“เป็ดเหลิม” ตั้งกระทู้ จี้ “มาร์ค” เผยความผิดกลุ่ม พธม.กลางสภา มั่วยัดข้อหาผู้ก่อการร้ายสากล เสนอปลด “กษิต” ออกจาก รมว.ต่างประเทศ ด้าน “มาร์ค” สวมบทนิ่ง ยึดหลักการโต้ ยันไม่ใช่นอมินี พธม.แต่ไม่ขอเปิดเผยความผิด เพราะจะเป็นการชี้นำ ย้อนถามมาตรฐานแกนนำ พธม.ในความหมาย “เฉลิม” เป็นอย่างไร
วันนี้ (22 ม.ค.) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณากระทู้ถามสด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ถามนายกรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินคดีความกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯ มีมาตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปี 2551 จากการประท้วงคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จนกระทั่งมีการบุกปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล มีการสลายการชุมนุม พร้อมยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้ดำเนินการใช้ความรุนแรง แต่ความบังเอิญในการทำหน้าที่ แล้ววันนี้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้พิจารณาสรุปความผิดออกมา รวมถึงเหตุการณ์ปิดสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ซึ่งการชุมนุมเคลื่อนไหวพันธมิตรฯถือเป็นการกระทำผิด โดยเฉพาะ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ ได้ประกาศสงครามเก้าทัพ อยากถามว่า นายสนธิ เป็นใครที่มาประกาศเช่นนี้ เพราะเป็นเรื่องของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน จึงจะประกาศได้ อยากถามว่า การกระทำของพันธมิตรฯผิดตามกฎหมายหรือไม่ ถ้ามีความผิดอะไรบ้าง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้มาชี้แจงด้วยตัวเอง ว่า ตนไม่ได้เป็นนอมินีกลุ่มพันธมิตรฯ และจะไม่ตอบว่าการกระทำของพันธมิตรฯจะมีความผิดหรือไม่ เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่เป็นฝ่ายปฏิบัติ เพราะหากพูดไปแล้วจะเป็นการชี้นำ ขอยืนยันจุดยืน ไม่ว่าเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย โดยหลักการรัฐบาลในแถลงนโยบายชัดเจนว่าต้องการสมานฉันท์ความสามัคคีของคนในชาติ ซึ่งจะต้องอยู่บนความถูกต้องและมีความยุติธรรม จึงได้กำชับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่า ใครทำผิดอะไร โดยทุกคดี ขอให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา อย่าละเว้น กลั่นแกล้ง อย่าถ่วงเวลาแต่อย่ารวบรัดจนเกินไป
ส่วนคดีที่เกี่ยวข้องพันธมิตรฯมีทั้งหมด 30 คดี ดำเนินการเสร็จแล้ว 4 คดี สอบสวนยังไม่เสร็จ 24 คดี และอยู่ระหว่างการพิจารณา 2 คดี ส่วนเหตุการณ์บุกยึดทำเนียบรัฐบาล ได้มีการสอบสวน และส่งให้อัยการแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินงานตามขั้นตอน ส่วนกรณีเหตุการณ์ 7 ต.ค.นั้น อยู่ระหว่างการสอบสวนและแจ้งดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหา ส่วนกรณีคดีปิดสนามบินดอนเมือง อยู่ระหว่างการสอบสวน โดยพิจารณาไปแล้ว 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนคดีปิดสนามบินสุวรรณภูมิ สอบสวนไปคืบหน้า 30 เปอร์เซ็นต์ ขอยืนยันว่า จะมีความคืบหน้าทุกคดี ส่วนคดีแพ่งผู้เสียหายกำลัง มีการรวบรวมความเสียหายอยู่จะมีการยื่นต่อไป
