ASTVผู้จัดการรายวัน - ป.ป.ช.ฟัน ทักษิณ และพวก ใช้อำนาจหน้าที่มิชอบสั่ง กรุงไทยฯ ปล่อยกู้ กฤษฏามหานคร บริษัทที่อยู่ในข่าย NPL เตรียมเสนออัยการส่งฟ้องศาลนักการเมืองเร็วๆ นี้ อภิสิทธิ์รับไม่ปลื้มผลสอบ 7 ตุลาเลือด ของกก.ชุด สมชาย แต่งตั้ง ด้าน พันธมิตรฯ ไม่ติดใจรัฐบาลรอผลสอบ ป.ป.ช.ก่อนเล่นงานฝ่ายการเมือง แต่ ขรก.ที่มีเกี่ยวสั่งฆ่าประชาชนต้องจัดการทันที ส่วน วิชา เผย 27 ก.พ. นี้ ป.ป.ช.นัดถกสรุปผลสอบเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ ก่อนชี้มูลความผิดไม่เกิน มี.ค.นี้ เผยผู้อยู่ในข่ายมีทั้ง นายกฯ และคณะรัฐมนตรี รวมทั้งนายตำรวจระดับสูง จึงต้องทำให้รอบคอบ
นายกล้านรงค์ จันทิก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษก ป.ป.ช.แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับข้อกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพวก ตามที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้ส่งสำนวน การตรวจสอบไต่สวนให้อัยการสูงสุด เพื่อยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ และพวก กระทำความผิด ต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา หรือ กระทำความผิด ต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น กรณีให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อนุมัติสินเชื่อจำนวนมากโดยไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ระบบเศรษฐกิจของรัฐ
และต่อมา คตส.ได้ส่งมอบสำนวนและเรื่องต่างๆ มาให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ตามพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประกาศ คปค. ฉบับที่ 30 เรื่องการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ลงวันที่ 30 ก.ย.2549
นายกล้านรงค์ กล่าวว่า หลัง คตส.ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดแล้ว ต่อมาอัยการสูงสุดมีความเห็นว่ายังมีข้อไม่สมบูรณ์พอที่จะฟ้องคดีและได้มีหนังสือลงวันที่ 15 ก.ค. 2551 แจ้งข้อไม่สมบูรณ์มายังคณะกรรมการ ป.ป.ช. พร้อมแต่งตั้งคณะทำงานผู้แทนฝ่ายอัยการสูงสุดมาให้พิจารณา ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ตั้งคณะทำงานผู้แทนฝ่ายคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยมี นายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช เป็นหัวหน้าคณะทำงาน เพื่อให้คณะทำงานของทั้งสองฝ่ายร่วมกันพิจารณาพยานหลักฐานที่ไม่สมบูรณ์ และรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์
บัดนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้รับรายงานว่า คณะทำงานร่วมระหว่างผู้แทน ฝ่าย ป.ป.ช.และฝ่ายอัยการสูงสุด ได้ดำเนินการพิจารณาพยานหลักฐานที่ไม่สมบูรณ์ และรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว และได้ส่งเรื่องไปให้อัยการสูงสุด เพื่อฟ้องคดีต่อศาลฎีกาฯ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2542 มาตรา 11 ต่อไปแล้ว
สำหรับคดีนี้ คตส.ได้ชี้มูลความผิด พ.ต.ท.ทักษิณ และพวก ในคดีปล่อยเงินกู้ของธนาคารกรุงไทย พบข้อเท็จจริงว่า ผู้บริหาร ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้สินเชื่อแก่กลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร ซึ่งมีสถานะอยู่ในกลุ่มลูกหนี้ ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคาร อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 4, 8 และ 11 พ.ร.บ.ธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505 มาตรา 46 นว พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 307, 308, 311, 313 และ 315 พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 มาตรา 85, 91 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152, 157, 352, 353, 354 ประกอบ มาตรา 83, 84 และ 86
