“มาร์ค” ร่วมถกสภาอุตสาหกรรม หาทางออกปัญหาเศรษฐกิจ สารภาพรู้สึกผิดที่นักการเมืองกลายเป็นตัวหลักของปัญหา แต่วันนี้มีการเปลี่ยนแปลงจะทำให้หลุดพ้นสภาพนี้ให้ได้ ตั้งเป้าประชุม ครม.นัดแรก 23 ธ.ค.พร้อมเร่งทำร่างนโยบาย เข้าแถลงในสภาก่อนปีใหม่ ลั่นรัฐบาลผสม ไม่ใช่รัฐบาลแบ่งสัมปทาน ทุกกระทรวงต้อง รับใช้เป้าหมายเดียวกัน พร้อมรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 18 ธ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางมาพบปะผู้บริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อหารือถึงแนวทางแก้ไขวิกฤตทางเศรษฐกิจ โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้เห็นความกดดันของท่านทั้งหลาย เพราะไม่เคยเห็นบทบาทขององค์กรเอกชนที่ต้องออกมาพูดเสียงดังในทางการเมือง นับตั้งแต่ปี 2535 เชื่อว่าเป็นเจตนาบริสุทธิ์ เพราะบ้านเมืองต้องมีทางออกอะไรสักอย่าง เพราะมันไหลลงไปเรื่อยๆ เพราะมีความคาดหวังว่ารัฐจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ให้ แต่พอมาระยะหนึ่งไม่ทำอะไรให้ก็อยู่เฉยๆ ก็ยังดี สุดท้ายการเมืองก็มาซ้ำเติมอยู่ทุกวันอย่างนี้จนไปไม่ไหว
“ในฐานะฝ่ายการเมืองสารภาพเลยว่ารู้สึกผิดว่าแทนที่การเมืองจะเข้ามาแก้ปัญหา กลับกลายเป็นส่วนหลักของปัญหาขณะนี้ ในเรื่องของความเชื่อมั่น วันนี้มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา แม้จะตรงหรือไม่ตรงกับความต้องการของกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดก็ตาม แต่หน้าที่วันนี้คือจะทำอย่างไรให้มันหลุดพ้นจากสภาพตรงนี้ให้ได้ ขอขอบคุณที่อวยพรให้อยู่กับท่านนานๆ แต่ผมขอบอกว่าต้องดูว่าเราทำงานให้บ้านเมืองได้หรือเปล่า ซึ่งผมเชื่อมั่นในพื้นฐานของนักการเมืองอาชีพว่า ถ้าเราทำงานให้กับประชาชนได้ประชาชนก็ให้เราอยู่ ถ้าเราทำงานไม่ได้เราก็ไม่ควรอยู่ อย่าไปยึดติดว่าอยู่นานดีกว่าอยู่ไม่นาน” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ตั้งเป้าถก ครม.นัดแรก 23 ธ.ค. แถลงนโยบาย 29-30 ธ.ค.
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราพร้อมรับฟังทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดภาพที่สมดุล ซึ่งทั่วโลกทำและเราก็จะทำคือเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ของเรานอกจากกระตุ้นทางด้านเทคนิค นโยบายการเงินการคลังแล้วก็ต้องเรียกความเชื่อมั่นออกมา ซึ่งตนตั้งใจว่าถ้าทุกอย่างเดินตามขั้นตอนที่วางแผนไว้ ตนตั้งใจว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่น่าจะสามารถเข้ารับหน้าที่และเข้าประชุมได้เพื่ออนุมัตินโยบายในวันอังคารที่ 23 ธ.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรก เพราะปกติ ครม.เมื่อถวายสัตย์ปฏิญาณเข้ารับหน้าที่ประชุมครั้งแรกเขาจะตั้งคณะกรรมการเพื่อร่างนโยบาย แต่ของตนเวลานี้ให้ร่างนโยบายแล้ว เพราะเดี๋ยวจะคิดว่ามีแต่เรื่องโควตารัฐมนตรี ซึ่งไม่ใช่ เพราะส่วนที่ทำงานหนักในตอนนี้คือการร่างนโยบายให้พร้อมและวันที่ 23 ธ.ค.นี้จะนำเข้าที่ประชุม ครม. หาก ครม.จะมีข้อสังเกตอะไรเพื่อเติมให้เวลาแก้ไม่เกิน 1-2 วัน เพื่อจัดพิมพ์ส่งสภาฯ
“ผมตั้งใจจะขอท่านประธานสภาฯ ว่าวันที่ 29-30 ธ.ค.นี้จะอภิปราย เพื่อทำให้ ครม.สามารถเข้าบริหารราชการแห่งดินได้คือปีใหม่พอดี หาก 29-30 ไม่จบจะต่อวันที่ 31 ธ.ค.ด้วย และทันทีที่แถลงนโยบายเสร็จจะขอประชุม ครม.เป็นกรณีพิเศษ ยืนยันการขอกรอบความตกลงที่เกี่ยวกับอาเซียนต่อสภาทันที ไม่รอวันอังคาร จะขอว่าแถลงนโยบายเสร็จ ครม.ประชุมเลย เนื่องจากว่าทุกพรรคที่มาร่วมรัฐบาลเขาเคยเสนออยู่แล้วและพรรคผมไม่มีปัญหากับกรอบข้อตกลงอาเซียนและ 9 ประเทศเขาก็อนุมัติหมดแล้วก็จะขออนุมัติทันทีเพื่อหลังปีใหม่สภาฯ เปิดมาจะพิจารณาให้เสร็จ ผมยืนยันว่าจะทำแผนนี้แล้วจึงจะปิดสมัยประชุมสภาวิสามัญ ซึ่งเปิดขึ้นมาเพื่อที่จะเลือกนายกฯ แต่ขณะนี้ยังไม่ปิดต้องรอการแถลงนโยบายและอนุมัติกรอบข้อตกลงอาเซียนทั้งหมด”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
21 ม.ค.ลุยพิจารณางบประมาณ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า หลังปีใหม่ ผ่านเรื่องอาเซียนเสร็จ ขอให้ ส.ส.พักสัก 2 สัปดาห์ จากนั้นวันที่ 21 ม.ค. จะเปิดสมัยประชุมสภาใหม่ เพื่อพิจารณากฎหมายฉบับแรกที่ควรจะเข้าคือ งบประมาณกลางปี แต่ก่อนที่จะถึงงบประมาณกลางปี คือแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมดจะต้องมีการประกาศทันทีหลังแถลงนโยบายเสร็จ การที่ตนมานั่งตรงนี้ไม่เหมือนตอนเป็นผู้นำฝ่ายค้าน พูดจาอะไรต้องระมัดระวังมากขึ้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการเงิน เช่นอัตราดอดเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยนเป็นอำนาจหน้าที่ ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ยินดีรับฟังความเห็นที่เสนอมา และหน่วยงานของรัฐจะต้องคุยภายใน เมื่อพูดถึงธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ต้องพูดถึงซอฟต์โลน ที่ติดขัดการตีความกฎหมายธนาคารแห่งประเทศไทยใหม่ ฉะนั้นทางออกมี 2 ทางคือ การแก้ไขกฎหมาย หรือใช้การทดแทนด้วยการให้สถาบันการเงินของรัฐออกตราสาร และรัฐเข้าค้ำประกัน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันที่ตนเข้ามาเป็นนายกฯ มีการประเมินว่า การจัดเก็บรายได้จะต่ำกว่าที่เคยแถลงไว้มาก ฉะนั้นต้องมีการลดเพดานคืนและจะต้องมีข้อจำกัดเรื่องการกู้เงิน และมีเพดานเรื่องหนี้สาธารณะ ฉะนั้นตรงนี้เราคงไปทำให้เสียวินัยไม่ได้ แต่ความตั้งใจของตนคือ เราจะใช้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะรู้ว่า ใช้ยาแรงเร็ว ดีกว่าการใช้ขนาดเท่ากันแต่ใช้เวลานาน ทั้งนี้จะทำตามกรอบของกฎหมายด้วย นอกจากเรื่องอัตราดอกเบี้ยแล้วยังมีเรื่องของสภาพคล่อง ซึ่งต้องหากลไกใหม่มาดำเนินการ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า เวลานี้กำลังเจอปัญหาเรื่องการทำกติกาบาเซิล (ระเบียบการเงินการคลังทางกฎหมาย) หากเราไม่ทำอะไรเลยจะมีผลพอสมควรต่อการปล่อยสินเชื่อ จริงๆ แล้วประเทศไทยพร้อมที่จะรับมาตรฐานใหม่ แม้แต่ประเทศที่ก้าวหน้ากว่าเราเยอะยังเริ่มผ่อนมาตรฐานนี้แล้วเพื่อรับวิกฤติเฉพาะหน้า แต่การดำเนินการทุกอย่างเราต้องรักษากรอบเอาไว้ สำหรับเรื่องแรงงานที่เป็นปัญหา ในฐานะที่พรรคประชาธิปัตย์ดูแลเรื่องนี้จะต้องมีกลไกติดตามสถานการณ์นี้โดยเฉพาะ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลจัดตั้งขึ้นตามวิถีทางของสภาเป็นรัฐบาลผสม แต่รัฐบาลผสมไม่ใช่รัฐบาลแบ่งสัมปทาน ความหมายคือ ไม่ใช่ว่าพรรคไหนมาดูแลกระทรวงไหนแล้วต่างคนต่างทำงานกัน เรื่องเฉพาะกระทรวงก็ทำได้ตามประสิทธิภาพแต่ละคน แต่เรื่องนโยบายใหญ่ๆ ไม่เดิน เพราะเกือบทุกเรื่องเขียนมาเป็นงานข้ามกระทรวงทั้งนั้น ซึ่งตนได้ประกาศไปแล้วว่า ตนเองเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ไม่หนีไปไหน ถ้าเศรษฐกิจไทยไม่ฟื้นตนก็ไม่มีทางรอดทางการเมืองอยู่แล้ว ตนจะดูเองและรับผิดชอบ และทำความเข้าใจกับพรรคร่วมกับทุกพรรคว่าเราเป็นรัฐบาลในภาวะวิกฤติ ไม่ไปก้าวก่ายก้าวล่วงในลักษณะที่จะทำให้เกิดความไม่สบายใจในการทำงานร่วมกัน แต่ทุกคนต้องรับใช้เป้าหมายเดียวกัน
รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างที่นายอภิสิทธิ์ไปร่วมประชุมที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์นั้น ได้มีประชาชนกลุ่มหนึ่งเดินทางไปต้อนรับเพื่อแสดงความยินดีกับการได้รับตำแหน่งนายกฯ โดยได้นำมือตบไปเขย่าให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์ด้วย