“มาร์ค” ฉีกหน้า“กรณ์” บนเวทีสัมมนา แฉส่งคนไม่มีอำนาจร่วมประชุม ครม.เศรษฐกิจ เผยกระทรวงการคลัง มีปัญหานี้บ่อยสุด จึงต้องออกกฏเหล็กต่อไปให้ส่งมีอำนาจเข้าประชุมเท่านั้น ขณะที่ "กรณ์" ยิ้มแหยไม่กล่าวอะไร
วันนี้ (2 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ร่วมเสวนาในหัวข้อ “เจาะลึก 8 คำถามอุตสาหกรรมเด่นกับนายกรัฐมนตรี” ซึ่งจัดโดยสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย บริษัท หลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย โดยมี นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกสิกรไทย นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ นายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย นายวิชัย พูลวรลักษณ์ นายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย รวมทั้งนักลงทุนแบบสถาบันและส่วนบุคคล เข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ในช่วงของการเสวนานั้นมี นายบัญชา ชุมชัยเวทย์ เป็นผู้ดำเนินรายการบนเวที ซึ่งคอยทำหน้าที่ซักถามนายอภิสิทธิ์ และนายกรณ์
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ได้กล่าวตอนหนึ่งถึงเหตุผลที่ทำให้การอนุมัติงบประมาณในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ต้องหยุดชะงัก ว่า เป็นช่วงที่มีปัญหาทางการเมืองรุมเร้า จึงเป็นเหตุผลให้การทำงานต้องชะงักงัน โดยช่วงแรกๆที่ตนเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมีการพูดถึงเงินค้างที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 1.04 แสนล้านบาท ที่ยังไม่สามารถอนุมัติได้ แต่ขณะนี้ตนได้ดำเนินอนุมัติไปแล้ว
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวต่อว่า ในส่วนการดำเนินโครงการต่างๆ ของรัฐบาล อาทิ เรียนฟรี 15 ปี, เงินผู้สูงอายุ ซึ่งทั้งหมดเมื่องบผ่านสภาช่วงเดือนมีนาคม เงินจะสามารถลงสู่ท้องถิ่นได้ทันที นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีแผนดำเนินการโครงการพลังงานทดแทน ที่ต้องอาศัยภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม
อย่างไรก็ตาม ในคำถามที่ว่า นายกรัฐมนตรี มีความมั่นใจหรือไม่ ว่า ข้าราชการทั้งหมดที่เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของเม็ดเงินลงไปถึงเป้าหมาย รวมทั้งมีความพร้อมและเข้าใจวัตถุประสงค์เดียวกันกับนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวตอบว่า ขณะนี้กำลังมีการดำเนินการให้บุคลากรภาครัฐ ทั้งการเมืองและราชการประจำ เกิดความตื่นตัวถึงภาวะวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้น โดยในหลายๆเรื่องได้ย้ำว่า ในการทำงานต้องมีความกระตือรือร้น มีความคล่องตัวเป็นพิเศษ และหากจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแก้ไขเรื่องใดให้เร่งดำเนินการ
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่ออีกว่า ในการประชุม ครม.เศรษฐกิจได้บอกไปแล้วว่าต่อไปนี้ระบบของการประชุมกรรมการ ซึ่งผู้ที่คุ้นเคยกับระบบของราชการที่ผ่านมาจะทราบว่า หลายครั้งมีหน่วยงานส่งคนไปร่วมประชุมเฉยๆ และพอกลับไปแล้วก็ไม่ได้เอามติที่ประชุมนั้นไปปฏิบัติ เนื่องจากต้องกลับไปถามเจ้ากระทรวงใหม่
“กระทรวงที่มีปัญหาเรื่องนี้มาก คือ กระทรวงการคลัง ที่มักจะส่งคนมาแล้วเวลาประชุมไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่ว่าเวลากลับไปแล้ว ให้รัฐมนตรีบอกว่าไม่เห็นด้วย จึงได้ออกกฎเหล็กว่า ต่อไปนี้คนที่จะมาร่วมประชุมต้องมีอำนาจเต็ม ถ้าไม่มีอำนาจเต็มสงสัยอะไรให้โทรศัพท์ถามคนที่มีอำนาจเต็มก่อนที่จะมีมติ และเมื่อมติแล้ว ถือว่านั่นเป็นความเห็นทางการของกระทรวง แล้วส่งเข้า ครม.เลย ต่อไปนี้พอเข้าระบบกรรมการโดยเฉพาะ ครม.เศรษฐกิจแล้ว จะไม่มีการเวียนถามความเห็นอีกแล้ว เพราะถือว่ามีตัวแทนอยู่ในที่ประชุมแล้ว ถ้าจะทักท้วงต้องทักท้วงกันตั้งแต่ตอนนั้น ทุกอย่างจะเป็นการกระตุ้นให้การทำงานเร็วขึ้น” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่ นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า กระทรวงที่มีปัญหา คือ กระทรวงการคลัง ได้หันหน้าไปทาง นายกรณ์ ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆกัน โดยนายกรณ์ ได้ยิ้มแหยๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะของผู้เข้าร่วมงาน ที่ตลกกับคำพูดของนายกรัฐมนตรี
