ส.ส.ตรัง จี้ 2 รอง ปธ.สภา ลาออก หลังหน้าด้านกอดเก้าอี้ ทั้งที่เปลี่ยนขั้วรัฐบาลแล้ว ยังร่วมมือฝ่ายค้านทำสภาล่ม หวั่น “เพื่อแม้ว” เล่นเกมป่วนประชุมกรอบข้อตกลงอาเซียน
วันนี้ (23 ม.ค.) นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ส.ส.จ.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ และในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงเหตุการณ์องค์ประชุมไม่ครบ เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า ได้มีการตรวจสอบรายชื่อองค์ประชุมอย่างละเอียด พบว่า พรรคที่มี ส.ส.ขาดประชุมมากที่สุด คือ พรรคเพื่อไทย จาก 181 คน แต่มีชื่อเข้าประชุมแค่เพียง 2 คนเท่านั้น คือ นายวิทยา บูรณศิริ และ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ขณะที่ฝ่ายรัฐบาล อย่าง พรรคประชาธิปัตย์ ขาดไปเพียง 13 คน จากทั้งหมด 171 คน เฉลี่ยแล้วไม่ถึง 5% ขณะที่พรรคเพื่อไทย ส.ส.ขาดประชุมไปถึงเกือบ 100% จึงถือเป็นความรับผิดชอบของฝ่ายค้านมากกว่าที่จะโจมตี ฝ่ายรัฐบาล
“อย่าว่าแต่ลูกพรรคเลย ขนาดแกนนำพรรค อย่าง คุณเฉลิม อยู่บำรุง พอตั้งกระทู้ถามเสร็จ ก็รีบชิงหนีกลับไปทันที พอๆ กับรองประธาน สามารถ (แก้วมีชัย) ก็ หนีสภาไปเหมือนกัน จึงแปลกใจว่า ทำไม ส.ส.พรรคเพื่อไทย จึงขาดความรับผิดชอบได้ถึงขนาดนั้น ทั้งๆ ที่หน้าที่ของ ส.ส.คือ การเข้าประชุมสภา”
นายสมบูรณ์ ยังกล่าวด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังส่งผลต่อบทบาทการทำหน้าที่ของรองประธานสภาทั้ง 2 คน เพราะตามระเบียบตำแหน่งประธานสภา และรองประธานสภา ถือเป็น สัดส่วนของพรรครัฐบาล แต่รองประธานทั้ง 2 คน ซึ่งมาจากซีกฝ่ายค้าน กลับดื้อดึงไม่ยอมลาออกตามการเปลี่ยนขั้วของรัฐบาล หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปเชื่อมั่นว่า จะมีขบวนการป่วนสภาจากฝ่ายค้านที่จ้องจะนับองค์ประชุม เพื่อให้เกิดเหตุสภาล่มอีกในอนาคต
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหมือนเป็นการชงให้กินกัน ถ้ารองประธานทั้งสองท่าน ไม่แสดงสปิริตลาออก ปัญหาจะเกิดเหมือนกับสมัย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.อีก เช่น วันไหนประธานเป็นคนของฝ่ายค้าน อาจฉวยโอกาสชิงลงมติกฎหมายสำคัญทั้งที่รู้ว่าองค์ประชุมไม่ครบก็เป็นได้ เพื่อเจตนาให้กฎหมายต้องตกไป หรืออาจจะเล่มเกมส์นับองค์ประชุมชั่วโมงละ 2 ครั้ง ทั้งวันแบบที่ฝ่ายค้านทำอยู่ ถ้าเป็นแบบนั้น สภาคงล่มกันทุกครั้งแน่”
คณะกรรมการวิปรัฐบาล ยังแสดงความเป็นห่วงกับการประชุมร่วม เรื่องกรอบข้อตกลงของอาเซียน ในวันที่ 26-27 ม.ค.นี้ ด้วยว่า หากเกิดเหตุการณ์ป่วนเหมือนครั้งที่ผ่านมาอีก คงเป็นปัญหาเนื่องจากวันดังกล่าวองค์ประชุมทั้ง ส.ส.และ ส.ว.ต้องเกินครึ่ง คือ 302 เสียง แต่ฝั่งของรัฐบาลมีเพียง 200 กว่าเสียงเท่านั้น รัฐบาลจึงไม่สามารถรับผิดชอบองค์ประชุมทั้งหมดได้ แต่หากประธานเป็นคนจากซีกฝ่ายรัฐบาล เชื่อว่า ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน
