"ปณิธาน"ชี้ นานาชาติเข้าใจการเมืองไทย หนุน "มาร์ค"บริหารประเทศ

“นายกรัฐมนตรี” เดินสายโชว์วิสัยทัศน์ ชี้แจงภาพลักษณ์ไทยต่อนานาชาติ ที่เมืองดาวอส ผุดแนวคิดสร้างแรงจูงใจและลดค่าใช้จ่ายให้นักท่องเที่ยว หวังกระตุ้นและพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว “รองเลขาฯ” เผย “อียู-ปากีฯ-ฟิลิปปินส์” เชื่อมั่นเสถียรภาพการเมืองไทย และหนุนอภิสิทธิ์บริหารประเทศต่อ เตรียมรับมือสื่อเทศน์รุมซักกรณี “โรฮิงยา-การเมือง-เศรษฐกิจ”วันนี้

วานนี้ (30 ม.ค.) ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนเข้าร่วมและกล่าวเปิดการเสวนาระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน ในหัวข้อ “Growth via Travel and Tourism” (การเติบโตด้วยการท่องเที่ยวและการเดินทาง) ถึงการพบปะกับเอกอัครราชทูต ประจำภาคพื้นยุโรปเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า การพบปะครั้งนี้เพื่อทำความเข้าใจถึงนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะสถานการณ์ของประเทศไทยที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว รวมถึงเรื่องที่ยุโรปให้ความสนใจคือการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และปัญหาสิทธิมนุษยชน โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอให้เอกอัครราชทูตได้ทำความเข้าใจกับต่างประเทศในประเด็นดังกล่าว พร้อมทั้งติดข่าวสารเกี่ยวกับประเทศไทยในต่างประเทศด้วย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้เอกอัครราชทูตทำประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจกับต่างประเทศว่าสถานการณ์การเมืองของไทยกลับสู่ภาวะปกติ และมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ประเทศไทยจะป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนในระหว่างวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ และวันที่ 1 มีนาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งจะเป็นช่องทางในการเสริมสร้างความเข้าใจกับต่างประเทศได้อีกทางหนึ่งด้วย

สำหรับการจะเข้าร่วมเสวนาในหัวข้อ “Growth via Travel and Tourism” กับภาคธุรกิจการท่องเที่ยวในช่วงเที่ยงวันเดียวกันนี้ นายกรัฐมนตรีจะได้ยืนยันถึงความพร้อมด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวดีขึ้นตามลำดับ รวมถึงจะหยิบยกปัญหาผลกระทบด้านการท่องเที่ยวของไทยจากวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลได้เตรียมแผนรองรับทั้งระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว เช่น ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวทุกประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยเป็นเวลา 3 เดือน การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงการท่องเที่ยวในกรอบภูมิภาคด้วย

ต่อมาภายหลังเสร็จสิ้นการเสวนา นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้สรุปประเด็นที่นายกรัฐมนตรีได้แลกเปลี่ยนกับผู้เข้าร่วมเสวนา ในหัวข้อ “Growth via Travel and Tourism” ว่า การเสวนาครั้งนี้เป็นการเสวนาในเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยวและเดินทาง โดย
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเปิดการเสวนาโดยหยิบยกนโยบายพัฒนาการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวถือว่ามีความสำคัญต่อการสร้างรายได้ของประเทศเป็นอย่างมาก

นายกรัฐมนตรียังได้ให้แนวคิดต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวของไทย โดยครอบคลุมทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ในระยะสั้น เช่น การยกเว้นค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ระยะกลาง เช่น การฝึกอบรมด้านการท่องเที่ยว ระยะยาว เช่น การมีความร่วมมือกับประเทศในภูมิภาคเพื่อสร้างการท่องเที่ยวในเชิงบูรณาการ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับการตอบรับอย่างดีในกลุ่มผู้เข้าร่วมเสวนา พร้อมกับชื่นชมนายกรัฐมนตรีที่เข้าใจและตระหนักถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้อย่างถ่องแท้ รวมถึงมีแผนพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่สอดรับในทุก ๆ ด้าน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการสร้างแรงจูงใจในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยจะร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อให้เกิดความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจท่องเที่ยว และในอนาคตอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภูมิภาคจะมีความเชื่อมโยงกันมากขึ้น รวมถึงมีการพัฒนาและแก้ปัญหาร่วมกันด้วย

