ตามคาด วิปรัฐบาลไม่เอาด้วย พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ยกคำพูดนายกฯ เศรษฐกิจชาติต้องมาก่อน อ้างรัฐบาลมีแนวทางปฏิรูปการเมืองอยู่แล้ว เร่งจัดตั้งกรรมการปฏิรูปการเมือง ด้าน ส.ส.ภูมิใจไทย ปัดถูกพรรครัฐบาลกดดัน ทำพรรคเปลี่ยนท่าที ชี้ “ชวรัตน์” แค่เห็นด้วยกับแนวทาง ส่วน “ชินวรณ์” โต้เพื่อไทยไม่กลัวเสือถูกปล่อยมากัด แต่เห็นกับประเทศ ไม่ใช่เห็นเฉพาะตัวบุคคล ชี้ทำแตกแยกมากขึ้น
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงข้อเสนอพรรคเพื่อไทยในการออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ปรองดองแห่งชาติว่า ที่ประชุมพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคต่างเห็นชอบร่วมกันว่า ในขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะมีการหยิบยกกฏหมายฉบับดังกล่าวขึ้นมาพิจารณา เนื่องจากเวลานี้ประเทศชาติเกิดปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงมากขึ้น รัฐบาลสนใจที่จะนำประเทศชาติออกจากวิกฤต ที่สำคัญเนื้อหาสาระที่หยิบยกขึ้นมาจากพรรคเพื่อไทยที่เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้วนั้นยังไม่เห็นแนวทางที่ชัดว่าเป็นการสร้างความปรองดองที่จะให้เกิดขึ้นกับทุกฝ่ายได้หรือไม่
นอกจากนี้ วันนี้หากทุกฝ่ายเห็นชอบที่จะให้มีการพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองไปในทิศทางที่มีความสมานฉันท์และยั่งยืน วิปพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค มีความเห็นว่าจะร่วมสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการปฏิรูปการเมือง โดยเฉพาะการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาแนวทางการดำเนินการปฏิรูปทางการเมือง โดยการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เพื่อวางระบบการบริหารจัดการประเทศให้มีเสถียรภาพ ประสิทธิภาพ
นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า จากหลักการดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่สามารถนำแนวความคิดในเรื่องของการสร้างความปรองดองแห่งชาติ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ แนวความคิดปรับปรุงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ไปดำเนินการศึกษาจากทุกภาคส่วนให้มีความเห็นที่สอดคล้องต้องกัน เชื่อว่าจะเป็นการนำไปสู่การสนองตอบต่อการพัฒนาประเทศ เป็นไปตามความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
เมื่อถามว่า การที่วิปรัฐบาลมีมติไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ถือเป็นมติของทุกพรรครัฐบาลหรือไม่ นายชินวรณ์ กล่าวว่า สมาชิกในวิปรัฐบาลทุกพรรคต่างยืนยันอย่างชัดเจนว่า ในขณะนี้เราต่างร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเพื่อให้ประเทศชาติผ่านวิกฤตไปได้ มีเรื่องที่ต้องแก้ 2 เรื่อง คือ วิกฤตเศรษฐกิจ และวิกฤตการเมือง แต่ ณ วันนี้เห็นว่าวิกฤตเศรษฐกิจเป็นปัญหาเร่งด่วนที่เราต้องมาดำเนินการในการที่จะต้องร่วมขับเคลื่อนจากพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค โดยเฉพาะปากท้องประชาชน ส่วนความล้มเหลวทางการเมืองถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน แต่เนื้อหายังไม่ชัดเจนให้เกิดความปรองดองได้ทุกฝ่าย และสำคัญเรามีนโยบายร่วมกันในการปฏิรูปการเมือง เราจึงขอเสนอและเร่งรัดจัดตั้งคณะกรรมการปฎิรูปการเมือง สร้างวัฒนธรรมทางการเมืองที่มาจากบุคคลที่มีความเป็นอิสระจากทุกภาคส่วน ทุกพรรคมีทิศทางเดียวกัน เราจะไม่นำประเด็นเรื่องข้อกฎหมาย การบริหารราชการแผ่นดินนำมาสู่ความแตกแยก และจะได้ไปเรียนทุกพรรคผลักดันนโยบายรัฐบาลเดินหน้าต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้อย่างไร เพราะคนที่เป็นแกนนำทางการเมืองส่วนใหญ่เป็นคนที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง นายชินวรณ์ กล่าวว่า นายกฯ บอกแล้วว่าต้องเปิดกว้างรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน รัฐมนตรี แกนนำพรรค ได้นำเรื่องนี้ไปพูดคุยบางส่วนแล้ว เชื่อว่าทุกฝ่ายก็มีความคิดเห็นสอดคล้องต้องกัน
