ผู้จัดการออนไลน์ - อดีตเอกอัครราชทูตไทยชี้เป็นเรื่องสุดวิปริตที่รัฐบาลไทยปล่อยให้ “นักโทษ” ใช้พาสปอร์ตลอยชายโจมตีประเทศตัวเองจนอังกฤษต้องระงับวีซ่า ชี้รัฐบาลผู้ดีอาจมองว่า “สมการการเมือง” ไทยเปลี่ยนแน่จึงไม่อยากให้คนคนเดียวทำลายความสัมพันธ์ยาวนานกว่า 300 ปี แนะจับตาสถานการณ์ต่อไปหากมีประเทศรับ “ทักษิณ” เป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์
จากกรณีที่เมื่อช่วงหัวค่ำวันศุกร์ที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา เว็บไซต์ “ผู้จัดการออนไลน์” ได้เผยแพร่ข้อมูลจากแหล่งข่าวจากคณะกรรมการดำเนินงานด้านธุรกิจการบิน (Airport Operations Committee: AOC) หรือ เอโอซี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ย. นายแอนดี เกรย์ ผู้จัดการฝ่ายติดต่อกิจการตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานพรมแดนสหราชอาณาจักร สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำกรุงเทพฯ ได้ส่งอีเมลถึงสายการบินที่เป็นสมาชิกเอโอซี เพื่อแจ้งเตือนให้ทราบว่า สำนักงานพรมแดนฯ ได้ยกเลิกวีซ่าเข้าสหราชอาณาจักรที่ถือโดยบุคคลสัญชาติไทย ดังนี้ ทักษิณ ชินวัตร หนังสือเดินทางไทยหมายเลข D215863 และพจมาน ชินวัตร หนังสือเดินทางไทยหมายเลข D206635 เพราะวีซ่าที่ประทับในหนังสือเดินทางดังกล่าวไม่สามารถใช้ได้ต่อไป และขอแนะนำสายการบินทั้งหลายว่าอย่าได้นำผู้โดยสารทั้งสองคนเข้าสหราชอาณาจักร
วันนี้ (8 พ.ย.) นายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูตไทยหลายประเทศได้ให้สัมภาษณ์ “ผู้จัดการออนไลน์” ถึงกรณีดังกล่าวว่า ข่าวดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าประเทศอังกฤษยอมรับและเคารพในหลักนิติธรรม และนิติรัฐ โดยยอมรับในคำตัดสินของศาลไทยและกระบวนการยุติธรรมของไทยที่ตัดสินคดีคุณหญิงพจมาน มีความผิดจริงจากกรณีหลีกเลี่ยงภาษีกรณีซื้อขายหุ้น บ.ชินวัตร คอมพิวเตอร์ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกศาลฎีกาตัดสินให้จำคุก 2 ปีจากกรณีทำผิดกฎหมาย ป.ป.ช.กรณีจัดซื้อที่ดินรัชดาฯ ทั้งนี้ นายสุรพงษ์ได้ตั้งข้อสังเกตต่อกรณีดังกล่าวไว้หลายประการ ดังนี้
ในกรณีแรก นายสุรพงษ์ ระบุว่า เข้าใจว่าวีซ่าที่สหราชอาณาจักรออกให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และภรรยาก่อนหน้านี้ เป็นวีซ่าธุรกิจ แบบที่สามารถเข้าออกประเทศอังกฤษได้หลายครั้ง (Multiple) โดยเมื่อเข้าครั้งหนึ่งทางตรวจคนเข้าเมืองอังกฤษก็จะอนุญาตให้อยู่ได้ 60 วัน หรือ 90 วัน เป็นต้น และการเพิกถอนวีซ่าดังกล่าวแสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมานต่อไปนี้หากจะเดินทางเข้าประเทศอังกฤษก็ต้องขอวีซ่าเป็นครั้งๆ ไป
“ผมเข้าใจว่ากรณีนี้หมายความว่า ถ้าคุณทักษิณกับภรรยาจะเข้าประเทศอังกฤษอีก ก็จะต้องยื่นขอวีซ่าเป็นครั้งไป โดยไม่สามารถเข้าประเทศอังกฤษได้โดยอัตโนมัติอีกต่อไปแล้ว” นายสุรพงษ์กล่าว
ชี้น่าอายไทยเฉย จนต้องให้อังกฤษไล่
ประการต่อมา อดีตเอกอัครราชทูตไทย 5 ประเทศ ได้ชี้ให้เห็นว่า การลงมือระงับวีซ่าของรัฐบาลอังกฤษดังกล่าว ถือว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยต้องอับอาย และแสดงเห็นว่าขนาดประเทศอังกฤษที่รัฐบาลมีอิสระในการตัดสินใจว่าจะให้ใครเข้าหรือไม่เข้าประเทศ จะให้ใครลี้ภัยหรือไม่ก็ได้ ยังมีท่าทีเช่นนี้ต่อนักโทษหนีคดีของไทย ขณะที่รัฐบาลไทยกลับไม่ทำอะไร ทั้งยังแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลอังกฤษไม่ต้องการจะทำลายความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนานกับประเทศไทย รวมถึงผลประโยชน์มหาศาลของอังกฤษในไทยด้วย
“สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงว่า แม้แต่อังกฤษยังเห็นความสำคัญของหลักนิติรัฐ นิติธรรม แต่รัฐบาลไทยกลับไม่ทำอะไร คนที่เป็นนักโทษ ถูกพิพากษาแล้วรัฐบาลยังไม่ยึดพาสปอร์ตคืน ไม่ต้องว่าเป็นพาสปอร์ตแดง แต่พาสปอร์ตธรรมดาก็ด้วยต้องยึดคืนให้หมด ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลไทยไม่เคารพกฎหมายและไม่ทำตามหลักนิติรัฐ” อดีตทูตไทยกล่าวพร้อมระบุด้วยว่า
“ไม่มีประเทศไหนให้นักโทษ ผู้ต้องโทษถือพาสปอร์ตเดินทางไปไหนมาไหนได้ ถือเป็นเรื่องที่วิปริตมาก ทักษิณไม่มีสิทธิถือหนังสือเดินทางแม้แต่ฉบับเดียว และในทางปฏิบัติจริงๆ แล้ว เมื่อถอนพาสปอร์ตแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมานต้องไปขอ CI หรือ Certificate of Identity ที่สถานทูตไทยในประเทศนั้นๆ เพื่อให้สามารถเดินทางกลับไทยได้อย่างเดียว ไม่มีสิทธิ์ไปโน่นมานี่ทั้งสิ้น แต่การถอนพาสปอร์ตดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ได้เป็นคนไทย คุณยังคงมีสัญชาติไทยอยู่ เหมือนกับกรณีที่คนทำพาสปอร์ตหายในต่างประเทศ ก็ต้องขอ CI ที่สถานทูตเพื่อเดินทางกลับประเทศ”
อังกฤษไม่เสี่ยงกับ “ทักษิณ”
นอกจากนี้ นายสุรพงษ์ยังให้ความเห็นด้วยว่า รัฐบาลอังกฤษอาจมองเห็นก็ได้ว่า “สมการอำนาจ” ของการเมืองไทย ณ เวลานี้คงจะเปลี่ยนแปลง โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่น่าจะกลับมามีอำนาจได้อีก เพราะการตัดสินใจระงับวีซ่าของ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมานดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการช่วยเหลือภาคประชาชนของไทยที่ต่อสู้กับระบอบทักษิณ โดยช่วยยืนยันถึงความยุติธรรมของกระบวนการยุติธรรมของไทย
“เขายังเห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอังกฤษที่มีมาช้านานอย่างน้อย 300 ปี ทั้งในส่วนของราชวงศ์ รัฐบาล ประชาชน ภาคเอกชน และผลประโยชน์ที่อังกฤษมีในไทยจำนวนมหาศาล เขาไม่เอาสิ่งเหล่านี้ไปเสี่ยงกับคนคนเดียว ก็คือทักษิณ” นายสุรพงษ์กล่าว
อาจใช้พาสปอร์ต ปท.อื่นกลับอังกฤษได้
ต่อกรณีที่มีข่าวว่า ประเทศเบอร์มิวดา บาฮามาส หรือประเทศหลายแห่งในทวีปแอฟริกาออกมาประกาศว่าพร้อมให้สิทธิ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์นั้นจะมีผลหรือไม่กับการออกหนังสือเดินทางใหม่ของประเทศนั้นๆ ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ นายสุรพงษ์ให้ความเห็นว่า ประเทศเหล่านี้ก็มีสิทธิ์ในการออกหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อใช้เดินทางกลับเข้าอังกฤษอีกได้ อย่างไรก็ตามความซับซ้อนของเรื่องราวก็อยู่ที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางด้วยพาสปอร์ตของประเทศนั้นๆ เพื่อเดินทางและดำเนินกิจกรรมใดที่ส่งผลต่อประเทศไทยหรือไม่ด้วย
“ก็เป็นไปได้ที่ประเทศเหล่านี้จะออกหนังสือเดินทางให้คุณทักษิณ แต่คุณทักษิณก็ยังถือว่าเป็นคนไทยอยู่ แต่เขาก็อาจจะใช้พาสปอร์ตบาฮามาสเพื่อเดินทางกลับเข้าอังกฤษอีกได้ เพราะบาฮามาสเป็นสมาชิกในเครือจักรภพอังกฤษ” อดีตเอกอัครราชทูตไทย กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายสุรพงษ์ได้ชี้ให้เห็นว่า ประเด็นสำคัญคือ พ.ต.ท.ทักษิณใช้พาสปอร์ตของประเทศนั้นๆ เพื่อเดินทางไปยังประเทศใดบ้าง โดยถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้พาสปอร์ตของประเทศอื่น เดินทางกลับเข้าประเทศอังกฤษได้อีกก็แสดงว่าอังกฤษไม่จริงใจกับประเทศไทย ทั้งยังต้องดูต่อไปด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณใช้พาสปอร์ตของประเทศนั้นไปในประโยชน์และดำเนินการทางการเมืองด้วยหรือไม่
“ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเขาใช้พาสปอร์ตบาฮามาสเดินทางเข้าประเทศจีน แล้วเขาใช้จีนเป็นฐานเพื่อเคลื่อนไหวทางการเมือง ด่าประเทศไทย ไทยเราก็ต้องจี้ไปทางจีนว่า ปล่อยให้คุณทักษิณทำอย่างนี้ได้อย่างไร เพราะการกระทำดังกล่าวถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายใน”