ASTVผู้จัดการรายวัน - “สันติบาล” มีมติสั่งฟ้อง “ทักษิณ” สามหาว! หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กรณีให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศผ่านเว็บไซต์ ส่งพยานหลักฐานทั้งหมดให้สอบสวนกลางดำเนินคดี 15 พ.ค.นี้
วานนี้(14 พ.ค.)ที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส.เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาข้อมูลข่าวสารที่มีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยมีตัวแทนจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (สทส.) และกองคดีอาญาเข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาในการประชุมกว่า 1 ชั่วโมง
พล.ต.ท.ธีระเดช เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมมีการสรุปกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านเว็บไซต์ต่างประเทศในช่วงวันที่ 12-13 เมษายน ที่ผ่านมา ว่า กรณีดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มีความเห็นสั่งฟ้องและให้ส่งพยานหลักฐานทั้งหมดให้ทางกองบัญชาการสอบสวนกลางดำเนินคดีในที่ 15 พ.ค.นี้
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 เมษายน ที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาข้อมูลข่าวสารที่มีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ได้มีการประชุมไปแล้วหนึ่งครั้ง แต่ไม่ได้ข้อสรุป และได้มอบหมายให้ทางสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารไปรวบรวมข้อมูลให้ชัดเจนและนำมาพิจารณาในที่ประชุมอีกครั้งในวันนี้ ซึ่งจากหลักฐานทั้งหมด คณะกรรมการได้ข้อสรุปมีความเห็นสั่งฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพดังกล่าว
นครบาลโต้"อดิศร"พูดมั่ว
วันเดียวกันที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวถึงกรณีที่นายอดิศร เพียงเกษ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ออกมาระบุว่าพนักงานสอบสวนของ บช.น.จะออกหมายจับกลุ่มคนเสื้อแดงที่บุกรุกกระทรวงมหาดไทยอีกกว่า 100 คนว่า ยังไม่ทราบว่ามีการออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด ไม่ทราบว่ามีการเอาข้อมูลนี้มาจากไหน เท่าที่ทราบขณะนี้มีเพียงนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคไทยรักไทย ที่เข้ามอบตัวเพิ่มเติมต่อ พ.ต.อ.วัลลภ ปทุมเมือง รักษาการผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ที่ สน.สำราญราษฎร์ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ในมาตรา 116(3) ข้อหาการกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนเพื่อให้ประชาชนละเมิดกฏหมายแผ่นดิน กรณีนำผู้ชุมนุมบุกกระทรวงมหาดไทย เท่านั้น
พล.ต.ต.สุพร กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่แกนนำ นปช.บางคนมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองลักษณะที่ผิดจากเงื่อนไขที่ให้กับศาล ทาง บช.น.จะพิจารณาขอศาลถอนประกันผู้ต้องหา หรือไม่นั้น จากการตรวจสอบขณะนี้ยังไม่ผิดจากเงื่อนไขที่ให้ไว้กับศาล แต่พนักงานสอบสวนก็จะมีการรวบรวมรายละเอียดเอาไว้ ส่วนที่ว่าจะมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ภูเก็ตหรือที่อื่นนั้นยังไม่ถือว่าเป็นเหตุ แต่ถ้ามีการไปและทำตามที่พูดจึงจะครบองค์ประกอบ
ขณะเดียวกัน นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน อดีต สส.พรรคเพื่อ จ.นครราชสีมา พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.วัลลภ ปทุมเมือง รักษาการผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ที่ สน.สำราญราษฏ์ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ในมาตรา 116(3) ข้อหาการกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนเพื่อให้ประชาชนละเมิดกฏหมายแผ่นดิน กรณีนำผู้ชุมนุมบุกกระทรวงมหาดไทย
อย่างไรก็ตาม นายสุภรณ์ ยังพูดโกหกซ้ำซากอีกว่า ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ 2 ข้อว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้อยู่ในรถยนต์ที่ถูกประชาชนทุบอย่างแน่นอน เนื่องจากขณะเกิดเหตุระหว่างที่นายอภิสิทธิ์ ออกจากกระทรวงมหาดไทยไม่มีทหารมาคุ้มกันที่รถยนต์แต่อย่างใด อีกทั้งขณะก่อนเกิดเหตุมีชุดรักษาความปลอดภัยได้เปิดประตูรถนายกฯ แล้วได้โยนหนังสือเข้าไป ซึ่งในทางปฏิบัติหากนายกฯ นั่งอยู่จริง จะสามารถทำอย่างนั้นได้หรือไม่ ในเรื่องนี้ตนขอสาบานเลยว่านายกฯไม่ได้อยู่ในรถอย่างแน่นอน.
วานนี้(14 พ.ค.)ที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส.เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาข้อมูลข่าวสารที่มีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยมีตัวแทนจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (สทส.) และกองคดีอาญาเข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาในการประชุมกว่า 1 ชั่วโมง
พล.ต.ท.ธีระเดช เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมมีการสรุปกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านเว็บไซต์ต่างประเทศในช่วงวันที่ 12-13 เมษายน ที่ผ่านมา ว่า กรณีดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มีความเห็นสั่งฟ้องและให้ส่งพยานหลักฐานทั้งหมดให้ทางกองบัญชาการสอบสวนกลางดำเนินคดีในที่ 15 พ.ค.นี้
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 เมษายน ที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาข้อมูลข่าวสารที่มีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ได้มีการประชุมไปแล้วหนึ่งครั้ง แต่ไม่ได้ข้อสรุป และได้มอบหมายให้ทางสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารไปรวบรวมข้อมูลให้ชัดเจนและนำมาพิจารณาในที่ประชุมอีกครั้งในวันนี้ ซึ่งจากหลักฐานทั้งหมด คณะกรรมการได้ข้อสรุปมีความเห็นสั่งฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพดังกล่าว
นครบาลโต้"อดิศร"พูดมั่ว
วันเดียวกันที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวถึงกรณีที่นายอดิศร เพียงเกษ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ออกมาระบุว่าพนักงานสอบสวนของ บช.น.จะออกหมายจับกลุ่มคนเสื้อแดงที่บุกรุกกระทรวงมหาดไทยอีกกว่า 100 คนว่า ยังไม่ทราบว่ามีการออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด ไม่ทราบว่ามีการเอาข้อมูลนี้มาจากไหน เท่าที่ทราบขณะนี้มีเพียงนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคไทยรักไทย ที่เข้ามอบตัวเพิ่มเติมต่อ พ.ต.อ.วัลลภ ปทุมเมือง รักษาการผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ที่ สน.สำราญราษฎร์ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ในมาตรา 116(3) ข้อหาการกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนเพื่อให้ประชาชนละเมิดกฏหมายแผ่นดิน กรณีนำผู้ชุมนุมบุกกระทรวงมหาดไทย เท่านั้น
พล.ต.ต.สุพร กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่แกนนำ นปช.บางคนมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองลักษณะที่ผิดจากเงื่อนไขที่ให้กับศาล ทาง บช.น.จะพิจารณาขอศาลถอนประกันผู้ต้องหา หรือไม่นั้น จากการตรวจสอบขณะนี้ยังไม่ผิดจากเงื่อนไขที่ให้ไว้กับศาล แต่พนักงานสอบสวนก็จะมีการรวบรวมรายละเอียดเอาไว้ ส่วนที่ว่าจะมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ภูเก็ตหรือที่อื่นนั้นยังไม่ถือว่าเป็นเหตุ แต่ถ้ามีการไปและทำตามที่พูดจึงจะครบองค์ประกอบ
ขณะเดียวกัน นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน อดีต สส.พรรคเพื่อ จ.นครราชสีมา พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.วัลลภ ปทุมเมือง รักษาการผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ที่ สน.สำราญราษฏ์ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ในมาตรา 116(3) ข้อหาการกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนเพื่อให้ประชาชนละเมิดกฏหมายแผ่นดิน กรณีนำผู้ชุมนุมบุกกระทรวงมหาดไทย
อย่างไรก็ตาม นายสุภรณ์ ยังพูดโกหกซ้ำซากอีกว่า ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ 2 ข้อว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้อยู่ในรถยนต์ที่ถูกประชาชนทุบอย่างแน่นอน เนื่องจากขณะเกิดเหตุระหว่างที่นายอภิสิทธิ์ ออกจากกระทรวงมหาดไทยไม่มีทหารมาคุ้มกันที่รถยนต์แต่อย่างใด อีกทั้งขณะก่อนเกิดเหตุมีชุดรักษาความปลอดภัยได้เปิดประตูรถนายกฯ แล้วได้โยนหนังสือเข้าไป ซึ่งในทางปฏิบัติหากนายกฯ นั่งอยู่จริง จะสามารถทำอย่างนั้นได้หรือไม่ ในเรื่องนี้ตนขอสาบานเลยว่านายกฯไม่ได้อยู่ในรถอย่างแน่นอน.