พรรคประชาธิปัตย์ ค้านเสนอกฎหมายนิรโทษฯ ชี้อ้างความปรอิงดองบังหน้าที่แท้ต้องการช่วย “แม้ว-น้องเขย” พ้นผิดเท่านั้น ย้ำเรื่องเงินบริจาคมีที่มาถูกต้อง ยันไม่มีเงิน 250 ล้านโวย “สุนัย” ปากพล่อยพูดมั่ว แฉพิรุธบิ๊กดีเอสไอปูดข่าวหลังพบแกนนำเพื่อไทย
วันนี้ (14 ก.พ.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเป็นห่วงการเสนอร่าง พ.ร.บ.ความปองดองแห่งชาติ ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีสาระสำคัญในการนิรโทษกรรมจะเป็นข้ออ้างในการยกเลิกความผิดของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากคดีความทางการเมือง โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี จึงขอให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงหลักยุติธรรมที่จะต้องปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ควรแก้ไขกฎหมายเพื่อคนบางกลุ่มเท่านั้น พร้อมกับสนับสนุนแนวทางการหารือกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน หรือภาคประชาชน เพื่อให้เกิดการยอมรับก่อนดำเนินการผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าว
นอกจากนี้ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังขอความร่วมมือกับกลุ่มผู้ชุมนุม ที่กำลังเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล ในขณะนี้ว่าขอให้ชุมนุมภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่สร้างเงื่อนไขของความแตกแยก โดยเฉพาะ ในช่วง 2 สัปดาห์ ก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่อยากให้คนไทยทุกคน ร่วมเป็นเจ้าภาพ เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ
นอกจากนี้ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านกล่าวหาเรื่องเงินสนับสนุนจำนวน 250 ล้านบาท โดยชี้แจงรายละเอียดรายงานงบการเงินของพรรคประจำปี 2548 ว่า เหตุรายรับที่มาจากเงินบริจาค 38 ล้านบาท การระดมทุน 43 ล้านบาท และกองทุนพัฒนาการเมือง 25 ล้านบาท รวมถึงรายจ่ายในการจ้างบริษัทเอกชนมาทำประชาสัมพันธ์โดยใช้เงินจากกองทุนพัฒนาการเมือง
“ส่วนที่นายสุนัย จุลพงศธร พยายามบอกว่าเป็นเงินที่ขนคนมาจากภาคใต้บ้าง เงินใช้โค่นรัฐบาลบ้าง เป็นเรื่องเลื่อนลอยทั้งสิ้น จึงไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะคุณสุนัยถนัดในการร้องตะโกนบอกว่าไฟไหม้อยู่แล้ว พรรคยืนยันว่าข้อมูลข้อเท็จจริงที่พรรคมี พร้อมจะเปิดเผยต่อประชาชนเช่นเดียวกับที่ กกต.คาดหวัง” นพ.บุรณัชย์ กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่เรียกร้องให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้ขอข้อมูลจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องนี้มาตรวจสอบ เพื่อป้องกันการแทรกแซง โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่แทรกแซงการทำงานของดีเอสไอ ทั้งนี้ พรรคทราบว่ามีการเรียกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของดีเอสไอเข้าพบอดีตผู้มีอำนาจในรัฐบาลในวันเดียวกับที่มีการรับประทานอาหารเย็นที่โรงแรมเอสซี พาร์ค ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับการเปิดเผยกรณีเงินบริจาค 250 ล้านบาท
