นสพ.ไทยโพสต์แฉ สหรัฐฯ ขยาด “แม้ว” ใช้ประเทศเป็นฐานให้ร้ายประเทศไทย เตรียมเข้าพบ “รมว.กษิต” ประกาศจุดยืนตาม อังกฤษ-ญี่ปุ่น ไม่ให้เข้าเมือง
วันนี้ (9 ก.พ.) หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ได้ตีพิมพ์รายงานข่าวระบุว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาเตรียมที่จะเพิกถอนวีซ่าเข้าประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องโทษจำคุก 2 ปี จากศาลฎีกากรณีการทำผิดกฎหมายในการจัดซื้อที่ดินรัชดาฯ โดยไทยโพสต์อ้างอิงแหล่งข่าวจากวงการทูตสหรัฐฯ ระบุว่า ตัวแทนของสถานทูตสหรัฐอเมริกากำลังจะเข้าพบนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย เพื่อแสดงท่าทีต่อกรณีดังกล่าว
ทั้งนี้ การเพิกถอนวีซ่าดังกล่าวของสหรัฐฯ มีสาเหตุมาจากการที่ สหรัฐฯ เกรงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจใช้ประเทศสหรัฐฯ ดำเนินการทางการเมืองและกล่าวโจมตีประเทศไทยและจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยรายละเอียดของข่าวชิ้นดังกล่าวมีดังนี้
จับตาอเมริกาถอนวีซ่าแม้ว
แหล่งข่าวจากวงการทูตอเมริกา เปิดเผยว่า ใน 1-2 วันนี้ อาจเห็นตัวแทนของสถานทูตอเมริกาเดินทางเข้าพบนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ เพื่อแสดงท่าทีไปในทิศทางเดียวกับประเทศญี่ปุ่นและจีนในก่อนหน้านี้ ที่ไม่อนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางเข้าประเทศ เนื่องจากเกรงว่า พ.ต.ท.ทักษิณอาจเลือกใช้อเมริกาเป็นฐานที่มั่นดำเนินการทางการเมืองโจมตีประเทศไทย เพราะอเมริกาเป็นประเทศใหญ่และให้สิทธิเสรีภาพต่อพลเมืองมาก จึงง่ายต่อการที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะดำเนินการ เช่น ให้สัมภาษณ์หรือแสดงความคิดเห็นต่อประเทศไทย อันจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ “เพราะระหว่างรัฐบาลไทยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ สหรัฐเลือกที่จะคำนึงถึงรัฐบาลไทยมากกว่า แม้ก่อนหน้านี้จะแสดงท่าทีไม่ยอมรับรัฐบาลที่มาจากทหาร แต่รัฐบาลปัจจุบันถือว่ามาจากระบอบประชาธิปไตย”
นักการทูตผู้นี้ ระบุว่า หากอเมริกาปฏิเสธไม่อนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางเข้าประเทศ แม้จะไม่ส่งผลต่อธุรกิจของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะส่วนใหญ่จะทำธุรกิจกับประเทศในภูมิภาคเอเชียมากกว่า แต่ก็จะส่งผลต่อภาพลักษณ์อย่างหนัก เพราะประเทศใหญ่ 3-4 ประเทศแสดงท่าทีเช่นเดียวกัน อันจะส่งผลต่อสถานภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างชัดเจนว่าเป็นบุคคลหนีคดี
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันจากสถานทูตอเมริกา เรื่องการปฏิเสธไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางเข้าประเทศ ดังนั้นจะทราบก็ต่อเมื่อมีการขอวีซ่าเดินทางเข้าประเทศ
ด้าน นายเกียรติ สิทธีอมร คณะทำงานหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า โดยหลักแล้วหากจะไม่ออกวีซ่าให้ใครก็ตาม ประเทศเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องชี้แจงเหตุผลหรือประกาศให้ใครทราบ รู้กันเฉพาะเจ้าตัวและทางการ ซึ่งเกี่ยวกับสหรัฐอเมริกานั้น ตนยังไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลว่าจะออกวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ แต่หากดูในทิศทางของประเทศอื่นๆ ที่ทยอยกันไม่ออกวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าประเทศ ตนก็คาดว่าสหรัฐอเมริกาก็จะไม่ออกวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าประเทศเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2551 ประเทศอังกฤษก็เคยแจ้งยกเลิกวีซ่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยามาแล้วโดยไม่แจ้งเหตุผล โดยเหตุที่เรื่องถูกเปิดเผยออกมาก็เนื่องจาก เมื่อวันที่ 7 พ.ย.51 สำนักงานพรมแดนสหราชอาณาจักร สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำกรุงเทพฯ ได้ส่งอีเมลถึงสายการบินที่เป็นสมาชิกคณะกรรมการดำเนินงานด้านธุรกิจการบิน (Airport Operations Committee: AOC) หรือเอโอซี เพื่อแจ้งเตือนให้ทราบว่า สำนักงานพรมแดนฯ ได้ยกเลิกวีซ่าเข้าสหราชอาณาจักรที่ถือโดย บุคคลสัญชาติไทยดังนี้ ทักษิณ ชินวัตร หนังสือเดินทางไทยหมายเลข D215863 และพจมาน ชินวัตร หนังสือเดินทางไทยหมายเลข D206635 เพราะวีซ่าที่ประทับในหนังสือเดินทางดังกล่าวไม่สามารถใช้ได้ต่อไป จึงขอแนะนำสายการบินทั้งหลายว่าอย่าได้นำผู้โดยสารทั้งสองคนเข้าสหราชอาณาจักร หลังจากนั้นหลายๆ ประเทศก็ออกมาประกาศว่าจะไม่รับ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศ หรือ หากเข้ามาได้ก็จะไม่ให้ที่พักพิง
ต่อมาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช โฆษกส่วนตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้ข่าวว่าประเทศจีนและญี่ปุ่นขึ้นบัญชีดำห้าม พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศเพิ่มเติมอีก จนทำให้นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยออกมาขู่ว่าจะให้สมาชิกพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดงบอยคอตสินค้าจากประเทศจีน และญี่ปุ่น
