หน.พรรคปลาไหล แนะ “มาร์ค” เปิดใจกว้างอย่ากระจายงบแบบกระจุกตัว พ้อกระทรวงในอาณัติได้งบน้อย ลั่นยังไม่ถึงเวลาปรับ ครม.ใครมีปัญหาก็ปรับออก ระบุ “แม้ว” โฟนอินเป็นเรื่องปกติ เพราะยังมีเยื่อใยต่อเพื่อไทย บ่นนักการเมืองรุ่นใหม่แค่นอมินี ยอมรับนักการเมืองรุ่นเก่าสูญพันธุ์เพราะรธน.ปี 50
วันนี้ (5 ก.พ.) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปฮ่องกง ถึงผลสำรวจกรุงเทพโพลล์ที่ระบุว่ารัฐบาลทำงานไม่เข้าตาประชาชนแค่สอบผ่านว่า การเมืองมีข้อจำกัด แม้จะวาดภาพดีเลิศแค่ไหน แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลเองด้วย ดังนั้น การบริหารงานของรัฐบาล ที่เป็นไปได้ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยและใจกว้าง ถ้าสามารถทำอย่างนี้ได้ก็ไม่มีปัญหาเกิดขึ้น
เมื่อถามว่ามีการเสนอให้ปรับ ครม. นายบรรหาร กล่าวว่า ยังไม่จำเป็นต้องปรับในขณะนี้ คนไหนที่มีปัญหาก็ว่าไป เวลานี้เขาก็ลาออกไปแล้วตั้งคนเข้ามาใหม่ก็แค่นั้น ส่วนกรณีนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งแจกนามบัตรนั้นตนเห็นว่าความผิดยังไม่ชัดเจน แค่เอานามบัตรให้เพื่อบอกว่าฉันเป็นใครเท่านั้นไม่น่าจะมีความผิด กฎหมายไม่ได้ระบุเอาไว้ และสิ่งของทั้งหมดเป็นของส่วนราชการ ที่นายบุญจงรับผิดชอบที่ผ่านมามีคนทำแบบนี้เยอะทั้งรัฐมนตรี หรือ ส.ส.เพียงแต่ไม่มีการหยิบยกมาพูดเท่านั้น
เมื่อถามว่า เร็วเกินไปหรือไม่ที่โพลล์สำรวจออกมาอย่างนี้ทั้งที่รัฐบาลทำงานได้เดือนกว่า นายบรรหาร กล่าวว่า ต้องดูว่าโพลมาอย่างไร ลองดูสวนดุสิตโพลว่าอย่างไร โพลแต่ละแห่งไม่เหมือนกัน ตนมองว่าจะมีอะไรแอบแฝง
“ผมพูดตรงๆ ว่าน่าจะให้โอกาสรัฐบาลบ้าง ไม่ใช่จะบอกแต่ว่าไอ้นั้นไอ้นี่ไม่ดีแล้วจะให้เอาใครมาเป็นรัฐบาล ถ้าไม่ดีทั้งหมดก็หมดตัวแล้ว เพราะบุคลลที่สำคัญเช่นผมก็ติดการเมือง 5 ปี จนผมต้องเดินเตะฝุ่น หางานทำอยู่ เวลานี้ต้องไปอยู่กับเจ้าพ่อ(มังกร)แล้ว” นายบรรหาร กล่าว
เมื่อถามว่า กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเคลื่อนไหวให้กำลังใจ ส.ส.พรรคเพื่อไทยและประกาศกลับมาเป็นนายกฯ อีกว่า เป็นความเห็นของท่าน ตนเห็นว่าเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ มีปัญหาก็ต้องมาต่อสู้ การโฟนอินมาที่ลูกพรรคเป็นเรื่องธรรมดาเพราะพรรคนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ดูแล ยังไม่จืดจางลงไป ยังมีเยื่อใยอยู่ ตนจึงมองว่าการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มาพูดจาอะไรเป็นเรื่องปกติ
เมื่อถามว่า มีโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะกลับเป็นรัฐบาลอีกหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ต้องดูการเลือกตั้งครั้งต่อไปในอนาคตจะเป็นอย่างไร ได้รับความนิยมแค่ไหน ส่วนที่มองว่าจะส่งผลกับการทำงานของรัฐบาลหรือไม่นั้นอาจจะมีบ้าง
