นายกฯ วางมาดนิ่งไม่วิตก 30 ส.ส.เพื่อไทย บินพบ “พ่อแม้ว” ที่เกาะกง วอนให้นักการเมืองคำนึงถึงความสงบของบ้านเมือง เข้าใจความรู้สึกอดีตผู้นำที่ต้องเคลื่อนไหว ยอมรับได้รับรายงานแล้วว่าญี่ปุ่นไม่ให้เข้าประเทศ ไม่หวั่นฝ่ายค้านตีรวนสภา แต่เป็นเกมนอกสภามากกว่า
วันนี้ (5 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ 30 ส.ส.พรรคเพื่อไทย เตรียมเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เกาะกง ประเทศกัมพูชา ว่า การพบปะกันเขาก็ทำกันอยู่แล้วเป็นประจำ ตนไม่ได้คิดว่าจะมีปัญหาอะไร แต่ก็อยากจะฝากไว้ว่าขณะนี้ประชาชนต้องการเห็นบ้านเมืองสงบ และต้องการเห็นทุกฝ่ายช่วยกันแก้ไขปัญหามากกว่าความขัดแย้งทางการเมือง เพราะฉะนั้นจึงอยากให้ฝ่ายการเมืองทุกคนได้คิดถึงจุดนี้
“พอดีท่านนายกฯทักษิณ ไม่ได้อยู่ประเทศไทย ท่านอาจจะไม่ทราบว่าความเดือดร้อนตรงนี้คืออะไร ดังนั้น ถ้าหากปัญหาความขัดแย้งและปัญหาด้านการเมืองลุกลามมันจะส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง ผมจึงอยากให้คนที่อยู่ที่นี่ที่เป็นฝ่ายการเมืองได้คิดถึงให้มากที่สุด”
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการประเมินหรือไม่ว่า ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ จึงออกมาเคลื่อนไหวในช่วงเวลานี้ที่ปัญหาการเมืองค่อนข้างหนัก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความจริงก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน พอจะเข้าใจได้ว่า ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องเคลื่อนไหว เมื่อถามว่า มีข่าวว่าจะมีการใช้นานาชาติกดดันประเทศไทย รวมทั้งใช้ความเคลื่อนไหวทั้งในและนอกสภา เพื่อให้รัฐบาลยุบสภาใน 3 เดือน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สามารถเคลื่อนไหวได้ ในส่วนของเราก็ไม่ได้วิตกกังวลอะไร แต่สำหรับต่างประเทศตนคิดว่าในช่วงเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ก็เข้าใจดี อาจมีเพียงบางประเด็นที่สื่อต่างประเทศติดใจในหลักการของเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งตนกล้ายืนยันได้ว่า รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากกว่ารัฐบาลในหลายปีที่ผ่านมา ตนก็ยังแปลกใจว่าทำไมมีนักวิจารณ์บางคนไปพูดว่าเรื่องนี้รัฐบาลจะทำจริงจังได้แค่ไหน เพราะต้องเกรงใจกองทัพ ขณะเดียวกัน กลับไม่เคยไปมองว่ารัฐบาลก่อนหน้านี้ ไม่แม้แต่จะหยิบเรื่องนี้มาพูดเลย เงียบ แต่เราหยิบมาพูด อย่างไรก็ตามรัฐบาลก็เห็นใจฝ่ายปฏิบัติ
“อย่างกรณีโรฮิงยาก็ต้องเห็นใจคนปฏิบัติ ว่า จะทำอย่างไรกับคนที่หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายจำนวนมาก ซึ่งมาทางทะเลในส่วนของต่างประเทศก็ต้องชี้แจงกันไป นายปภิณธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก็ทำงานหนัก ในการประสานกับต่างประเทศและองค์กรเอกชน ซึ่งระยะหลังก็ได้ความเข้าใจที่ดีขึ้น รมว.ต่างประเทศ ก็เร่งทำความเข้าใจกับยูเอ็นเอชซีอาร์ ส่วนประเด็นปัญหาอื่นไม่มี ยกเว้นเรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างเดียว ที่ต่างประเทศให้ความห่วงใย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนความเคลื่อนไหวในสภาก็เป็นเรื่องธรรมดา อาจจะไม่ราบรื่นนัก เพราะเสียงในสภา และองค์ประชุมก็เป็นปัญหาเรื้อรัง แต่ทุกอย่างก็ทำได้ตามเป้าหมาย ทั้งการผ่านข้อกฎหมายและข้อตกลงต่างๆ ตอนนี้ก็เหลือเพียงการเคลื่อนไหวนอกสภา ก็ต้องพยายามรักษากฎหมายไม่ให้มีความรุนแรง ยอมรับว่า เรื่องนี้ยากที่สุด แต่ก็คิดว่ายังสามารถทำได้อยู่ และสิ่งสำคัญ รัฐบาลต้องเดินหน้าแก้ปัญหาต่อไปให้ได้ ซึ่งในการทำงานของรัฐบาลช่วงสั้นๆ ที่เข้ามา ก็สามารถผลักดันงานต่างๆ ให้เดินหน้าไปได้ และถ้าสามารถรักษามาตรฐานนี้ได้ต่อไปก็จะเดินหน้าต่อไปได้ไม่มีปัญหา
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะใช้เวลาทำงานเท่าไหร่ถึงจะประเมินผล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความจริงต้องประเมินอยู่ตลอดเวลา อย่างกรณีของ นายวิฑูรย์ นามบุตร อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ก็ได้ประเมินตัวเองว่าการอยู่ในตำแหน่งจะเป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้าของรัฐบาล ท่านก็เสียสละด้วยการลาออก ก็เป็นตัวบ่งบอกว่านักการเมืองในส่วนของรัฐบาลต้องการให้การแก้ปัญหาทุกอย่างเดินหน้า
เมื่อถามว่า แต่ขณะนี้สถานะของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่อดีตนายกฯ แต่มีคดีติดตัวที่ต้องเร่งดำเนินการ รัฐบาลจะขอความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านให้ส่งตัวกลับมาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบดูเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไปๆ มาๆ จึงไม่ง่ายนักในการที่จะประสานกับประเทศต่างๆ อย่างไรก็ตาม ก็อยากจะให้ท่านเดินทางกลับมาเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และเท่าที่ทราบ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เดินทางมาประเทศกัมพูชาบ่อย ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร และเชื่อว่า มิตรประเทศของเรา คงไม่มีประเทศไหนที่จะให้ใช้ประเทศของเขาเป็นฐานในการเคลื่อนไหวทางการเมือง ในลักษณะต่อต้านรัฐบาล ส่วนสิทธิเสรีภาพในการที่จะเดินทางไปไหนนั้น ก็อยู่ที่แต่ละประเทศจะพิจารณา
เมื่อถามว่า ล่าสุด ดูเหมือนญี่ปุ่นจะไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศ เพราะมีชื่ออยู่ในบัญชีผู้ต้องโทษ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ก็นี่แหล่ะครับเป็นเรื่องของแต่ละประเทศ ที่จะพิจารณา เพราะแต่ละประเทศก็มีกฎเกณฑ์ของตัวเอง ทั้งนี้ ผมได้รับทราบเรื่องนี้ เป็นรายงานเข้ามา แต่ไม่ได้ไปสอบถามจากฝ่ายญี่ปุ่น”