ประชุมสภาผู้ทรงเกียรติล่มแล้ว หลังเจอไม้เด็ดฝ่ายค้านฟ้องให้นับองค์ประชุม แถมเหน็บรัฐบาลไม่สนใจ ทำให้เกิดการประท้วงกันวุ่น จนต้องนับจำนวนส.ส. ปรากฎไม่ครบองค์ประชุม ทำให้ประธานสภาต้องสั่งเลิกประชุม
วันนี้( 22 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฏรระหว่างที่มีการพิจารณาวาระรับทราบผลการดำเนินการของศาลปกครองประจำปี 2550 โดยระหว่างที่รับฟังรายงานอยู่นั้น นายประเสริฐ ชัยกิจเด่นนภาลัย ส.ส.สมุทรปราการ ได้เสนอให้นับองค์ประชุม และกล่าวว่ารัฐบาลควรให้ความสนใจในเรื่องนี้ หลังจากนั้นนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ส.ส.ตรัง และ น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก ลุกขึ้นประท้วงนายประเสริฐ ให้ถอนคำพูด โดยหลังจากนั้นนายประเสริฐได้กล่าวถอนคำพูด แต่ยืนยันให้ต้องนับองค์ประชุม
พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม พยายามขอให้ถอนการเสนอนับองค์ประชุมแต่นายประเสริฐยืนยันไม่ถอนอ้างว่าที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ตอนเป็นฝ่ายค้านได้ยืนยันว่าการเสนอนับองค์ประชุมเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ในการเสนอ ทำให้ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอให้นับองค์ประชุมโดยการขานชื่อ เพราะจะได้รู้ว่าใครมาไม่มา จะได้ลงโทษได้ถูก พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้เสนอนับองค์ประชุมแต่เนื่องจากมีร่าง พ.ร.บ.ผู้สูงอายุซึ่งเป็นกฎหมายที่มีความสำคัญและประชาชนรอฟังอยู่
อย่างไรก็ดี พ.อ.อภิวันท์ ได้พยายาม ขอให้ทั้งสองฝ่ายได้พิจารณาอีกครั้ง เพราะเป็นเพียงการรับทราบรายงานเท่านั้น เพราะมีร่าง พ.ร.บ.สำคัญรออยู่ แต่เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างไม่ยอมถอน ก็ต้องดำเนินการต่อไปตามที่เสนอ จากนั้นจึงได้เริ่มการขานชื่อนับองค์ประชุมเมื่อเวลา17.45 น.
หลังจากใช้เวลาในการนับองค์ประชุมประมาณ 45 นาที ปรากฏว่ามีสมาชิกเพียง 219 คนขาดไป 9 คน ซึ่งจะต้องครบองค์ 228 คน ทำให้ พ.อ.อภิวันท์ สั่งให้ยกเลิกการประชุม เมื่อเวลา 18.35 น. ถือการประชุมสภาล่มเป็นครั้งแรก หลังจากเปิดสมัยประชุมสภามาเพียง 2 วัน และมีการเสนอนับองค์ประชุมแล้ว 3 ครั้ง
นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะวิปรัฐบาล กล่าวว่า เหตุสภาฯ ล่มต้องโทษพรรคร่วมรัฐบาลที่ขาดประชุมจำนวนมาก ไม่ใช่ความผิดของพรรคเพื่อไทย เพียงแต่ไม่ควรเอาความแค้นส่วนตัวมาเล่นเป็นเกมการเมืองจนทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไปไม่ได้ ทั้งนี้ เท่าที่ทราบพบว่ามี ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาลเข้าร่วมประชุมแยกเป็นเป็นพรรคกิจสังคม 3 คน จากจำนวน 5 คน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 8 คน พรรคเพื่อแผ่นดิน 10 คนจาก 24 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 13 คนจาก 24 คน พรรคภูมิใจไทย 20 คนจาก 32 คน พรรคประชาธิปัตย์ 163 จาก 173 คน ส่วนพรรคเพื่อไทย เข้าประชุม 2 คนคือนายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน และพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาฯ
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมสภาฯ ถึงกรณีที่ ส.ส.ไม่ครบองค์ประชุมจนสภาล่มว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการทำให้ ส.ส.มาประชุมให้ครบองค์ประชุม และเชื่อว่าฝ่ายค้านจะเสนอให้นับองค์ประชุมแบบนี้อยู่เรื่อยๆ เพราะประกาศออกมาเองว่าไม่ต้องการให้รัฐบาลทำงานต่อไปได้
ดังนั้นทุกฝ่ายต้องร่วมกันเข้าประชุม เมื่อรัฐบาลมีเสียงข้างมากก็ต้องทำให้องค์ประชุมครบ การทำงานจะได้ไม่สะดุด อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า การเสนอให้มีการนับองค์ประชุมจนทำให้สภาล่มนั้น ทำให้การทำงานต้องสะดุด แต่ก็ไม่ฝากอะไรถึงฝ่ายค้าน เพราะ ส.ส.มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ และรูปแบบที่เสนอให้มีการนับองค์ประชุมหลายครั้งนั้นก็ไม่ใช่รูปแบบใหม่ ใครที่เป็นรัฐบาลก็ต้องเจอ และไม่ใช่กงกำกงเกวียน ดังนั้นรัฐบาลก็ต้องเตรียมความพร้อมและระมัดระวังให้มากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าเป็นเกมการเมืองหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ไม่สามารถตอบได้ แต่เราก็ต้องระมัดระวัง ส่วนเรื่องการให้สติกับนักการเมืองนั้น นายชวนกล่าวว่า ทุกคนมีหน้าที่รับผิดชอบ เพราะเป็นภาระกิจของตัวเอง ไม่มีใครไปเตือนอะไรใครได้
วิปรัฐฯ เรียกประชุมด่วนรับมือฝ่ายค้านป่วนสภา
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงาน(วิป)พรรคร่วมรัฐบาล กล่าวว่า เป็นความพยายามของ ส.ส.กลุ่มหนึ่งที่ต้องการปั่นป่วนในเรื่ององค์ประชุมของสภาอยู่แล้ว แต่ในฐานะฝ่ายรัฐบาลก็ต้องตระหนักว่าความพยายามที่จะไม่ให้การบริหารราชการแผ่นดินโดยเฉพาะการป่วนงานในสภายังคงมีอยู่ ดังนั้นเป็นหน้าที่พรรคร่วมรัฐบาลต้องให้ความสำคัญต้องประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน ต้องร่วมกันรับผิดชอบองค์ประชุมให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น โดยในวันที่ 23 ม.ค. จะมีการประชุมวิปรัฐบาลที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อทบทวน และหาทางป้องกันหาทางแก้ไขหากเกิดเหตุการณ์นี้อีก ซึ่งวิปรัฐบาลต้องปรับกระบวนการเพื่อควบคุมเสียง ส.ส.ให้ชัดเจนกว่านี้ โดยเบื้องต้นยังมั่นใจว่าการให้วิปรัฐบาล 1 คนคุมเสียง ส.ส. 5 คน ยังทำงานได้ดีอยู่ ขอเรียกร้องไปยังฝ่ายค้านว่า หากยังปล่อยให้ ส.ส.กลุ่มหนึ่งใช้ป่วนการประชุมสภาอย่างนี้ก็จะมีปัญหาต่อความเชื่อมั่นของฝ่ายค้านเอง