เมื่อถามว่า สำหรับพรรคภูมิใจไทยมีท่าทีกับร่างกฎหมายดังกล่าวอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้หัวหน้าพรรคก็ออกมาแสดงความเห็นด้วย ทำให้นายปัญญา ศรีปัญญา วิปรัฐบาล พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า สิ่งที่หัวหน้าพรรคพูดคือเห็นดีด้วยส่วนหนึ่ง แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา ท่านคำนึงเศรษฐกิจมาก่อน พรรคภูมิในใจไทยยังยืนยันว่า เรื่องของปากท้องประชาชนต้องมาก่อน กับที่พรรคได้พูดคุยกันหมดแล้ว
ถามต่อว่า การที่พรรคภูมิใจไทยเปลี่ยนท่าทีเพราะแกนนำพรรคประชาธิปัตย์กดดันหรือเปล่า นายปัญญา กล่าวว่า ไม่มีการกดดันใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อถามว่าแล้วจะมีอะไรยืนยันความเป็นเอกภาพในพรรคร่วมรัฐบาล นายปัญญา กล่าวว่า มีการประชุมหารือกันทุกอาทิตย์ ใครมีปัญหาก็นำเข้าที่ประชุมวิปรัฐบาล การแถลงข่าวร่วมกันก็เป็นการยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาลมั่นคง
นายชินวรณ์ กล่าวว่า การที่วิปรัฐบาลเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะมีการนำร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมาพิจารณา เพราะเห็นว่าต้องฟังความเห็นจากทุกฝ่ายที่อยู่ในกระบวนการดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มพันธมิตรฯ กลุ่มเสื้อแดง แกนนำในการปฏิรูปทางการเมืองต่างๆ นักวิชาการ ทุกกลุ่มว่าการเสนอกฎหมายดังกล่าวปรองดองได้จริงหรือไม่ ปัญหาของบ้านเมืองเวลานี้ ปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องเร่งด่วน เราจึงอยากขอความร่วมมือทุกฝ่าย นายกฯ เองก็ขอความร่วมมือไปหา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ในการร่วมมือกันทำการปฏิรูปการเมือง ที่เกิดจากยอมรับทุกภาคส่วน เปิดกว้าง ไม่ใช่แค่กฎหมายปรองดอง หรือกฎหมายรัฐธรรมนูญอย่างเดียว ถ้าฝ่ายค้านประเด็นอะไรนำไปสู่การปฏิรูปการเมือง เราก็ยินดี
“หากยังไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนเรื่องของการปรองดองได้ก็จะนำไปสู่ความแตกแยกได้ จึงเป็นเรื่องที่ฝ่ายรัฐบาลตระหนัก อยากให้เกียรติกับฝ่ายค้าน ในทางการเมืองถ้ามองในแง่ดีสมาชิกราษฎรในซีกฝ่ายค้านมีสิทธิที่จะเสนอได้ แต่ว่าเมื่อเสนอมาแล้วพรรคฝ่ายค้านไม่สามารถตอบคำถามได้อย่างคอบคุมก็อาจจะถูกมองได้ว่าเป็นการเสนอเพื่อประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ ไม่ได้เป็นการเสนอกฎหมายเพื่อกระทบต่อคนส่วนใหญ่ของประเทศ ถ้าความคิดแต่ละกลุ่มในแนวคิดปรองดองแห่งชาติ ยังไม่อยู่บนพื้นฐานระบบนิติธรรมก็อาจนำไปสู่ความแตกแยกได้มากขึ้น” นายชินวรณ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางพล.ต.ต.ชัจจ์ กุลดิลก ที่ปรึกษากฎหมายพรรคเพื่อไทย ระบุว่าการที่รัฐบาลไม่เห็นว่ากับร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ เพราะกลัวว่าจะเป็นการปล่อยเสือออกมากัด นายชินวรณ์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ใจกว้างอยู่แล้วที่จะให้ทุกคนได้มามีส่วนร่วม แต่ระหว่างการคิดถึงตัวบุคคลกับหลักการบริหารประเทศชาติบ้านเมือง เราก็ต้องเอาประเทศชาติมาก่อนตัวบุคคล ไม่ได้กลัว
ด้านนายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน ในฐานะทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า เราคงไม่สามารถเสนอร่างพระราชบัญญัติความปรองดองแห่งชาติ ได้หลังวันที่ 20 ก.พ.นี้ หรือถ้าเลื่อนออกไปอีก ก็ยืนยันว่าจะต้องยื่นให้ทันในสมัยประชุมสภานี้แน่นอน เพราะขณะนี้ยังมีรายละเอียดบางส่วนที่ต้องปรับปรุงอยู่ ยอมรับว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ประเด็นสำคัญที่เราทำเรื่องนี้ขึ้นมาเนื่องจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ได้แถลงนโยบายและประกาศเป็นสัญญาประชาคมไปแล้ว่าจะสร้างความสมานฉันท์ให้กับคนในชาติ แต่มาถึงวันนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ ตนจึงต้องทำเรื่องนี้ขึ้นมา ตรงนี้จะเป็นข้อพิสูจน์ว่ารัฐบาลจะทำตามนโยบายที่ประกาศไว้หรือไม่
นาย สุรชัย เบ้าจรรยา ส.ส.สัดส่วน ในฐานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สำหรับพ.ร.บ.ปรองดองนั้น เท่าที่ได้ประสานกับพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคก็เห็นด้วย เรื่องนี้ตนยืนยันได้เลย ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี ในการสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง