นครบาล สั่งเน้นจุดตรวจเป้าหมายล่อแหลมต่อการก่อเหตุ กดดันแก๊งมีประวัติก่ออาชญากรรม พร้อมมีคำสั่งให้ ผบก.น.7 เด้ง “พ.ต.ท.ศุภมิตร สุขเจริญ” ไปปฏิบัติหน้าที่ อก.บก.น.7 อย่างไม่มีกำหนด และเพิ่มหน้าที่ บก.จร.ดูแลโทลล์เวย์ ทางด่วนทุกจุด ทางคู่ขนานลอยฟ้า ป้องกันเหตุร้าย ออกภาพสเกตช์มือยิงแบงก์กรุงเทพ สะพานขาว
วันนี้ (30 มี.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) มีคำสั่งเรียกประชุมระดับผู้บังคับบัญชาสังกัด บช.น.ประกอบด้วย รอง ผบช.น.ทุกนาย รวมทั้งระดับ ผบก.และรอง ผบก.ทั้งหมด ที่ห้องปารุสกวัน 1 เกี่ยวกับหัวข้อเรื่องการปรับแผนและมาตราการการก่อเหตุป่วนเมือง และเหตุระเบิด โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ได้เรียก ผบก.และรอง ผบก.ที่คุมงานด้านสายตรวจและฝ่ายสืบสวน เข้ามาประชุมเพื่ออธิบายรายละเอียด 3 ประการ ที่ได้มอบหมายไปเมื่อคืนที่ผานมา และประเมินผลตั้งแต่ที่มีการปรับแผนไปแล้ว ซึ่งถือว่าได้ผลพอสมควรในการปรับการตั้งจุดตรวจ และการกดดันต่างๆ โดยเรื่องแรกเป็นเรื่องของการเคลียร์จุดตรวจเดิมทั้งหมดของสถานีตำรวจ โดยเน้นพื้นที่เป้าหมายที่น่าจะมีการก่อเหตุมากที่สุดเป็นหลัก วางระบบสายตรวจทั้งนอกเครื่องแบบและที่เสริมเข้าไป คือ ในเครื่องแบบ พร้อมอาวุธ เพื่อป้องกันอันตรายในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชน เรื่องที่ 2 เป็นเรื่องงานสืบสวนโดยเน้นให้ไปกดดัน กลุ่มบุคคลหรือแก๊งต่างๆที่มีประวัติ และมีแนวโน้มว่าจะก่อเหตุอาชญากรรม
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า เรื่องที่ 3 คือ ให้ทุกหน่วยไปวางระบบในการกำกับงานที่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทั้งก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ เช่น กรณีเหตุในท้องที่ สน.บางพลัด เมื่อมีเหตุเกิดซ้ำแล้วไม่ดำเนินการตามขั้นตอนของการปฏิบัติ จึงมีคำสั่งให้ พล.ต.ต.ไพศาล เชื้อรอต ผบก.น.7 สั่งย้าย พ.ต.ท.ศุภมิตร สุขเจริญ รอง ผกก.ปป.สน.บางพลัด ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ไปปฏิบัติราชการที่ อก.บก.น.7 และให้ พ.ต.ท.กฤชพล พิชิตภัย รอง ผกก.ปป.สน.ศาลาแดง มาปฏิบัติหน้าที่แทน โดยไม่มีกำหนดจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ในท้องที่อื่นๆ เช่นเดียวกันหากปล่อยปละละเลยให้เกิดเหตุร้ายแรงซ้ำซ้อนในพื้นที่จะต้องถูกสั่งปรับย้าย แต่การปรับย้ายนั้นไม่ใช่เกิดเหตุแล้วสั่งย้ายทันที จะต้องดูขั้นตอนการปฏิบัติงาน และมาตรการในการป้องกันเหตุด้วย
ส่วนกรณีของ พ.ต.ท.เชษฐา สว่างสุข รอง ผกก.ปป.สน.บางยี่ขัน ไม่ได้มีการสั่งปรับย้ายเพียงแต่ พ.ต.ท.เชษฐา ติดภารกิจต้องไปเข้าโรงเรียน จึงมีคำสั่งให้ พ.ต.ท.สุรสิทธิ์ สุทธิพันธุ์ รอง ผกก.ปป.สน.บางเสาธง มาปฏิบัติหน้าที่แทน เนื่องจาก สน.บางเสาธง ไม่มีพื้นที่เสี่ยง ซึ่งผบช.น.ได้มอบนโยบายให้ทุก บก.ในกรณีที่ไม่มีผู้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ให้สามารถปรับเอา สน.ที่ไม่มีเหตุมาปฏิบัติหน้าที่ได้ชั่วคราว