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม ยังได้ถามว่า นายกฯรู้เห็นกับการชุมนุมของพันธมิตรฯหรือไม่ โดยได้อ้างคำปราศรัยของแกนนำพันธมิตรฯได้ปราศรัยทวงบุญคุณที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็นรัฐบาล และนายอภิสิทธิ์ ได้เป็นนายกฯ เพราะการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยเฉพาะ นายสนธิ ได้ประกาศบนเวที ว่า รัฐบาลอย่ามาแตกหักกับกลุ่มพันธมิตรฯ พี่น้องพร้อมลุกขึ้นฮืออีกครั้ง ซึ่งการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯต้องดูในภาพรวม เพราะถือเป็นการก่อการร้ายสากล แต่นายกฯกลับตั้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายสากลเข้ามาเป็น รมว.ต่างประเทศ รวมถึงตั้งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีอยู่ในรัฐบาลถึง 6-7 ตำแหน่ง เหมือนเป็นการกระทืบหัวใจประชาชน
นอกจากนี้ ยังขอให้นายกฯ ปลด นายกษิต ภิรมย์ ออกจากตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ เพราะเป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อให้ไปต่อสู้คดี อย่างไรก็ตาม หากนายกฯไม่พูดว่ามีความผิดหรือไม่ ก็ขอตั้งคำถามว่าการยึดสนามบินเป็นความผิดการก่อการร้ายสากลหรือไม่ แล้วจะมีการตั้งแกนนำพันธมิตรฯเข้ามาทำงานในรัฐบาลอีกหรือไม่ และในพรรคประชาธิปัตย์ยังมีพันธมิตรฯอีกกี่คน นอกจากนี้ ยังได้ระบุถึงการเรียกนายตำรวจมาสั่งรื้อฟื้น 4 คดี เป็นความไม่เข้าใจผิดของนายกฯ เพราะแต่ละคดีมีอายุความถึง 20 ปี ไม่จำเป็นต้องไปรื้อคดีใหม่
นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า การเชิญตำรวจหลายคนเข้ามารายงานนั้น ไม่ได้สั่งห้ามทำคดีใดเพียงสอบถามความคืบหน้าและปัญหาอุปสรรคในคดีต่างๆ ไม่ได้สั่งรื้อฟื้นคดีแต่อย่างใด หากเห็นว่าการกระทำของตนไม่เหมาะสม ก็ขอให้ย้อนกลับไปดูรัฐบาลของท่านที่เรียกมาบอกว่าอย่าทำคดีนั้นคดีนี้ จนเป็นที่มาของปัญหาทุกวันนี้
“วันนี้ผมจะไม่โกรธใคร เพราะผมตั้งใจทำงานให้กับประชาชน แม้บางคนจะเคยปรามาสว่าผมไม่มีโอกาสเป็นนายกฯ ถ้าจะได้เป็นนายกฯ ก็รอให้หิมะตกในประเทศ อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า จะทำงานด้วยความถูกต้อง ถ้าทำแล้วมีผลต้องพ้นจากตำแหน่งก็ยอม เพราะความถูกต้องต้องอยู่เหนือประโยชน์อื่นใด”
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงอีกว่า กรณีผู้ชุมนุมปิดสนามบินสองแห่ง เป็นเหตุการณ์ก่อนจะมารับผิดชอบ หน่วยงานที่ได้รับความเสียหายได้มีการแจ้งความไปแล้วในข้อหาร่วมกันบุกรุกสถานที่ราชการในเวลากลางคืน ดังนั้น ข้อกล่าวหาการก่อการร้ายสากล จึงเป็นความคิดของ ร.ต.อ.เฉลิม ตนก็เคารพ ส่วนกรณีของ นายกษิต นั้น ทางกลุ่มพันธมิตรฯไม่ได้ตั้งเป็นแกนนำ แต่ถ้าผลสอบออกมามีมูลก็ไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งได้ วันนี้ รมว.ต่างประเทศ ต้องทำงานหนักในการเรียกความเชื่อมั่นจากต่างประเทศคืนมา โดยวันนี้ผู้นำประเทศอาเซียนทุกประเทศได้ตอบรับจะเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนแล้ว ส่วนจะมีการตั้งพันธมิตรฯเข้ามาทำงานอีกกี่คน ไม่แน่ใจว่าจะตอบได้หรือไม่ เพราะไม่ทราบระบุได้ว่าใครเป็นพันธมิตรฯในมาตรฐานของ ร.ต.อ.เฉลิม