xs
xsm
sm
md
lg

รายงานพิเศษ : “หมวดเจี๊ยบ” อยากสอน ปชต.หรืออยากใส่ “เสื้อแดง”!?!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หมวดเจี๊ยบ ร่วมแถลงเปิดตัวดีทีวี พร้อมประกาศจะไปจัดรายการที่สถานีดังกล่าวในวันเสาร์-อาทิตย์(15 ม.ค.)
อมรรัตน์ ล้อถิรธร...........รายงาน

หลังสร้างความโด่งดังและความอื้อฉาวให้ตัวเองพร้อมๆ กัน จากกรณีขาดราชการเกือบ 20 วัน เพื่อบินไปสัมภาษณ์ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่อังกฤษ มาคราวนี้ “หมวดเจี๊ยบ” หรือ ร.ท.(หญิง) สุณิสา เลิศภควัตร ก็เรียกความสนใจจากสังคมได้อีกครั้ง เมื่อจู่ๆ ก็มานั่งร่วมแถลงข่าวเปิดตัว “ดีทีวี” ทีวีของคนเสื้อแดง ที่ประกาศเป็นศัตรูกับรัฐบาลและจะสร้าง “รัฐไทยใหม่” ...ขณะที่ปัญหาเรื่องขาดราชการของเธอ ยังไม่ได้รับการลงทัณฑ์ เธอก็กำลังจะสร้างปัญหาใหม่ให้ตัวเองและกองทัพ ด้วยการประกาศจะไปจัดรายการทางดีทีวี ทั้งที่ผู้บังคับบัญชายังไม่ได้อนุญาต โดยเธออ้างว่า แค่อยากไปให้ความรู้เรื่องประชาธิปไตยแก่ประชาชน ไม่ได้ต้องการโจมตีรัฐบาลหรือกองทัพ ...คิดว่าคำพูดของเธอ เชื่อถือได้แค่ไหน และกองทัพจะอนุญาตหรือไม่?

 คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายงานพิเศษ 

หลัง “พีทีวี” ทีวีดาวเทียมของแกนนำ นปช.ปิดตัวเองลงในยุครัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช โดยอ้างว่า หมดทุนที่จะดำเนินการต่อ ทั้งที่ความจริงน่าจะเป็นเพราะได้ไปจัดรายการทางฟรีทีวีแทน คือ รายการ “ความจริงวันนี้” ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ที่ นายสมัคร โปรโมตนักหนา ว่า เป็นรายการที่ดี แต่เมื่อรัฐบาลเปลี่ยนขั้วมาเป็นรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รายการความจริงวันนี้ ที่หลายคนรู้สึกว่า น่าจะเป็นรายการ “ความเท็จวันนี้” หรือรายการ “ความจริงครึ่งเดียว ความเท็จครึ่งหนึ่ง” มากกว่า จึงหมดโอกาสที่จะได้ใช้เอ็นบีทีเป็นเครื่องมือทางการเมืองอีกต่อไป

แต่ดูเหมือนแกนนำ นปช.อย่าง นายวีระ มุสิกพงศ์-นายจตุพร พรหมพันธุ์-นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่มีคดีติดตัวจากการนำม็อบบุกก่อจลาจลที่หน้าบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ จะไม่ยอมรามือง่ายๆ โดยหาเครื่องมือใหม่ที่จะระดมพลคนเสื้อแดงมาราวีรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เพื่อให้ทนไม่ได้ จะได้ประกาศยุบสภาเลือกตั้งใหม่ เพราะเชื่อว่า หลังเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย พรรคใหม่ของพรรคพลังประชาชน ที่ยังมี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายใหญ่เหมือนเดิม จะชนะเลือกตั้ง กลับมาเรืองอำนาจเป็นรัฐบาลอีกครั้ง

“ดีทีวี” หรือ “ดี สเตชั่น สถานีประชาธิปไตย” จึงเป็นทีวีดาวเทียมช่องใหม่ที่แกนนำ นปช.ผุดขึ้นมา เพื่อปลุกระดมและสื่อสารกับคนเสื้อแดง โดยมีการแถลงเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 ม.ค.พร้อมประกาศว่า สถานีแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นศัตรูกับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์!

