“จตุพร” โผล่อีกรายแจงแทน “นช.แม้ว” ไม่ได้พูดอยากกลับมาเป็นประธานาธิบดี แค่เปรียบต่อสู้อย่าง “เนลสัน แมนเดลลา” เท่านั้น จวก “สุเทพ” ใส่ร้ายหน้าด้านๆ ทั้งยังไม่สำนึกอ้างนายถูกกระทำ เตรียมเอาคืนแน่ หนุนออก กม.นิรโทษกรรมซากศพ ตะแบงไม่ได้รับความเป็นธรรม
วันนี้ (4 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องการกลับมาเป็นประธานาธิบดี ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พูดในวันที่ดีสเตชั่นจัดรายการ (วันที่ 25 ม.ค.) โดยยกตัวอย่าง เนลสัน แมนเดลลา ที่ถูกคนผิวขาวสั่งจำคุก 20 ปี แต่สุดท้ายต่อสู้แล้วไม่ผิดและได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง ซึ่งประเทศแอฟริกาปกครองโดยระบอบประธานาธิบดี แต่ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้พูดว่าอยากกลับมาเป็นประธานาธิบดีสักคำ
นายจตุพร กล่าวอีกว่า กรณีนี้เป็นการจงใจใส่ร้าย นายสุเทพ พูดเหมือนกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเป็นการใส่ร้ายอย่างหน้าด้านๆ ทำเหมือนลิงหลอกเจ้า วิธีการที่จะใส่ร้ายได้ดีที่สุด คือ การใส่ร้ายเรื่องความไม่จงรักภักดี
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า จะเล่นหนักขึ้นหากถูกเล่นหนักขึ้นนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ใครจะยอมถูกทำร้ายฝ่ายเดียว เป็นปฏิกิริยาของคนที่ถูกกระทำ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ต้องต่อสู้
สำหรับกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย เสนอแนวคิดออกกฎหมายนิรโทษกรรมคดีอาญาที่เกิดขึ้นกับคนทุกกลุ่มนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ขบวนการหลัง 19 ก.ย. 2549 ไม่มีความเป็นธรรม ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด คือ คตส.นอกจากนี้ สมัยที่มีการยุบพรรคไทยรักไทยก็มีการออกกฎหมายย้อนหลังตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ซึ่งหลักกฎหมายทั่วโลกนั้นไม่มี เหมือนกับกรณีที่ดินรัชดา พ.ต.ท.ทักษิณ ทำตามสัญญาทุกอย่าง แต่คนที่ทำถูกต้องทุกอย่างกลับติดคุก ซึ่งมันผิดหมด
อนึ่ง วานนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวต่อกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเข้าไปยังห้องสัมมนาพรรคเพื่อไทย ที่เขาใหญ่ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ว่า จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ซึ่ง นายสุเทพ ได้ตอบเชิงประชดประชัน ว่า คงอยากจะกลับมาเป็นประธานาธิบดี ซึ่งทำให้นักการเมืองในเครือข่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ต่างไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าต้องการกลับมาเป็นประธานาธิบดี หมายถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศ จึงพากันเรียงหน้าออกมาตอบโต้แทนนาย ไม่ว่าจะเป็นนายนพดล ปัทมะ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น มีหลายกรณีที่ทำตัวคล้ายประธานาธิบดี เช่น มีเครื่องบินประจำตำแหน่ง, การรวบอำนาจการตัดสินใจทั้งหมดไว้ที่ตัวเองคนเดียว และให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงทำหน้าที่เหมือนเป็นแค่เลขานุการด้านนั้นๆ ที่สำคัญ คือ บุคคลที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการเป็นประธานาธิบดี คือ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน พระครูบาอาจารย์ที่มีลูกศิษย์ลูกหาอยู่ทั่วประเทศ (อ่าน“หลวงตา” ลั่นขวางประธานาธิบดี-เตือน “ทักษิณ” จบแบบ “เทวทัต”) รวมทั้งมีคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ หลายคนมีพฤติกรรมหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจนถูกดำเนินคดี บางคนต้องหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ ขณะที่ การพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เอง หลายครั้งก็หมิ่นเหม่เป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เปรียบเทียบตัวเองกับ นายเนลสัน แมนเดลลา ในเรื่องการต่อสู้เพื่อความถูกต้องนั้น น่าจะไม่สามารถเปรียบเทียบได้ เพราะ นายแมนเดลลา ต่อสู้เพื่อสิทธิเสมอภาคของคนผิวดำด้วยอุดมการณ์อย่างแท้จริง โดยไม่หวั่นไหวต่อโทษทัณฑ์ใดๆ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อสู้เพื่อให้ตัวเองได้อำนาจทางการเมือง และใช้อำนาจนั้นเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจของตัวเอง และเมื่อถูกดำเนินคดีข้อหาทุจริตและถูกตัดสินให้ถูกจำคุกก็หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ ใช้จ่ายเงินเดินทางปีละกว่า 100 ล้านบาท ต่างกันอย่างลิบลับกับ นายแมนเดลลา ที่ยอมติดคุก 20 ปี จนกระทั่งพ้นโทษ
เป็นที่น่าสังเกตอีกว่า เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกกล่าวหา บรรดานักการเมืองในเครือข่ายต่างพากันเดือดร้อนออกมาแก้ตัวแทนเป็นทิวแถว แต่ขณะเดียวกัน ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ กลับกล่าวหาคนอื่นไปทั่ว เช่น กล่าวหา นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ว่า เป็นผู้ก่อการร้ายยึดสนามบิน กล่าวหาพันธมิตรฯ ว่า ปิดสนามบินสร้างความเสียหายนับแสนล้านบาท กล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์ ว่า เป็นพรรคที่ตั้งมาเพื่อทำลายคนอื่น กล่าวหาว่าศาลไม่มีความยุติธรรม กล่าวหาว่า “อภิสิทธิ์ชน” กลั่นแกล้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นต้น ซึ่งผู้ที่ถูกกล่าวหาเหล่านั้นไม่มีใครเดือดร้อนออกมาตอบโต้ เพราะเป็นข้อกล่าวหาที่ขาดน้ำหนัก