อียู-นานาชาติ เชื่อมั่นเสถียรภาพการเมืองไทย อังกฤษเร่งสานสัมพันธ์แนบแน่น
อย่างไรก็ตาม นายปณิธาน ได้เปิดเผยทางโทรศัพท์กับสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี อีกครั้ง เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาว่า ตั้งแต่เช้าที่เดินทางมาจากประเทศไทย เมื่อได้พบกับทูตานุทูตในภาคพื้นยุโรปทั้งหมดของไทย ก็ได้มีการถกเถียงเรื่องสถานการณ์การเมืองไทย และได้มอบนโยบาย และมีการรายงานว่าภาคพื้นยุโรปเข้าใจประเทศไทยดี พร้อมทั้งชื่นชมและไม่ได้เป็นกังวลเท่าไหร่แล้ว ขณะเดียวกันก็มีปัญหาอื่นที่ทูตได้เรียนนายกฯคือ เรื่องแรงงานไทยที่เข้ามาและมีปัญหา หรือกลุ่มแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติของยุโรปที่ไปอาศัยตัวอยู่ในเมืองไทย

ส่วนกรณีที่มีกำหนดการพบปะกับสื่อต่างประเทศในวันนี้(เวลาประเทศไทย) นั้น หลังจากเวทีเรื่องความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งนายกฯจะขึ้นเวทีกับนายโคฟี่ อันนัน อดีตเลขาธิการยูเอ็น และนายบิล เกต ก็จะเปิดโอกาสให้สื่อต่างประเทศสัมภาษณ์ อาทิ ซีเอ็นเอ็น บีบีซี รอยเตอร์ บูมเบิร์ค ซึ่งส่วนใหญ่สำนักข่าวต่างประเทศจะสนใจเรื่องสถานการณ์การเมือง นโยบายการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และอาจจะถามเรื่องสิทธิ์มนุษย์ชนและจุดยืนของไทยเรื่องพม่า และอาจะมีการถามเรื่องผู้อพยพ หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย อย่างเช่นเรื่องโรฮิงยา ซึ่งนายกฯได้เตรียมพร้อมจะตอบเรื่องเหล่านี้แล้ว

ผู้ดำเนินรายการเอเอสทีวีถามถึงการพบปะกับนายกฯปากีสถาน นายปณิธาน เผยว่า นายกฯปากีสถาน ได้ยืนยันสนับสนุนนายอภิสิทธิ์เข้ามาบริหารราชการ และแสดงความยินดีที่ไทยก้าวหน้าไปได้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ได้ขอให้ไทยสนับสนุนให้ปากีสถานเข้ามาเป็นคู่เจรจาในอาเซียน ซี่งปากีสถานมีความประสงค์ที่จะเข้ามาปฏิสัมพันธ์ในการค้าการลงทุนกับไทยมากขั้น เราเองก็ได้ขอบคุณเขาที่ได้อธิบายจุดยืนของไทยกรณีปัญหาภาคใต้ให้กับที่ประชุมOIC

นอกจากนั้น นายอภิสิทธื ยังได้เข้าเฝ้าฯ เจ้าชายแอนดรูว์ แห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งทรงมีกำหนดการจะเสด็จฯเยือนประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง โดยทรงประสงค์จะขยายความสัมพันธ์ของไทยกับอังกฤษให้แนบแน่นมากขั้น และระหว่างเราซึ่งเป็นประธานอาเซียนกับอังกฤษใกล้ชิดผูกพันกันมากขึ้นโดยเฉพาะเรื่องการค้าการลงทุน รวมทั้งทรงสนใจเรื่องพัฒนาการทางการเมืองของไทย และทรงติดตามอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว

นายปณิธาน ยังได้เผยถึง กรอบการหารือกับผู้นำฟิลิปปินส์ว่า นายกฯได้ขอบคุณที่ได้ตอบรับเข้าร่วมประชุมอาเซียนซัมมิท พร้อมกับการแลกเปลี่ยนความเห็นทางการเมืองและเศรษฐกิจของอาเซียน ส่วนประเด็นเจรจาเฉพาะด้านก็อาจจะมีเรื่องการค้าการเกษตรและการลงทุนบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการเยี่ยมเยือนและความสัมพันธ์