xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” ฟุ้งแผนฟื้นฟู ศก.เจ๋ง สลัดทิ้งแผนส่งเสริมการออม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
นายกฯ มั่นใจเกินร้อย มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รักษากำลังซื้อเดินมาถูกทางแล้ว รับปากจะรักษาระดับไม่ให้เกิดภาวะเงินฝืด ค้านมาตรการส่งเสริมการออม ชี้เป็นเรื่องอนาคต ย้ำ ครม.อนุมัติกรอบการกู้เงิน หวังสำรองเผื่อใช้ ยันทำตาม กม.ทุกขั้นตอน


วันนี้ (3 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนออกมาแสดงความห่วงแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลที่เกรงจะไปไม่ถึงเป้าหมายว่า ขอเรียนว่ามาตรการชุดแรกที่ออกมาเป็นเพียงมาตรการระยะสั้นในการรักษากำลังซื้อ แต่มาตรการชุดที่ 2-3 ที่จะต้องออกมาจะปรับเข้าสู่แนวทางเอง ตนไม่ได้บอกว่ามาตรการที่ทำไปอย่างนี้จะเป็นมาตรการที่ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เป็นมาตรการที่จำเป็นต้องทำในขณะนี้ ยิ่งที่ตนเดินทางไประชุมต่างประเทศมาจะเห็นได้ชัดทุกประเทศยืนยันจะต้องรักษากำลังซื้อในประเทศของตัวเองให้มากที่สุด และมีประสิทธิภาพที่สุด ไม่เช่นนั้นจะกระทบกันไปหมด ดังนั้น ขอยืนยันว่ามาตรการที่ทำไปเป็นมาตรการระยะสั้น ซึ่งมาตรการในระยะต่อไปคงไม่ใช่อยู่ในรูปแบบนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า เงินเฟ้อที่ติดลบในขณะนี้เป็นปัญหาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราพยามยามดูแลไม่ให้เกิดสภาวะเงินฝืดและคิดว่าตัวเลขจะขึ้นอยู่กับช่วงเวลาด้วยเพราะการเปรียบเทียบระดับราคาจะเปรียบเทียบในระยะเวลาเดียวของปีก่อน ฉะนั้นบางช่วงอาจจะมีตัวเลขที่แกว่งพอสมควร เช่น ถ้าเปรียบในช่วงที่มีราคาน้ำมันสูงมากจะมีลักษณะที่แกว่งตัวอยู่ ทั้งนี้จะดูแลไม่ให้เกิดภาวะเงินฝืด

เมื่อถามว่า เสียงวิจารณ์ว่ารัฐบาลนี้ไม่ส่งเสริมเรื่องการออม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงต้องทำเป็น 2 ระยะ ระยะนี้ต้องรักษาระดับการใช้จ่าย หากไม่ทำรายได้ของทุกคนจะลดลง จะมีออมน้อยลง แต่ในระยะต่อไปโครงการที่ส่งเสริมเรื่องการออมจะเข้ามา อย่างที่เคยเรียนแล้วว่า แม้แต่กรณีการออมเพื่อชราภาพจะปรับเข้าสู่ระบบที่มีการออมและมีเงินสมทบและจะมีมาตรการกระตุ้นต่อไป ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะส่งสัญญาณจูงใจในลักษณะนั้น ขณะนี้เราพยายามพยุงกำลังซื้อของคนที่กำลังประสบความยากลำบากอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องยากของเขาที่จะออมในตอนนี้

เมื่อถามถึงการอนุมัติกรอบการกู้เงินมองว่าเรามีเครดิตดีอยู่หรือสถานะเราแย่ลง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มี 2 ส่วน ส่วนแรกที่เป็นการทาบทามเงินกู้เพื่อการพัฒนาไม่ได้มีปัญหาเรื่องของความมั่นคงหรือเสถียรภาพ หรือเงินตราต่างประเทศ และเชื่อว่าทุกท่านทราบดีว่าทุนสำรองเราอยู่ในระดับที่สูงมาก เพียงแต่การฟื้นฟูเศรษฐกิจนี้เราต้องใช้เงินที่มีแหล่งที่หลากหลาย ฉะนั้น ไม่ต้องการที่จะตัดประเด็นของการใช้เงินจากต่างประเทศ แต่ที่ย้ำคือในชั้นนี้เป็นเพียงมาตรการที่สำรองเอาไว้

“รัฐบาลไม่ต้องการทำงานบนความประมาท ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ใช้ หากจำเป็นก็จะได้มีพร้อมไว้ใช้ ถ้าเราไม่ทำไว้วันข้างหน้าหากเกิดอยากจะใช้ขึ้นมาจะทำไม่ทัน เพราะต้องมีการนำเสนอเข้าสภาฯด้วยสองรอบ โดยรอบแรกจะต้องนำกรอบการเจรจาในการกู้เงินไปให้สภาฯอนุมัติก่อน หากสภาฯอนุมัติ ก็ต้องไปทาบทาม ลงนามและก่อนลงนามในสัญญาเงินกู้ต้องนำกลับเข้าสภาฯอีกครั้งหนึ่ง เราปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ รู้ว่าต้องเตรียมตัวล่วงหน้า จึงขอช่องทางนี้ไว้ ไม่ได้เป็นตัวที่บ่งบอกถึงปัญหาเรื่องความมั่นคง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าต่อว่า ในส่วนที่ 2 จะเป็นเรื่องเทคนิค ไม่ใช่เรื่องการมุ่งหนี้ใหม่ เป็นเรื่องการช่วยรัฐวิสาหกิจในการบริหารจัดการหนี้ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ อาจจะมีรัฐวิสาหกิจบางแห่งหนี้เก่าครบกำหนด ซึ่งปกติจะกู้ต่อ แต่ขณะนี้ตลาดเงินตลาดทุนของโลกมีความผันผวนมาก ในกรณีที่เห็นว่าเงื่อนไขที่จะต่อเงินกู้จะเป็นเงื่อนไขที่ไม่ดี อยากจะรอตลาดก็จำเป็นต้องมีเงินอีกจำนวนหนึ่งส่งต่อไปเป็นสะพาน จากการที่จะชำระหนี้เก่ากับการก่อหนี้ใหม่ก็จะเปิดวงเงินนี้ไว้ 2 แสนล้านเพื่อประโยชน์ตรงนี้ ไม่ใช่เป็นการก่อหนี้ใหม่ แต่เป็นการช่วยให้การบริหารจัดการนี้ของรัฐวิสาหกิจมีต้นทุนและมีประสิทธิภาพที่เหมาะสม และก้อนแรกถ้าเราไม่ใช้คงไม่กู้

เมื่อถามว่าจำเป็นต้องแก้กฎหมายเกี่ยวกับเรื่องเงินทุนสำรองหรือเรื่องการกู้ยืมเงินระหว่างประเทศด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในชั้นนี้ยังไม่คิดจะทำเช่นนั้น อย่างไรก็ตามเรื่องหลักๆที่พรรคประชาธิปัตย์เคยหาเสียงไว้ 99 วันเราทำได้นั้น หลักๆ ได้เดินไปแล้ว อย่างเช่นเรียนฟรี เบี้ยยังชีพ อสม. มีเรื่องเดียวที่ไม่ทันแต่ใช้วิธีอื่นแก้ไปแล้ว คือ กฎหมายดูแลปัญหาหาภาคใต้ ซึ่งตั้งคณะกรรมการรัฐมนตรีขึ้นมาก่อนและให้เวลาในการทบทวนเรื่องการยกเลิกกฎอัยการศึก และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยบริหารงบประมาณมากมายขนาดนี้ในวิกฤตเศรษฐกิจอาจทำให้วินัยการเงินการคลังเสีย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต่อไปนี้คงไม่มีใครมีประสบการณ์บริหารงบประมาณมากเท่านี้หรอก เพราะมันจะมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อถามว่า มีการเสนอให้นำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมาใช้ได้มีการพิจารณาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ เพราะขณะนี้เรามีกฎหมายที่ไม่อนุญาตให้ทำอย่างนั้น คิดว่าการไปเรื่องนี้จะมีความสับสนและอาจมีความขัดแย้งตามมาด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่ขณะนี้คือมีในส่วนของหนี้กองทุนฟื้นฟูเท่านั้นที่อาจจะปรึกษากับธนาคารแห่งประเทศไทยว่ามีวิธีการที่จะบริหารเป็นอย่างอื่นได้หรือไม่ แทนที่จะใช้เงินประมาณ 7-8 หมื่นล้านต่อปีในงบประมาณมาใช้เพื่อชำระดอกเบี้ย แต่เข้าใจว่าทางธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลังคงคิดเรื่องนี้กันมาหลายรอบ แต่ยังไม่มีข้อยุติที่ชัดเจน แต่ในส่วนเงินทุนสำรองก้อนใหญ่ไม่มีความคิดที่จำนำออกมา
กำลังโหลดความคิดเห็น