ป.ป.ช.แจงฟันแก๊งถ่อยอุดรฯ
นายกล้านรงค์ กล่าวอีกว่า ตามที่ ป.ป.ช.ได้ตั้งอนุกรรมการไต่สวน เพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง เรื่องการกล่าวหา นายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ ผู้ว่าฯอุดรธานี พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผบก.ภ.อุดรธานี กับพวก ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติโดยมิชอบปล่อยให้กลุ่มประชาชนจำนวนมาก (กลุ่มเสื้อแดงรมชมคนรักอุดร) พร้อมอาวุธหลายชนิด บุกเข้าทำร้ายประชาชน (กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย) ที่จัดชุมนุมต่อต้านรัฐบาล บริเวณสวนสาธารณะหนองประจักษ์ จ.อุดรธานี โดยมีนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการ ไต่สวน และนายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการ ป.ป.ช. ร่วมเป็นอนุกรรมการไต่สวนนั้น
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการไต่สวนแล้ว
มีมติว่า การกระทำของนายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ ผู้ว่าฯอุดรธานี นายยุทธนา วิริยะกิตติ ปลัดจังหวัดอุดรธานี พ.ต.อ.ภัทราวุธ เอื้อมศศิธร พ.ต.อ.บุญลือ กอบางยาง รอง ผบก.ภ.อุดรธานี มีมูลเป็นความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง ฐานไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ราชการ และประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ
ส่วน พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผบก.ภ.อุดรธานี มีมูลเป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการ กระทำหรือละเว้นการกระทำใดๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง “
ขวัญชัย-อุทัยเจออาญา
สำหรับนายขวัญชัย สาราคำ หรือนายขวัญชัย ไพรพนา ในฐานะข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฏหมายอาญา ซึ่งจะต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการตามภารกิจ ของฝ่ายการเมืองที่มีต่อประชาชนหรือตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย โดยต้องปฎิบัติตนในกรอบของระเบียบกฎหมาย แต่กลับยุยงส่งเสริม กลุ่มคนรักอุดรให้ใช้กำลังอาวุธบุกเข้าทำร้ายร่างกาย และทำลายทรัพย์สินของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นเหตุให้มีประชาชนได้รับบาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก
การกระทำของนายขวัญชัย จึงมีมูลเป็นความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหาย แก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 157 ส่วนนายอุทัย แสนแก้ว แกนนำกลุ่มชมรมคนรักอุดร อีกผู้หนึ่ง ที่ร่วมในการปลุกระดมยุยงส่งเสริม ให้มีการทำร้ายร่างกายและทำลายทรัพย์สิน มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของนายขวัญชัย ไพรพนา ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86
นายกล้านรงค์ ระบุว่า ให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาโทษทางวินัย นายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ นายยุทธนา พ.ต.อ.ภัทราวุธ พ.ต.อ. บุญลือ และพล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ และไปสำนวนไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้อง นายขวัญชัย และนายอุทัย ต่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 92 และมาตรา 70 แล้วแต่กรณีต่อไป
มาร์คไม่พอใจผลสอบ7ตุลาฯ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาลีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงรายงานผลการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงเหตุการณ์เจ้าหน้าที่สลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551 ของคณะกรรมการอิสระ ที่แต่งตั้งขึ้นมาสมัยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีว่า ปกติไม่มีการเปิดเผยผลการสอบ แต่ตนได้หารือในที่ประชุมครม.เพื่อขอมติโดยได้หารือกับนาย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ว่าสามารถเปิดเผยได้หรือไม่ เนื่องจากต้องเป็นไปตามเกณฑ์ และมีการคุ้มครองพยานด้วย แต่เท่าที่ตนได้อ่านคิดว่าไม่มีประเด็นที่เป็นปัญหาในแง่ การเปิดเผย จึงให้นายสาทิตย์ ไปดู และไม่จำเป็นต้องนำเข้าครม. โดยให้เปิดเผยได้มากที่สุดเท่าที่จะเปิดเผยได้
ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกพอใจกับผลสอบที่ออกมาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พอใจไม่ได้อยู่แล้ว ขนาดคณะกรรมการอิสระฯที่สอบสวน ซึ่งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นผู้แต่งตั้ง และมีนายปรีชา พานิชวงศ์ เป็นประธานยังระบุว่าไม่รู้สึกพอใจ แต่ต้องหยุดทำงานเพราะไม่ได้รับความร่วมมือ
ต่อข้อถามว่าผลสอบมีความสมบูรณ์ในตัวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความสมบูรณ์ในตัวไม่มีอยู่แล้วเพราะทางคณะกรรมการอิสระฯ ทำรายงานขึ้นมาระบุว่า ทำต่อไม่ได้ ไม่ได้รับความร่วมมือ แต่สิ่งที่สามารถสรุปมาได้ในบางเรื่อง เช่น การสลายมวลชนต้องมีการปรับปรุงกระบวนการ แต่ใครผิดใครถูกมันมีความคืบหน้า น้อยมา แต่คงไม่ต้องสอบใหม่ เพราะ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งขาติ ตั้งคณะกรรมการสอบอีกหนึ่งชุด สรุปสถานการณ์เบื้องต้น แล้วส่งสำนวนไปให ป.ป.ช.แล้ว
ที่จะสอบได้ละเอียดที่สุด ชี้ผิดถูกที่สุดคือ ป.ป.ช. ระยะเวลาในการเปิดเผย ข้อมูลนั้นจะทำให้เร็วที่สุด ผมจะบังคับให้รัฐมนตรีสาทิตย์ อ่านเอกสารคืนนี้เลยก็ได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าว
พันธมิตรฯจี้รัฐเอาผิดขรก.เอี่ยว7ตุลาฯ
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ผลสอบการใช้กำลังปราบปรามประชาชนวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ที่แต่งตั้ง โดยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ โดยสรุปผลสอบต่อ ครม.อ้างว่า ผลสอบไม่สามารถเอาผิดใครได้และรัฐมนตรีไม่อนุมัติให้มีการเปิดเผยผลสอบนั้น ทางพันธมิตรฯไม่ได้ให้ความสำคัญกับคณะกรรมการสอบสวนชุดดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะแม้จะมีผู้ทรงคุณวุฒิน่าเชื่อถือบางท่านมาร่วมเป็นกรรมการก็ตาม แต่เนื่องจากตั้งตั้งโดยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯรัฐมนตรี ในขณะนั้น ซึ่งตกเป็น ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนออกคำสั่งในที่ประชุม ครม. ให้มีการสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ ในเช้าตรู่ 7 ตุลาคม คณะกรรมการชุดดังกล่าวจึงมีส่วนได้เสียหรือมีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ซับซ้อนมาตั้งแต่ต้น
นายสุริยะใส กล่าวว่าผลสอบของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาตินั้นในส่วนของข้าราชการประจำทางรัฐบาลสามารถเอาผิดได้เลย แต่ทำไมรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ยังคงนิ่งเฉยไม่ดำเนินการอะไรเลย ขณะที่ในส่วนของ 6 รัฐมนตรี ที่ติดร่างแหในคดีดังกล่าว ที่ประกอบด้วย นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รมว.มหาดไทย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ ร.ต.(หญิง)ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.ไอซีที นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม และนายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน ตนเข้าใจว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คงต้องการรอผลสรุป ที่แน่นอน จาก ป.ป.ช.ก่อน ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่พอจะรับได้
ผมว่าในส่วนของ ข้าราชการประจำ รัฐบาลสามารถเอาผิดได้เลย เพราะทางคณะกรรมการสิทธฯ ก็ได้สรุปผลออกมาเรียบร้อยว่ามีรายชื่อใครบ้าง แต่ทำไมยังรออยู่ หากเป็นเช่นนี้ทางพรรคประชาธิปัตย์ (ก็คงต้องออกมาชี้แจงว่าทำไมยังช้าอยู่ ต้องออกมาเปิดเผยต่อประชาชน ในส่วนของรัฐมนตรีทั้ง 6 คน ที่ทางรัฐบาลยังไม่ออกมาเปิดเผยรายชื่อว่ามีใคร ผิดบ้างผมคาดว่า นายกฯคงอยากให้ทาง ป.ป.ช. สรุปผลให้แน่นอนมากกว่า แล้วค่อยเปิดเผย ตรงนี้ก็เป็นเหตุผลที่ฟังขึ้น
ป.ป.ช.ยัน23 ก.พ.สรุป7ตุลาเลือด
นายวิชา มหาคุณ กรรมการค ป.ป.ช.ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวน เหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 เปิดเผยผ่านรายการ สภาท่าพระอาทิตย์ ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เอเอสทีวี ว่า ในวันจันทร์ที่ 23 ก.พ.นี้ ป.ป.ช.จะประชุม เพื่อสรุปชี้มูลความผิดผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสลายชุมนุมหน้ารัฐสภา หน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)ในวันที่ 7 ต.ค.2551 ว่าจะมีผู้เกี่ยวข้องระดับใด ที่มีความผิดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งคาดว่า ภายในเดือน มี.ค.นี้จะสามารถ เปิดเผยรายชื่อและส่งอัยการเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องได้
ข้อมูลที่ ป.ป.ช.ได้รับจากคณะกรรมการสิทธิฯ ที่ชี้มูลว่ามีข้าราชการการเมือง ตำรวจ เกี่ยวข้องหลายระดับ ทาง ป.ป.ช.ก็จะนำมาประกอบการพิจารณา ชี้มูลความผิดด้วย พร้อมกันนี้ก็จะเรียกบางคนที่ทางคณะกรรมการสิทธิฯ เคยสอบปากคำไปแล้ว มาให้ปากคำต่อ ป.ป.ช.ด้วยเช่นกัน
นายวิชา กล่าวว่า การสลายการชุมนุมในวันที่ 7 ต.ค.2551 มีตำแหน่งระดับนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี นายตำรวจระดับสูง มาเกี่ยวข้อง ดังนั้น ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในการจะแจ้งข้อกล่าวหากับใคร ต้องทำอย่างละเอียด ตามข้อเท็จจริง
แฉตร.ยังเคลื่อนไหวล่าชื่อล้มป.ป.ช.
นายวิชา กล่าวว่า ที่ผ่านมา ในส่วนของคณะกรรมการสิทธิฯ ก็ได้รับแรงกดดันในการสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องนี้พอสมควร ดังนั้นในรูปแบบการไต่สวน ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงรับมาดำเนินการเอง เพื่อไม่ให้กระทบต่อเจ้าหน้าที่และข้าราชการประจำที่เป็นคณะกรรมการสิทธิฯ ที่ร่วมทำงานดังกล่าวที่ได้รับแรงกดดัน
ตนรู้สึกเห็นใจข้าราชการเหล่านั้นที่ได้รับผบกระทบ ดังนั้นจึงโอนมาให้ ป.ป.ช. ไต่สวนเอง แต่ก็ยังใช้ข้อมูลคณะกรรมการสิทธิฯ มาพิจารณาร่วมก่อนสรุปสำนวนด้วย เพราะคณะกรรมการสิทธิฯไม่ได้มีอำนาจดำเนินการเอาผิด ต่อผู้กระทำผิด ซึ่งไม่สามารถลงโทษได้โดยตรง แต่กรรมการสิทธิฯ ช่วย ป.ป.ช.ได้เยอะ
นายวิชา ยังกล่าวอีกว่า จนถึงขณะนี้ทางสมาคมข้าราชการตำรวจ ยังคงมีการล่าลายชื่อเพื่อถอดถอน ป.ป.ช.โดยในส่วนภูมิภาคยังมีการขับเคลื่อน รวบรวมรายชื่อเพื่อหวังโค่นล้ม ป.ป.ช.ไม่ให้เข้าไปยุ่งกับเรื่องสอบสวน เหตุสลายการชุมนุม 7 ต.ค.2551
ผลสอบกก.สิทธิ์นายกฯ-บิ๊กตร.ผิด
สำหรับรายชื่อข้าราชการระดับสูงที่ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการสิทธิฯ ได้สรุปผลการสอบสวนชี้มูลความผิด เสนอต่อ ป.ป.ช. มีทั้งนักการเมือง และนายตำรวจที่เกี่ยวข้องหลายนายเข้าข่ายมีความผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติและ/หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 295, 297, 288, 289, 83
อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ส่วนตำรวจมี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.ฯลฯ พร้อมทั้งในการนี้ได้แนบหนังสือที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สมัยเป็นผู้นำฝ่ายค้านที่ได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนให้เร่งดำเนินการเรื่องนี้โดยเร็วด้วย
นายกล้านรงค์ จันทิก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษก ป.ป.ช.แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับข้อกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพวก ตามที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้ส่งสำนวน การตรวจสอบไต่สวนให้อัยการสูงสุด เพื่อยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ และพวก กระทำความผิด ต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา หรือ กระทำความผิด ต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น กรณีให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อนุมัติสินเชื่อจำนวนมากโดยไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ระบบเศรษฐกิจของรัฐ
และต่อมา คตส.ได้ส่งมอบสำนวนและเรื่องต่างๆ มาให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ตามพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประกาศ คปค. ฉบับที่ 30 เรื่องการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ลงวันที่ 30 ก.ย.2549
นายกล้านรงค์ กล่าวว่า หลัง คตส.ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดแล้ว ต่อมาอัยการสูงสุดมีความเห็นว่ายังมีข้อไม่สมบูรณ์พอที่จะฟ้องคดีและได้มีหนังสือลงวันที่ 15 ก.ค. 2551 แจ้งข้อไม่สมบูรณ์มายังคณะกรรมการ ป.ป.ช. พร้อมแต่งตั้งคณะทำงานผู้แทนฝ่ายอัยการสูงสุดมาให้พิจารณา ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ตั้งคณะทำงานผู้แทนฝ่ายคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยมี นายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช เป็นหัวหน้าคณะทำงาน เพื่อให้คณะทำงานของทั้งสองฝ่ายร่วมกันพิจารณาพยานหลักฐานที่ไม่สมบูรณ์ และรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์
บัดนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้รับรายงานว่า คณะทำงานร่วมระหว่างผู้แทน ฝ่าย ป.ป.ช.และฝ่ายอัยการสูงสุด ได้ดำเนินการพิจารณาพยานหลักฐานที่ไม่สมบูรณ์ และรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว และได้ส่งเรื่องไปให้อัยการสูงสุด เพื่อฟ้องคดีต่อศาลฎีกาฯ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2542 มาตรา 11 ต่อไปแล้ว
สำหรับคดีนี้ คตส.ได้ชี้มูลความผิด พ.ต.ท.ทักษิณ และพวก ในคดีปล่อยเงินกู้ของธนาคารกรุงไทย พบข้อเท็จจริงว่า ผู้บริหาร ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้สินเชื่อแก่กลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร ซึ่งมีสถานะอยู่ในกลุ่มลูกหนี้ ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคาร อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 4, 8 และ 11 พ.ร.บ.ธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505 มาตรา 46 นว พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 307, 308, 311, 313 และ 315 พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 มาตรา 85, 91 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152, 157, 352, 353, 354 ประกอบ มาตรา 83, 84 และ 86
ป.ป.ช.แจงฟันแก๊งถ่อยอุดรฯ
