการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เรื่องการพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในเรื่องกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับพวก ว่า ตามที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้ส่งสำนวนการตรวจสอบไต่สวนไปให้อัยการสูงสุด ยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่องกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ และพวก กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น กรณีให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อนุมัติสินเชื่อจำนวนมาก โดยไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ระบบเศรษฐกิจของรัฐ และต่อมา คตส.ได้ส่งมอบสำนวนและเรื่องต่างๆ มาให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฉบับที่ 30 เรื่องการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ลงวันที่ 30 ก.ย.2549
นายกล้านรงค์ กล่าวว่า เรื่องนี้อัยการสูงสุด มีความเห็นว่า ยังมีข้อไม่สมบูรณ์พอที่จะฟ้องคดีและได้มีหนังสือลงวันที่ 15 กรกฏาคม 2551 แจ้งข้อไม่สมบูรณ์มายังคณะกรรมการ ป.ป.ช. พร้อมแต่งตั้งคณะทำงานผู้แทนฝ่ายอัยการสูงสุดมาให้พิจารณา ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาในการประชุมเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2551 มีมติให้ตั้งคณะทำงานผู้แทนฝ่ายคณะกรรมการ ป.ป.ช.โดยมี ศาสตราจารย์ ภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช เป็นหัวหน้าคณะทำงาน เพื่อให้คณะทำงานของทั้งสองฝ่ายร่วมกันพิจารณาพยานหลักฐานที่ไม่สมบูรณ์ และรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์
“บัดนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้รับรายงานว่า คณะทำงานร่วมระหว่างผู้แทนฝ่ายคณะกรรมการ ป.ป.ช.และฝ่ายอัยการสูงสุด ได้ดำเนินการพิจารณาพยานหลักฐานที่ไม่สมบูรณ์ และรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว และได้ส่งเรื่องไปให้อัยการสูงสุดเพื่อฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 มาตรา 11 ต่อไปแล้ว” นายกล้านรงค์ กล่าว