“ในส่วนที่เพิ่มเติม คือ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.ได้มอบหมายให้ทุก บก.และทุก สน.ไปกำหนดลำดับความสำคัญในพื้นที่ เช่น ในท้องที่ของตัวเองมีสถานที่สำคัญใดบ้างที่มีแนวโน้มความเสี่ยงมากที่สุด แล้วให้เร่งดำเนินการ นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มภารกิจสำคัญของ บก.จร.ในการดูแลพื้นที่สูงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโทล์เวย์ ทางด่วนทุกจุด และทางคู่ขนานลอยฟ้า ส่วนที่จะต้องมีการเพิ่มเติมต่อไปอีก คือ ผบช.น.ได้มีนโยบายให้ทุก บก.ปรับรอง ผบก.ที่รับผิดชอบงานด้านปราบปรามโดยตรงห้ามซ้ำซ้อนกับงานอื่น ซึ่งภายหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมจะให้เลือก รอง ผบก.ที่มีความสามารถมากที่สุดในการดูแลงานด้านสายตรวจมารับผิดชอบโดยตรง และมีการคาดโทษเอาไว้ว่า หากบกพร่องต่อหน้าที่ก็จะให้รองฝ่ายอำนวยการ 4 คน ที่อยู่ในบก.น.ไปปรับเปลี่ยน” พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว
ออกภาพสเกตช์มือยิงแบงก์กรุงเทพ สะพานขาว
ต่อมา เมื่อเวลา 16.40 น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เปิดเผยความคืบหน้าคดีที่คนร้ายป่วนเมืองใช้อาวุธปืนยิงใส่ธนาคารกรุงเทพ สาขาสะพานขาว ถนนหลานหลวง ท้องที่ สน.นางเลิ้ง จำนวน 5 นัด กระจกแตกเป็นรูพรุนเหตุเกิดค่ำวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า ภายหลังสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ และสอบปากคำพยานแวดล้อมพยานที่เห็นเหตุการณ์เสร็จสิ้น พร้อมตรวจสอบภาพคนร้ายที่ปรากฎในกล้องวงจรปิดจุดต่างๆ รอบบริเวณ ซึ่งสามารถนำไปสู่การออกภาพสเก็ตช์คนร้ายที่ก่อเหตุได้แล้ว เป็นมือปืนที่ยิงใส่ธนาคารกรุงเทพฯสาขาดังกล่าว โดยรูปในภาพสเกตช์นั้น เป็นชายไทย ตัดผมสั้น ผิวดำแดง สูงประมาณ 165 เซ็นติเมตร อายุประมาณ 30 ปี สวมหมวกแก๊ปสีแดง สวมเสื้อแจ็คเก็ตสีเขียว กางเกงยีนส์ มีผ้าคาดปากสีแดง
ตั้งรางวัลนำจับ 2 แสน
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวอีกว่า ได้มีการตั้งรางวัลสำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแสและรางวัลนำจับคนร้าย เป็นเงิน 2 แสนบาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง จะแจกจ่ายภาพสเก็ตช์ไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
ขณะเดียวกัน ได้สั่งการพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทางคดีให้ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุดนำไปสู่การขออนุมัติหมายจับจากศาลต่อไป
สำหรับคนร้ายที่ปรากฎในภาพสเกตช์นี้เป็นหนึ่งคนร้ายที่ลงมือยิง โดยซ้อน รถ จยย.มาจอดบริเวณฝั่งตรงข้ามธนาคาร จากนั้นเดินข้ามถนนมาหน้าธนาคาร แล้วพูดกับพยานในที่เกิดเหตุว่า ให้หลบออกไปตนเองจะยิงธนาคารกรุงเทพ จากนั้นชักปืนออกมายิงใส่ธนาคาร 5 นัดและวิ่งหนีไปยังฝั่งตรงข้าม
วันนี้ (30 มี.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) มีคำสั่งเรียกประชุมระดับผู้บังคับบัญชาสังกัด บช.น.ประกอบด้วย รอง ผบช.น.ทุกนาย รวมทั้งระดับ ผบก.และรอง ผบก.ทั้งหมด ที่ห้องปารุสกวัน 1 เกี่ยวกับหัวข้อเรื่องการปรับแผนและมาตราการการก่อเหตุป่วนเมือง และเหตุระเบิด โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ได้เรียก ผบก.และรอง ผบก.ที่คุมงานด้านสายตรวจและฝ่ายสืบสวน เข้ามาประชุมเพื่ออธิบายรายละเอียด 3 ประการ ที่ได้มอบหมายไปเมื่อคืนที่ผานมา และประเมินผลตั้งแต่ที่มีการปรับแผนไปแล้ว ซึ่งถือว่าได้ผลพอสมควรในการปรับการตั้งจุดตรวจ และการกดดันต่างๆ โดยเรื่องแรกเป็นเรื่องของการเคลียร์จุดตรวจเดิมทั้งหมดของสถานีตำรวจ โดยเน้นพื้นที่เป้าหมายที่น่าจะมีการก่อเหตุมากที่สุดเป็นหลัก วางระบบสายตรวจทั้งนอกเครื่องแบบและที่เสริมเข้าไป คือ ในเครื่องแบบ พร้อมอาวุธ เพื่อป้องกันอันตรายในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชน เรื่องที่ 2 เป็นเรื่องงานสืบสวนโดยเน้นให้ไปกดดัน กลุ่มบุคคลหรือแก๊งต่างๆที่มีประวัติ และมีแนวโน้มว่าจะก่อเหตุอาชญากรรม
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า เรื่องที่ 3 คือ ให้ทุกหน่วยไปวางระบบในการกำกับงานที่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทั้งก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ เช่น กรณีเหตุในท้องที่ สน.บางพลัด เมื่อมีเหตุเกิดซ้ำแล้วไม่ดำเนินการตามขั้นตอนของการปฏิบัติ จึงมีคำสั่งให้ พล.ต.ต.ไพศาล เชื้อรอต ผบก.น.7 สั่งย้าย พ.ต.ท.ศุภมิตร สุขเจริญ รอง ผกก.ปป.สน.บางพลัด ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ไปปฏิบัติราชการที่ อก.บก.น.7 และให้ พ.ต.ท.กฤชพล พิชิตภัย รอง ผกก.ปป.สน.ศาลาแดง มาปฏิบัติหน้าที่แทน โดยไม่มีกำหนดจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ในท้องที่อื่นๆ เช่นเดียวกันหากปล่อยปละละเลยให้เกิดเหตุร้ายแรงซ้ำซ้อนในพื้นที่จะต้องถูกสั่งปรับย้าย แต่การปรับย้ายนั้นไม่ใช่เกิดเหตุแล้วสั่งย้ายทันที จะต้องดูขั้นตอนการปฏิบัติงาน และมาตรการในการป้องกันเหตุด้วย
ส่วนกรณีของ พ.ต.ท.เชษฐา สว่างสุข รอง ผกก.ปป.สน.บางยี่ขัน ไม่ได้มีการสั่งปรับย้ายเพียงแต่ พ.ต.ท.เชษฐา ติดภารกิจต้องไปเข้าโรงเรียน จึงมีคำสั่งให้ พ.ต.ท.สุรสิทธิ์ สุทธิพันธุ์ รอง ผกก.ปป.สน.บางเสาธง มาปฏิบัติหน้าที่แทน เนื่องจาก สน.บางเสาธง ไม่มีพื้นที่เสี่ยง ซึ่งผบช.น.ได้มอบนโยบายให้ทุก บก.ในกรณีที่ไม่มีผู้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ให้สามารถปรับเอา สน.ที่ไม่มีเหตุมาปฏิบัติหน้าที่ได้ชั่วคราว
“ในส่วนที่เพิ่มเติม คือ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.ได้มอบหมายให้ทุก บก.และทุก สน.ไปกำหนดลำดับความสำคัญในพื้นที่ เช่น ในท้องที่ของตัวเองมีสถานที่สำคัญใดบ้างที่มีแนวโน้มความเสี่ยงมากที่สุด แล้วให้เร่งดำเนินการ นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มภารกิจสำคัญของ บก.จร.ในการดูแลพื้นที่สูงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโทล์เวย์ ทางด่วนทุกจุด และทางคู่ขนานลอยฟ้า ส่วนที่จะต้องมีการเพิ่มเติมต่อไปอีก คือ ผบช.น.ได้มีนโยบายให้ทุก บก.ปรับรอง ผบก.ที่รับผิดชอบงานด้านปราบปรามโดยตรงห้ามซ้ำซ้อนกับงานอื่น ซึ่งภายหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมจะให้เลือก รอง ผบก.ที่มีความสามารถมากที่สุดในการดูแลงานด้านสายตรวจมารับผิดชอบโดยตรง และมีการคาดโทษเอาไว้ว่า หากบกพร่องต่อหน้าที่ก็จะให้รองฝ่ายอำนวยการ 4 คน ที่อยู่ในบก.น.ไปปรับเปลี่ยน” พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว
ออกภาพสเกตช์มือยิงแบงก์กรุงเทพ สะพานขาว
ต่อมา เมื่อเวลา 16.40 น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เปิดเผยความคืบหน้าคดีที่คนร้ายป่วนเมืองใช้อาวุธปืนยิงใส่ธนาคารกรุงเทพ สาขาสะพานขาว ถนนหลานหลวง ท้องที่ สน.นางเลิ้ง จำนวน 5 นัด กระจกแตกเป็นรูพรุนเหตุเกิดค่ำวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า ภายหลังสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ และสอบปากคำพยานแวดล้อมพยานที่เห็นเหตุการณ์เสร็จสิ้น พร้อมตรวจสอบภาพคนร้ายที่ปรากฎในกล้องวงจรปิดจุดต่างๆ รอบบริเวณ ซึ่งสามารถนำไปสู่การออกภาพสเก็ตช์คนร้ายที่ก่อเหตุได้แล้ว เป็นมือปืนที่ยิงใส่ธนาคารกรุงเทพฯสาขาดังกล่าว โดยรูปในภาพสเกตช์นั้น เป็นชายไทย ตัดผมสั้น ผิวดำแดง สูงประมาณ 165 เซ็นติเมตร อายุประมาณ 30 ปี สวมหมวกแก๊ปสีแดง สวมเสื้อแจ็คเก็ตสีเขียว กางเกงยีนส์ มีผ้าคาดปากสีแดง
ตั้งรางวัลนำจับ 2 แสน
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวอีกว่า ได้มีการตั้งรางวัลสำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแสและรางวัลนำจับคนร้าย เป็นเงิน 2 แสนบาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง จะแจกจ่ายภาพสเก็ตช์ไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
ขณะเดียวกัน ได้สั่งการพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทางคดีให้ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุดนำไปสู่การขออนุมัติหมายจับจากศาลต่อไป
สำหรับคนร้ายที่ปรากฎในภาพสเกตช์นี้เป็นหนึ่งคนร้ายที่ลงมือยิง โดยซ้อน รถ จยย.มาจอดบริเวณฝั่งตรงข้ามธนาคาร จากนั้นเดินข้ามถนนมาหน้าธนาคาร แล้วพูดกับพยานในที่เกิดเหตุว่า ให้หลบออกไปตนเองจะยิงธนาคารกรุงเทพ จากนั้นชักปืนออกมายิงใส่ธนาคาร 5 นัดและวิ่งหนีไปยังฝั่งตรงข้าม