นายกล้านรงค์ กล่าวอีกว่า ตามที่ ป.ป.ช.ได้ตั้งอนุกรรมการไต่สวน เพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง เรื่องการกล่าวหา นายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ ผู้ว่าฯอุดรธานี พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผบก.ภ.อุดรธานี กับพวก ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติโดยมิชอบปล่อยให้กลุ่มประชาชนจำนวนมาก (กลุ่มเสื้อแดงรมชมคนรักอุดร) พร้อมอาวุธหลายชนิด บุกเข้าทำร้ายประชาชน (กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย) ที่จัดชุมนุมต่อต้านรัฐบาล บริเวณสวนสาธารณะหนองประจักษ์ จ.อุดรธานี โดยมีนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการ ไต่สวน และนายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการ ป.ป.ช. ร่วมเป็นอนุกรรมการไต่สวนนั้น
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการไต่สวนแล้ว
มีมติว่า การกระทำของนายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ ผู้ว่าฯอุดรธานี นายยุทธนา วิริยะกิตติ ปลัดจังหวัดอุดรธานี พ.ต.อ.ภัทราวุธ เอื้อมศศิธร พ.ต.อ.บุญลือ กอบางยาง รอง ผบก.ภ.อุดรธานี มีมูลเป็นความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง ฐานไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ราชการ และประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ
ส่วน พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผบก.ภ.อุดรธานี มีมูลเป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการ กระทำหรือละเว้นการกระทำใดๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง “
ขวัญชัย-อุทัยเจออาญา
สำหรับนายขวัญชัย สาราคำ หรือนายขวัญชัย ไพรพนา ในฐานะข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฏหมายอาญา ซึ่งจะต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการตามภารกิจ ของฝ่ายการเมืองที่มีต่อประชาชนหรือตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย โดยต้องปฎิบัติตนในกรอบของระเบียบกฎหมาย แต่กลับยุยงส่งเสริม กลุ่มคนรักอุดรให้ใช้กำลังอาวุธบุกเข้าทำร้ายร่างกาย และทำลายทรัพย์สินของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นเหตุให้มีประชาชนได้รับบาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก
การกระทำของนายขวัญชัย จึงมีมูลเป็นความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหาย แก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 157 ส่วนนายอุทัย แสนแก้ว แกนนำกลุ่มชมรมคนรักอุดร อีกผู้หนึ่ง ที่ร่วมในการปลุกระดมยุยงส่งเสริม ให้มีการทำร้ายร่างกายและทำลายทรัพย์สิน มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของนายขวัญชัย ไพรพนา ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86
นายกล้านรงค์ ระบุว่า ให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาโทษทางวินัย นายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ นายยุทธนา พ.ต.อ.ภัทราวุธ พ.ต.อ. บุญลือ และพล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ และไปสำนวนไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้อง นายขวัญชัย และนายอุทัย ต่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 92 และมาตรา 70 แล้วแต่กรณีต่อไป
มาร์คไม่พอใจผลสอบ7ตุลาฯ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาลีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงรายงานผลการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงเหตุการณ์เจ้าหน้าที่สลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551 ของคณะกรรมการอิสระ ที่แต่งตั้งขึ้นมาสมัยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีว่า ปกติไม่มีการเปิดเผยผลการสอบ แต่ตนได้หารือในที่ประชุมครม.เพื่อขอมติโดยได้หารือกับนาย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ว่าสามารถเปิดเผยได้หรือไม่ เนื่องจากต้องเป็นไปตามเกณฑ์ และมีการคุ้มครองพยานด้วย แต่เท่าที่ตนได้อ่านคิดว่าไม่มีประเด็นที่เป็นปัญหาในแง่ การเปิดเผย จึงให้นายสาทิตย์ ไปดู และไม่จำเป็นต้องนำเข้าครม. โดยให้เปิดเผยได้มากที่สุดเท่าที่จะเปิดเผยได้
ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกพอใจกับผลสอบที่ออกมาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พอใจไม่ได้อยู่แล้ว ขนาดคณะกรรมการอิสระฯที่สอบสวน ซึ่งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นผู้แต่งตั้ง และมีนายปรีชา พานิชวงศ์ เป็นประธานยังระบุว่าไม่รู้สึกพอใจ แต่ต้องหยุดทำงานเพราะไม่ได้รับความร่วมมือ
ต่อข้อถามว่าผลสอบมีความสมบูรณ์ในตัวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความสมบูรณ์ในตัวไม่มีอยู่แล้วเพราะทางคณะกรรมการอิสระฯ ทำรายงานขึ้นมาระบุว่า ทำต่อไม่ได้ ไม่ได้รับความร่วมมือ แต่สิ่งที่สามารถสรุปมาได้ในบางเรื่อง เช่น การสลายมวลชนต้องมีการปรับปรุงกระบวนการ แต่ใครผิดใครถูกมันมีความคืบหน้า น้อยมา แต่คงไม่ต้องสอบใหม่ เพราะ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งขาติ ตั้งคณะกรรมการสอบอีกหนึ่งชุด สรุปสถานการณ์เบื้องต้น แล้วส่งสำนวนไปให ป.ป.ช.แล้ว
ที่จะสอบได้ละเอียดที่สุด ชี้ผิดถูกที่สุดคือ ป.ป.ช. ระยะเวลาในการเปิดเผย ข้อมูลนั้นจะทำให้เร็วที่สุด ผมจะบังคับให้รัฐมนตรีสาทิตย์ อ่านเอกสารคืนนี้เลยก็ได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าว
พันธมิตรฯจี้รัฐเอาผิดขรก.เอี่ยว7ตุลาฯ
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ผลสอบการใช้กำลังปราบปรามประชาชนวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ที่แต่งตั้ง โดยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ โดยสรุปผลสอบต่อ ครม.อ้างว่า ผลสอบไม่สามารถเอาผิดใครได้และรัฐมนตรีไม่อนุมัติให้มีการเปิดเผยผลสอบนั้น ทางพันธมิตรฯไม่ได้ให้ความสำคัญกับคณะกรรมการสอบสวนชุดดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะแม้จะมีผู้ทรงคุณวุฒิน่าเชื่อถือบางท่านมาร่วมเป็นกรรมการก็ตาม แต่เนื่องจากตั้งตั้งโดยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯรัฐมนตรี ในขณะนั้น ซึ่งตกเป็น ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนออกคำสั่งในที่ประชุม ครม. ให้มีการสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ ในเช้าตรู่ 7 ตุลาคม คณะกรรมการชุดดังกล่าวจึงมีส่วนได้เสียหรือมีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ซับซ้อนมาตั้งแต่ต้น
นายสุริยะใส กล่าวว่าผลสอบของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาตินั้นในส่วนของข้าราชการประจำทางรัฐบาลสามารถเอาผิดได้เลย แต่ทำไมรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ยังคงนิ่งเฉยไม่ดำเนินการอะไรเลย ขณะที่ในส่วนของ 6 รัฐมนตรี ที่ติดร่างแหในคดีดังกล่าว ที่ประกอบด้วย นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รมว.มหาดไทย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ ร.ต.(หญิง)ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.ไอซีที นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม และนายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน ตนเข้าใจว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คงต้องการรอผลสรุป ที่แน่นอน จาก ป.ป.ช.ก่อน ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่พอจะรับได้
