ปลัดต่างประเทศ เตือน “ยูเอ็นเอชซีอาร์” อย่าล้ำเส้นกฎหมายไทยแนะยกระดับโรฮิงยาเป็นผู้ลี้ภัย เตรียมถกประชุมอาเซียนหาทางแก้ระยะยาว ตะลึงข้อมูลความมั่นคงแจ้ง โรฮิงยาเกลื่อนไทย 2 หมื่นคน
วันนี้ (11 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อถกปัญาหาการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของกลุ่มโรฮิงยา ครั้งที่ 2 โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่ววมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ใช้เวลาการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง
นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า มาตรการดูแลผู้หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย เรามีมาตรการที่ตั้งอยู่บนดุลยภาพของการรักษาความมั่นคง ของเราตามกฎหมายภายในของเรา เป็นไปตามหลักมนุษยธรรม และกฎหมายระหว่างประเทศ และทาง สมช.ได้มีการจัดประชุมกลุ่มทำงานเพื่อร่างมาตรการงานการปฏิบัติให้เป็นที่โปร่งใสและแจ้งให้ประชาคมโลกทราบ ซึ่งเราจะมีการยกประเด็นนี้ขึ้นพูดระหว่างการประชุมอาเซียนด้วย เพราะที่ผ่านมามีประเทศอาเซียน ได้รับความกระทบกระเทือน 3-4 ประเทศเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งจะหารือร่วมกันจะดำเนินการต่อไปอย่างไรต่อไป เพราะเรามีปัญหาร่วมกันและจะมีการหารือ กับองค์การข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัย ยูเอ็นเอสซีอาร์ และไอโอเอ็ม หากคนพวกนี้ผ่านกระบวนการของ ตม.ไทยแล้วก็เป็นหน้าที่ของประเทศเหล่านี้ที่จะต้องหาทาวให้คนเหล่านี้กลับไปสู่ประเทศที่เขาเดินทางมา นอกจากนี้ ต้องเจรจากับองค์การระหว่างประเทศให้เขาระดมความช่วยเหลือจากประชาชนระหว่างประเทศ เพื่อให้ชาวโรฮิงยาในประเทศที่พวกเขาอยู่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่ต้องออกมาหางานทำ เป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาว
นายวีระศักดิ์ กล่าวต่อว่า การแก้ไขปัญหาระยะสั้นจะมีการประชุมของประเทศที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย เพื่อแชร์ข้อมูลระหว่างกัน เกี่ยวกับกระบวนการค้ามนุษย์และจะดำเนินการปราบปราม กระบวนการค้ามนุษย์ร่วมกัน เพราะข้อมูลที่ได้จากโรฮิงยาพบว่ามีคนช่วยออกมา และมีคนช่วยรับเข้าไปทำงานในประเทศต่างๆ คิดว่าจะมีการประชุมกันเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ชาวโรฮิงยาที่หลบนี้เข้าเมืองมาเวลานี้เราปฏิบัติตามกฎหมาย และเป็นอำนาจของเราในการรักษาอธิปไตยของประเทศ ไม่ให้ผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายเข้ามาสู่ดินแดนประเทศไทย แต่ถ้ามีการลักลอบเข้ามาเจ้าหน้าที่จับได้ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการกฎหมายเข้าเมืองของไทย โดยจะมีการประสานยูเอ็นเอชซีอาร์นำคนเหล่านี้กลับคืนสู่ประเทศระหว่างการประสานงาน คนเหล่านี้ก็อยู่ในคุกของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เวลานี้มี 80 คน แต่ทั้งหมดทั่วประเทศทางฝ่ายความมั่นคงรายงานตัวเลข พบว่ามีชาวโรงฮิงยาอยู่มากถึง 20,000 คน ซึ่งเป็นผู้เข้าเมืองผิดกฎหมาย
นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาของโรฮิงยา จริงๆ แล้ว คือ การหางานทำฉะนั้นเขาไม่ได้อยู่ในฐานะผู้ลี้ภัยจากสงครามหรือการสู้รบ แต่อพยพมาเพราะเหตุเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งเราจะคุยทั้งยูเอ็นเอชซีอาร์ และไอโอเอ็ม (องค์กรระหว่างประเทศ) เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาต่อไป ส่วนกรณีที่แองเจลินา โจลี ทูตสันถวะไมตรีขององค์การสหประชาชาติ ระบุว่าให้ยกฐานะชาวโรฮิงยาเป็นผู้ลี้ภัยนั้น บังเอิญเขามาขอดูค่ายผู้ลี้ภัยจากฝ่ายพม่า และมาจังหวะนี้พอดีจึงพูดขึ้นมา ซึ่งความจริงไม่เหมาะสม คงต้องตักเตือนยูเอ็นเอชซีอาร์ต่อไปว่าไม่ควรจะพูดเรื่องนี้