“ผมเรียนตรงๆ ว่า T WHO T IT ภาษาอังกฤษเขาว่าอย่างนั้น ไปแปลเอาเองแล้วกัน อาจจะมีการกระทบบ้างแต่ไม่ถึงกับง่อนแง่นอะไรตอนนี้ อย่างการประชุมสภาที่เกิดปัญหาครั้งที่แล้วเพราะเหตุว่าเป็นเรื่องวาระเพื่อทราบ เผอิญผู้แทนเห็นว่าเย็นแล้วไม่มีอะไรจึงกลับกันแล้วเกิดการนับองค์ประชุมและท้าทายกันในสภาขึ้น” นายบรรหารกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านจะยื่นญัติติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ตนให้หลักกับพรรคประชาธิปัตย์ไปเมื่อตอนเชิญเราร่วมรัฐบาลว่า การเป็นผู้นำรัฐบาลหรือเป็นแกนนำนั้นต้องใจกว้างอย่าใจแคบกับพรรคร่วมรัฐบาลแล้วจะไม่มีปัญหา
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามองว่าพรรคประชาธิปัตย์ใจกว้างหรือไม่ เพราะเอางบกลางเอามาไว้ที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายบรรหารกล่าวว่า ถ้าให้ตนพูดตรงๆ การเอางบกลางมารวมที่นี่ตนไม่เห็นด้วยเท่าใด เพราะงบประตุ้นเศรษฐกิจต้องกระจายให้มากที่สุด เราต้องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่ที่รัฐาลให้ไปไม่แก้ปัญหาเลย ถ้าจะฟื้นฟูกันจริงๆ ก็เรื่องการท่องเที่ยวที่จะต้องเพิ่มให้ ที่ผ่านมาให้งบแค่ 500 กว่าล้านบาทเท่านั้น หรืออย่างถนนปลอดฝุ่นน่าจะให้ไป เพราะไม่ใช่งานที่ทำ 4-5 เดือนเสร็จ เมื่อเงินลงไปก็จะได้แรงงาน ประชาชนก็จะมีเงินไปใช้จ่าย และสะท้อนกลับมาเป็นภาษี หรือโครงการแจกเงิน 2,000 บาท กับคนที่เงินเดือนไม่ถึง 15,000 บาทนั้นตนว่าไม่ฟื้นเศรษฐกิจ เป็นการเอาเงินไปใส่กระเป๋าเฉยๆเพราะเขาอาจเอาไปเก็บก็ได้
เมื่อถามว่า ทางรัฐบาลอ้างว่าเอางบมาเก็บที่สำนักเลขาฯสามารถทำโครงการขอได้ นายบรรหาร กล่าวว่า ที่ให้ขอมาง่ายหรือยากต้องดูด้วยจะพิจารณาอย่างไรก็ไม่รู้ นอกจากนี้ อย่างกระทรวงเกษตร ได้แค่ 2,000 ล้านทั้งที่งบเพิ่มเติมกว่าแสนล้านทั้งที่มีความสำคัญ แต่บางกระทรวงกลับไม่หน้าได้ถึงขนาดนั้น
เมื่อถามว่า กรณีที่สามรัฐมนตรีโหวตรับหลักการงบประมาณเพิ่มเติมถือว่ามีความผิดหรือไม่ บรรหาร กล่าวว่า ความจริงรัฐธรรมนูญกำหนดว่า ผู้แทนเป็นรัฐมนตรีไม่ให้โหวต แต่สองรัฐบาลที่ผ่านก็มีการโหวตกัน แต่ไม่มีใครทักท้วง มารัฐบาลนี้ เมื่อฝ่ายค้านหยิบยกขึ้นมาก็เป็นปัญหา ทั้งนี้ก็แล้วแต่ส่วนเจตนารมณ์ของรัฐธรมนูญจะเป็นเรื่องการไว้วางใจหรือการโหวต ตนไม่ทราบ ส่วนตนมองการทำงานของฝ่ายค้านชุดนี้ว่า มีหน้าที่ติติงรัฐบาล และรัฐบาลก็มีหน้าที่ต้องดูแล การทำงานทุกอย่างให้เรียบร้อยรอบครอบ ฝีมือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย หัวหน้าฝ่ายค้านก็นับว่าใช้ได้ ตนก็ยังเป็นแฟน ร.ต.อ.เฉลิมอยู่ พวกๆเดียวกันทั้งนั้นไม่ว่ารัฐบาลหรือฝ่ายค้าน สลับวนอย่างนี้อย่าไปคิดอะไรมาก ตอนนี้คนไม่มีแล้วโดยเฉพาะนักการเมืองเก่าๆ หายหมดแล้วเพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 ขณะนี้นักการเมืองที่มีอยู่ก็นอมินีทั้งนั้น ทั่วประเทศเลย
เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่ฝ่ายค้านเสนอออกกฎหมายนิรโทษกรรมว่าตอบไม่ได้ ตนอยู่ข้างนอกดีอยู่แล้วการที่จะนิรโทษกรรมก็แล้วแต่ความเหมาะสม ตนไม่มีความคิดเห็น