ผมว่าในส่วนของ ข้าราชการประจำ รัฐบาลสามารถเอาผิดได้เลย เพราะทางคณะกรรมการสิทธฯ ก็ได้สรุปผลออกมาเรียบร้อยว่ามีรายชื่อใครบ้าง แต่ทำไมยังรออยู่ หากเป็นเช่นนี้ทางพรรคประชาธิปัตย์ (ก็คงต้องออกมาชี้แจงว่าทำไมยังช้าอยู่ ต้องออกมาเปิดเผยต่อประชาชน ในส่วนของรัฐมนตรีทั้ง 6 คน ที่ทางรัฐบาลยังไม่ออกมาเปิดเผยรายชื่อว่ามีใคร ผิดบ้างผมคาดว่า นายกฯคงอยากให้ทาง ป.ป.ช. สรุปผลให้แน่นอนมากกว่า แล้วค่อยเปิดเผย ตรงนี้ก็เป็นเหตุผลที่ฟังขึ้น
ป.ป.ช.ยัน23 ก.พ.สรุป7ตุลาเลือด
นายวิชา มหาคุณ กรรมการค ป.ป.ช.ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวน เหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 เปิดเผยผ่านรายการ สภาท่าพระอาทิตย์ ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เอเอสทีวี ว่า ในวันจันทร์ที่ 23 ก.พ.นี้ ป.ป.ช.จะประชุม เพื่อสรุปชี้มูลความผิดผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสลายชุมนุมหน้ารัฐสภา หน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)ในวันที่ 7 ต.ค.2551 ว่าจะมีผู้เกี่ยวข้องระดับใด ที่มีความผิดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งคาดว่า ภายในเดือน มี.ค.นี้จะสามารถ เปิดเผยรายชื่อและส่งอัยการเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องได้
ข้อมูลที่ ป.ป.ช.ได้รับจากคณะกรรมการสิทธิฯ ที่ชี้มูลว่ามีข้าราชการการเมือง ตำรวจ เกี่ยวข้องหลายระดับ ทาง ป.ป.ช.ก็จะนำมาประกอบการพิจารณา ชี้มูลความผิดด้วย พร้อมกันนี้ก็จะเรียกบางคนที่ทางคณะกรรมการสิทธิฯ เคยสอบปากคำไปแล้ว มาให้ปากคำต่อ ป.ป.ช.ด้วยเช่นกัน
นายวิชา กล่าวว่า การสลายการชุมนุมในวันที่ 7 ต.ค.2551 มีตำแหน่งระดับนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี นายตำรวจระดับสูง มาเกี่ยวข้อง ดังนั้น ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในการจะแจ้งข้อกล่าวหากับใคร ต้องทำอย่างละเอียด ตามข้อเท็จจริง
แฉตร.ยังเคลื่อนไหวล่าชื่อล้มป.ป.ช.
นายวิชา กล่าวว่า ที่ผ่านมา ในส่วนของคณะกรรมการสิทธิฯ ก็ได้รับแรงกดดันในการสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องนี้พอสมควร ดังนั้นในรูปแบบการไต่สวน ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงรับมาดำเนินการเอง เพื่อไม่ให้กระทบต่อเจ้าหน้าที่และข้าราชการประจำที่เป็นคณะกรรมการสิทธิฯ ที่ร่วมทำงานดังกล่าวที่ได้รับแรงกดดัน
ตนรู้สึกเห็นใจข้าราชการเหล่านั้นที่ได้รับผบกระทบ ดังนั้นจึงโอนมาให้ ป.ป.ช. ไต่สวนเอง แต่ก็ยังใช้ข้อมูลคณะกรรมการสิทธิฯ มาพิจารณาร่วมก่อนสรุปสำนวนด้วย เพราะคณะกรรมการสิทธิฯไม่ได้มีอำนาจดำเนินการเอาผิด ต่อผู้กระทำผิด ซึ่งไม่สามารถลงโทษได้โดยตรง แต่กรรมการสิทธิฯ ช่วย ป.ป.ช.ได้เยอะ
นายวิชา ยังกล่าวอีกว่า จนถึงขณะนี้ทางสมาคมข้าราชการตำรวจ ยังคงมีการล่าลายชื่อเพื่อถอดถอน ป.ป.ช.โดยในส่วนภูมิภาคยังมีการขับเคลื่อน รวบรวมรายชื่อเพื่อหวังโค่นล้ม ป.ป.ช.ไม่ให้เข้าไปยุ่งกับเรื่องสอบสวน เหตุสลายการชุมนุม 7 ต.ค.2551
ผลสอบกก.สิทธิ์นายกฯ-บิ๊กตร.ผิด
สำหรับรายชื่อข้าราชการระดับสูงที่ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการสิทธิฯ ได้สรุปผลการสอบสวนชี้มูลความผิด เสนอต่อ ป.ป.ช. มีทั้งนักการเมือง และนายตำรวจที่เกี่ยวข้องหลายนายเข้าข่ายมีความผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติและ/หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 295, 297, 288, 289, 83
อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ส่วนตำรวจมี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.ฯลฯ พร้อมทั้งในการนี้ได้แนบหนังสือที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สมัยเป็นผู้นำฝ่ายค้านที่ได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนให้เร่งดำเนินการเรื่องนี้โดยเร็วด้วย