ปส.โชว์ผลงานจับแก๊งสาวไทยลวงเหยื่อค้าโคเคนข้ามชาติรายใหญ่ เครือข่ายคนดำแอฟริกัน ยึดของกลางโคเคน 19 ก้อน ตำรวจระบุเครือข่ายดังกล่าวจะอาศัยอยู่ในไทย มีเมียไทยคอยล่อลวงหญิงสาวที่ทำงานตามสถานบริการในย่านเที่ยวของชาวต่างชาติ รับจ้างขนยาเสพติดไปยังอินเดีย และจีน โดยวิธีกลืนยาลงท้อง หรือถือกระเป๋าเปล่าพรางตานำไปชอปปิ้งแต่ซุกซ่อนยาอยู่ โดยเหยื่อไม่รู้ว่าถูกหลอกให้ทำ
วันนี้ (6 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.ปส. พล.ต.ท.กฤษณะ ผลอนันต์ เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ต.อดิเทพ ปัญจมานนท์ พล.ต.ต.อมเรศฤทธิ์ วัฒนวิบูลย์ รอง ผบช.ปส. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม น.ส.นิชานาถ หรือจันทร์จิรา หรืออ้อย ปุสสะรังสี อายุ 37 ปี พักอยู่ห้องเลขที่ 3/66 ชั้น 4 อาคารรีเจนท์อพาร์ตเม้นต์ ซอยอ่อนนุช 17 แยก 20 แขวงและเขตสวนหลวง และนางวรรณ หรือ จอย วิริยานนท์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/1 หมู่ 6 ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 22/2552 และ 21/2552 ลงวันที่ 4 ก.พ.52 ในข้อหาสนับสนุนช่วยเหลือผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (โดยการชักชวนหญิงไทยให้ไปทำการลำเลียงยาเสพติดให้กับคนดำแอฟริกันที่ค้ายา) พร้อมของกลางโคเคนจำนวน 19 ก้อน น้ำหนักรวม 226 กรัม กัญชาจำนวน 1 ถุงเล็ก
พล.ต.ท.วุฒิ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากปัจจุบันกงสุลไทยในประเทศจีน และอินเดีย ได้รายงานถึงกระทรวงการต่างประเทศว่ามีหญิงไทยที่ถูกจับกุมในคดีลักลอบค้ายาเสพติดในประเทศดังกล่าวจำนวนมากถึง 68 คน แบ่งเป็นประเทศจีน 58 คน และประเทศอินเดีย 10 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกจับพร้อมพบยาเสพติดที่กลืนอยู่ในท้อง โดยหญิงจำนวน 58 คน ที่ถูกจับในจีนนั้น ถูกตัดสินประหารชีวิตไปแล้ว 6 ราย รอการลงโทษ 2 ปี ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต 11 ราย จำคุก 15 ปี 4 ราย จำคุก 12 ปี 1 ราย ไม่รู้ข้อมูลการตัดสิน 4 ราย ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการพิจารณาคดี
พล.ต.ท.วุฒิ กล่าวต่อว่า หญิงไทยที่ถูกจับทั้งหมดนั้นเป็นเหยื่อถูกหลอกให้ขนยาเสพติดไปโดยขบวนการหลอกลวงหญิงไทย ที่จะเข้ามาในรูปต่างๆ เช่นหลอกว่าจะให้ไปทำงานเป็นคนรับใช้ ทำงานในร้านอาหาร ใช้ให้ถือกระเป๋าเปล่าไปซื้อผ้า หรือเตรียมขนของที่ช็อปปิ้งในต่างประเทศกลับมา แต่ภายในกระเป๋ามียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ หรือหลอกให้กลืนก้อนยาเสพติดโดยหลอกว่า สิ่งที่กินไปคือเงิน-ทองหนีภาษี บางคนก็รู้ว่าเป็นยาเสพติดแต่ด้วยเงินค่าจ้างจำนวนมากจึงทำ
จนเดือน พ.ค.51 ที่ผ่านมา ตนพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ส.จึงได้เดินทางไปทั้งสองประเทศ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาหลักฐานจับกุมขบวนการที่หลอกลวงหญิงไทยขบวนการนี้ จนพบว่าขบวนการนี้คือเครือข่ายค้ายาเสพติดของกลุ่มคนดำแอฟริกัน (West African) ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย มีภรรยาเป็นคนไทยคอยทำหน้าที่ติดต่อล่อลวงให้ผู้หญิงที่ทำงานตามร้านอาหาร สถานบริการ ในย่านท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ ให้ขนยาเสพติดไปยังทั้งสองประเทศ และจากการสืบสวนนานถึง 9 เดือนก็พบว่า น.ส.นิชานาถ หรือเจ้าของฉายา “อ้อย อินเดีย” และนางวรรณา คือตัวการร่วมมือกับกลุ่มคนผิวดำแอฟริกันล่อลวงหญิงไทย จึงขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญาในวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.วุฒิ กล่าวต่อว่า กระทั่งวานนี้ 5 ก.พ. เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม น.ส.นิชานาถ ได้ที่ห้องพักดังกล่าว พร้อมของกลางโคเคน จำนวน 16 ก้อน และพาสปอร์ตของหญิงไทยที่อีก 1 คน ซึ่งเชื่อว่าเป็นเหยื่อที่ถูกหลอกส่งยาเสพติดดังกล่าวไปยังต่างประเทศ และจับกุมนางวรรณา ได้ที่บริเวณหน้าห้างพาต้าปิ่นเกล้า ถนนบรมราชชนนี แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด ขณะเตรียมนำโคเคนจำนวน 3 ก้อน ไปส่งให้ชาวผิวดำ ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำ
พล.ต.ท.วุฒิ กล่าวอีกว่า จากการสอบสวน น.ส.นิชานาถ ในตอนแรกรับสารภาพแค่ว่าติดต่อหญิงไทยให้เดินทางไปยังจีนและอินเดียเพียงแค่ 5 คน แต่ภายหลังเมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งว่าหากให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการช่วยเหลือหญิงที่ถูกจับกุมในต่างประเทศ ก็จะเป็นช่วยลดโทษให้ เจ้าตัวจึงรับสารภาพว่า ร่วมมือกับกลุ่มคนผิวดำแอฟริกันหลอกลวงหญิงไทยให้นำยาเพติดไปจริง และรับปากว่าจะให้ข้อมูลช่วยเหลือหญิงไทยที่ถูกหลอกไปยังต่างประเทศ
ด้านนางวรรณา ให้การทั้งน้ำตานองหน้าว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยนำลักลอบขนโคเคนไปประเทศอินเดีย มาเลเซีย และจีน โดยเมื่อไปถึงก็ได้ค่าจ้างมา 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนจะมาถูกจับที่ประเทศจีน และถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย ซึ่งตนฝากเตือนหญิงไทยว่า อย่าได้เชื่อคนหลอกลวงเหล่านี้อีก และจะช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ด้วยการให้ข้อมูลกลุ่มคนดำให้มากที่สุด
พล.ต.ท.วุฒิ กล่าวด้วยว่า ทาง บช.ปส.และ ป.ป.ส. ฝากเตือนไปยังผู้ปกครอง ญาติ และเพื่อนร่วมงานของหญิงไทยที่ประกอบอาชีพในร้านอาหาร สถานบริการสำหรับชาวต่างชาติ รวมทั้งประชาชนทั่วไป ให้ระมัดระวังหากมีบุคคลผู้มาชักชวนให้เดินทางไปยังต่างประเทศเเพื่อทำงานที่ได้ค่าจ้างสูง อาจจะตกเป็นเป็นเหยื่อของขบวนการเหล่านี้จนอาจถูกจับกุม และได้รับโทษถึงขั้นประหารชีวิตในต่างประเทศก็เป็นได้
วันนี้ (6 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.ปส. พล.ต.ท.กฤษณะ ผลอนันต์ เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ต.อดิเทพ ปัญจมานนท์ พล.ต.ต.อมเรศฤทธิ์ วัฒนวิบูลย์ รอง ผบช.ปส. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม น.ส.นิชานาถ หรือจันทร์จิรา หรืออ้อย ปุสสะรังสี อายุ 37 ปี พักอยู่ห้องเลขที่ 3/66 ชั้น 4 อาคารรีเจนท์อพาร์ตเม้นต์ ซอยอ่อนนุช 17 แยก 20 แขวงและเขตสวนหลวง และนางวรรณ หรือ จอย วิริยานนท์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/1 หมู่ 6 ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 22/2552 และ 21/2552 ลงวันที่ 4 ก.พ.52 ในข้อหาสนับสนุนช่วยเหลือผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (โดยการชักชวนหญิงไทยให้ไปทำการลำเลียงยาเสพติดให้กับคนดำแอฟริกันที่ค้ายา) พร้อมของกลางโคเคนจำนวน 19 ก้อน น้ำหนักรวม 226 กรัม กัญชาจำนวน 1 ถุงเล็ก
พล.ต.ท.วุฒิ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากปัจจุบันกงสุลไทยในประเทศจีน และอินเดีย ได้รายงานถึงกระทรวงการต่างประเทศว่ามีหญิงไทยที่ถูกจับกุมในคดีลักลอบค้ายาเสพติดในประเทศดังกล่าวจำนวนมากถึง 68 คน แบ่งเป็นประเทศจีน 58 คน และประเทศอินเดีย 10 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกจับพร้อมพบยาเสพติดที่กลืนอยู่ในท้อง โดยหญิงจำนวน 58 คน ที่ถูกจับในจีนนั้น ถูกตัดสินประหารชีวิตไปแล้ว 6 ราย รอการลงโทษ 2 ปี ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต 11 ราย จำคุก 15 ปี 4 ราย จำคุก 12 ปี 1 ราย ไม่รู้ข้อมูลการตัดสิน 4 ราย ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการพิจารณาคดี
พล.ต.ท.วุฒิ กล่าวต่อว่า หญิงไทยที่ถูกจับทั้งหมดนั้นเป็นเหยื่อถูกหลอกให้ขนยาเสพติดไปโดยขบวนการหลอกลวงหญิงไทย ที่จะเข้ามาในรูปต่างๆ เช่นหลอกว่าจะให้ไปทำงานเป็นคนรับใช้ ทำงานในร้านอาหาร ใช้ให้ถือกระเป๋าเปล่าไปซื้อผ้า หรือเตรียมขนของที่ช็อปปิ้งในต่างประเทศกลับมา แต่ภายในกระเป๋ามียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ หรือหลอกให้กลืนก้อนยาเสพติดโดยหลอกว่า สิ่งที่กินไปคือเงิน-ทองหนีภาษี บางคนก็รู้ว่าเป็นยาเสพติดแต่ด้วยเงินค่าจ้างจำนวนมากจึงทำ
จนเดือน พ.ค.51 ที่ผ่านมา ตนพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ส.จึงได้เดินทางไปทั้งสองประเทศ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาหลักฐานจับกุมขบวนการที่หลอกลวงหญิงไทยขบวนการนี้ จนพบว่าขบวนการนี้คือเครือข่ายค้ายาเสพติดของกลุ่มคนดำแอฟริกัน (West African) ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย มีภรรยาเป็นคนไทยคอยทำหน้าที่ติดต่อล่อลวงให้ผู้หญิงที่ทำงานตามร้านอาหาร สถานบริการ ในย่านท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ ให้ขนยาเสพติดไปยังทั้งสองประเทศ และจากการสืบสวนนานถึง 9 เดือนก็พบว่า น.ส.นิชานาถ หรือเจ้าของฉายา “อ้อย อินเดีย” และนางวรรณา คือตัวการร่วมมือกับกลุ่มคนผิวดำแอฟริกันล่อลวงหญิงไทย จึงขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญาในวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.วุฒิ กล่าวต่อว่า กระทั่งวานนี้ 5 ก.พ. เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม น.ส.นิชานาถ ได้ที่ห้องพักดังกล่าว พร้อมของกลางโคเคน จำนวน 16 ก้อน และพาสปอร์ตของหญิงไทยที่อีก 1 คน ซึ่งเชื่อว่าเป็นเหยื่อที่ถูกหลอกส่งยาเสพติดดังกล่าวไปยังต่างประเทศ และจับกุมนางวรรณา ได้ที่บริเวณหน้าห้างพาต้าปิ่นเกล้า ถนนบรมราชชนนี แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด ขณะเตรียมนำโคเคนจำนวน 3 ก้อน ไปส่งให้ชาวผิวดำ ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำ
พล.ต.ท.วุฒิ กล่าวอีกว่า จากการสอบสวน น.ส.นิชานาถ ในตอนแรกรับสารภาพแค่ว่าติดต่อหญิงไทยให้เดินทางไปยังจีนและอินเดียเพียงแค่ 5 คน แต่ภายหลังเมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งว่าหากให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการช่วยเหลือหญิงที่ถูกจับกุมในต่างประเทศ ก็จะเป็นช่วยลดโทษให้ เจ้าตัวจึงรับสารภาพว่า ร่วมมือกับกลุ่มคนผิวดำแอฟริกันหลอกลวงหญิงไทยให้นำยาเพติดไปจริง และรับปากว่าจะให้ข้อมูลช่วยเหลือหญิงไทยที่ถูกหลอกไปยังต่างประเทศ
ด้านนางวรรณา ให้การทั้งน้ำตานองหน้าว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยนำลักลอบขนโคเคนไปประเทศอินเดีย มาเลเซีย และจีน โดยเมื่อไปถึงก็ได้ค่าจ้างมา 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนจะมาถูกจับที่ประเทศจีน และถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย ซึ่งตนฝากเตือนหญิงไทยว่า อย่าได้เชื่อคนหลอกลวงเหล่านี้อีก และจะช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ด้วยการให้ข้อมูลกลุ่มคนดำให้มากที่สุด
พล.ต.ท.วุฒิ กล่าวด้วยว่า ทาง บช.ปส.และ ป.ป.ส. ฝากเตือนไปยังผู้ปกครอง ญาติ และเพื่อนร่วมงานของหญิงไทยที่ประกอบอาชีพในร้านอาหาร สถานบริการสำหรับชาวต่างชาติ รวมทั้งประชาชนทั่วไป ให้ระมัดระวังหากมีบุคคลผู้มาชักชวนให้เดินทางไปยังต่างประเทศเเพื่อทำงานที่ได้ค่าจ้างสูง อาจจะตกเป็นเป็นเหยื่อของขบวนการเหล่านี้จนอาจถูกจับกุม และได้รับโทษถึงขั้นประหารชีวิตในต่างประเทศก็เป็นได้
