อังกฤษยกเลิกวีซ่าสองคนผัวเมียที่หลบหนีคดี “ทักษิณ-พจมาน” เผยร่อนอีเมล์แจ้งสายการบินทั่วโลกห้ามให้โดยสารเข้าประเทศ “พงศ์เทพ” ไม่เชื่อข่าว ปัดไม่รู้นายใหญ่-นายหญิงอยู่ไหน
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการดำเนินงานด้านธุรกิจการบิน (Airport Operations Committee: AOC) หรือ เอโอซี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ย. นายแอนดี เกรย์ ผู้จัดการฝ่ายติดต่อกิจการตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานพรมแดนสหราชอาณาจักร สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำกรุงเทพฯ ได้ส่งอีเมล์ถึงสายการบินที่เป็นสมาชิกเอโอซีเพื่อแจ้งเตือนให้ทราบว่า สำนักงานพรมแดนฯ ได้ยกเลิกวีซ่าเข้าสหราชอาณาจักรที่ถือโดย บุคคลสัญชาติไทยดังนี้ ทักษิณ ชินวัตร หนังสือเดินทางไทยหมายเลข D215863 และพจมาน ชินวัตร หนังสือเดินทางไทยหมายเลข D206635 เพราะวีซ่าที่ประทับในหนังสือเดินทางดังกล่าวไม่สามารถใช้ได้ต่อไป จึงขอแนะนำสายการบินทั้งหลายว่าอย่าได้นำผู้โดยสารทั้งสองคนเข้าสหราชอาณาจักร
แหล่งข่าวกล่าวว่า หนังสือดังกล่าวทางสายการบินที่อยู่ในไทยคงจะได้รับพร้อมๆกับสายการบินอื่นๆ ทั่วโลกเท่ากับว่า ทักษิณ และ พจมาน ที่ขณะนี้อาศัยอยู่ที่ฮ่องกงไม่สามารถบินเข้าอังกฤษได้แล้วตั้งแต่ที่สายการบินได้รับหนังสือแจ้งเตือนนี้ โดยหากสายการบินไหนฝ่าฝืนก็จะมีโทษ
ล่าสุด รายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์ เดอะเนชั่น ยืนยันถึงการยกเลิกวีซ่าดังกล่าว แต่ระบุว่าเจ้าหน้าที่ของสถานทูตอังกฤษปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ โดยระบุว่า “ไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆ ได้กับเรื่องเชิงนโยบาย”
หลายฝ่ายเชื่อว่า การยกเลิกวีซ่าอังกฤษดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่ศาลชั้นต้นของไทยตัดสินให้ คุณหญิงพจมาน มีความผิดจริงจากกรณีหลีกเลี่ยงภาษีกรณีซื้อขายหุ้น บ.ชินวัตร คอมพิวเตอร์ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกศาลฎีกาตัดสินให้จำคุก 2 ปีจากกรณีทำผิดกฎหมาย ป.ป.ช. กรณีจัดซื้อที่ดินรัชดาฯ นอกจากนี้ สาเหตุอีกส่วนหนึ่งอาจเกิดจากเนื้อหาการโทรศัพท์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่โทรเข้ามาพูดคุยกับม็อบเสื้อแดงของเขาที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันเสาร์ที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมาด้วย ซึ่งในเนื้อหามีข้อความหมิ่นศาลยุติธรรมของไทยอย่างชัดเจน ทั้งยังหมิ่นเหม่ว่าจะกระทบต่อสถาบันกษัตริย์ของไทยอีกด้วย
แหล่งข่าวของเนชั่นที่คุ้นเคยกับกฎหมายและนโยบายต่างประเทศของอังกฤษให้ความเห็นว่า การยกเลิกวีซ่าดังกล่าวอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสถานะการอยู่ในประเทศอังกฤษของ พ.ต.ท.ทักษิณ ณ วันที่ออกวีซ่ากับสถานะในปัจจุบันก็เป็นได้
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า การยกเลิกวีซ่าดังกล่าวถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับทักษิณและภรรยาที่เชื่อว่ากำลังเดินทางจากประเทศจีนไปยังฟิลิปปินส์ อย่างไรก็ตามวีซ่าของบุตรทั้ง 3 คน ของ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมานก็ยังคงสามารถใช้ได้อยู่
ด้านนักการเมืองอาวุโสในพรรคพลังประชาชนที่เพิ่งเดินทางไปประเทศจีนเพื่อพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากล่าวกับเนชั่นทางโทรศัพท์ว่า ตนเองไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับกรณีนี้
สำหรับรัฐบาลอังกฤษเอง ถือว่ากำลังตกอยู่ภายใต้การจับตาของสังคมโลกจากกรณีให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลี้ภัย โดยประเด็นทีจะต้องพิจารณามีมากไม่ว่าจะชื่อเสียงในการเป็นประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตย แง่มุมของกฎหมาย และที่สำคัญคือความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษกับประเทศไทยที่มีมาอย่างยาวนานอีกด้วย
“พงศ์เทพ-นพดล” ยังไม่เชื่อข่าว
ด้าน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา เลขานุการส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบรายละเอียดเรื่องสถานเอกอัครราชฑูตอังกฤษประจำประเทศไทย ทำหนังสือถึงสายการบินต่างๆ เพื่องดให้บริการนำ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา เข้าประเทศอังกฤษ เนื่องจากในระยะนี้ไม่ได้มีการติดต่อกับ พ.ต.ท.ทักษิณเลย
นายพงศ์เทพ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวไม่เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริง แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง ก็น่าจะเป็นขั้นตอน ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณก็พร้อมที่จะชี้แจงข้อมูล และตอนนี้ตนไม่ทราบว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ พำนักอยู่ที่ใด ทราบเพียงว่า เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีการโฟนอินผ่านรายการความจริงวันนี้สัญจร ครั้งที่ 2 นั้น พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ที่ฮ่องกง
ด้าน นายนพดล ปัทมะ อดีตทนายของ พ.ต.ท.ทักษิณ และอดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่าสายการบินต่างๆ ก็คงไม่ทำอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลในลักษณะนี้ เนื่องจากการปฏิเสธผู้โดยสารจะทำให้ภาพลักษณ์ของสายการบินเสียหาย ที่สำคัญ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน สามารถใช้สายการบินอะไรก็ได้ หรือใช้เครื่องบินส่วนตัวก็ได้อีกเหมือนกัน
“ผมไม่ทราบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เพราะยังไม่ได้ตรวจสอบกับท่านทักษิณ แต่ถ้าให้พิจารณา ประเด็นน่าจะอยู่ที่ว่า สมมติหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของอังกฤษจะไม่อนุญาตให้บุคคลใดเข้าประเทศ ซึ่งเขามีสิทธิทำได้เพราะเป็นเรื่องอธิปไตยของแต่ละประเทศ ก็ไม่จำเป็นต้องส่งอีเมลไปยังสายการบิน เพียงแต่แจ้งไปยังหน่วยตรวจคนเข้าเมืองทุกแห่งว่าวีซ่าของ นาย ก. นาย ข.ขาดอายุก็สามารถปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศได้อยู่แล้ว”
นายนพดล ยังกล่าวด้วยว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ควรออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ และไม่ควรเดินขบวนไปกดดันสถานทูตอังกฤษ เพราะจะยิ่งสร้างความเสียหายกับตัวเอง ไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องวีซ่าหรือเรื่องสายการบิน คงไม่มีใครมาสนใจการกดดันของพันธมิตร เนื่องจากแต่ละฝ่ายมีสิทธิพิจารณาได้เองอยู่แล้ว