เป็นที่น่าสังเกตว่า โต้โผของดีทีวี มิได้มีแค่แกนนำ นปช.อย่าง นายวีระ-นายจตุพร-นายณัฐวุฒิ แต่ยังมีผู้ต้องหาหมิ่นสถาบันอย่าง นายจักรภพ เพ็ญแข มีอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองอย่าง นายอดิศร เพียงเกษ, มีอดีตที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้อื้อฉาวอย่าง นายนพดล ปัทมะ และมี ส.ส.พรรคเพื่อไทย อย่าง นายสุนัย จุลพงศธร มาร่วมสังฆกรรมในการเปิดตัว และจะเป็นผู้จัดรายการหลักทางสถานีแห่งนี้ด้วย รวมทั้งบุคคลที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะกล้าเปิดตัวว่าต้องการมาร่วมงานกับทีวีคนเสื้อแดงครั้งนี้ คือ ร.ท.(หญิง) สุณิสา เลิศภควัตร หรือ “หมวดเจี๊ยบ” นายทหารสังกัดสำนักงานเลขานุการกองทัพบก ผู้เขียนหนังสือ “ทักษิณ WHERE ARE YOU?”

การเปิดตัวของ ดีทีวี เรียกความสนใจได้ทันที 2 ประเด็น ประเด็นแรก จากกรณีที่นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช.ได้ประกาศจุดมุ่งหมายของการทำสถานีดีทีวี ว่า ต้องการสร้างรัฐไทยขึ้นมาใหม่ด้วยมือของคนเสื้อแดง โดยบอกว่า “ที่ต้องทำสถานีนี้ เพราะเห็นว่าประเทศไทยไม่ไหวแล้ว รัฐไทยของเรามันตายไปแล้ว และที่เรามาที่นี่ คือ มาคิดการใหญ่ ไม่ใช่แค่มาเปิดรายการทีวีออกอากาศ 1-2 ชั่วโมงต่อวัน เราคิดสร้างรัฐไทยขึ้นมาใหม่ รัฐไทยที่จะสร้างต้องสร้างด้วยมือคนเสื้อแดง มีสิทธิเสรีภาพ ให้ประชาชน สื่อ มีสิทธิเสรีภาพ และการใช้กฎหมายต้องเสมอภาค แน่นอนรัฐนี้ต้องไม่ใช่รัฐที่มีนายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี...”

นอกจากคำประกาศของแกนนำ นปช.ผู้ก่อตั้งดีทีวี จะถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสม รวมทั้งผลกระทบต่อความมั่นคง หากต้องการสร้าง “รัฐไทยขึ้นใหม่” จริงดังปากว่า ซึ่งล่อแหลมต่อการเข้าข่าย “กบฏ” แล้ว ยังมีประเด็นของ “หมวดเจี๊ยบ” ซึ่งเป็นข้าราชการทหาร ที่ต้องอยู่ในระเบียบวินัย และรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ แต่กลับแสดงตัวว่า อยากมาร่วมงานจัดรายการกับดีทีวี สถานีที่ประกาศตัวเป็นศัตรูกับรัฐบาลและต้องการสร้างรัฐไทยขึ้นใหม่แบบนี้ เป็นสิ่งที่เหมาะสม และสามารถทำได้จริงหรือ?

ร.ท.(หญิง) สุณิสา หรือ หมวดเจี๊ยบ ยืนยันระหว่างร่วมแถลงเปิดตัวดีทีวี ในฐานะผู้ที่จะร่วมจัดรายการทางสถานีแห่งนี้ ว่า ได้แจ้งผู้บังคับบัญชาแล้วว่า จะมาจัดรายการที่ดีทีวีในวันเสาร์และอาทิตย์ โดยผู้บังคับบัญชาให้นำรูปแบบรายการไปให้พิจารณาอีกครั้ง หมวดเจี๊ยบ ยังบอกด้วยว่า เชื่อว่า จะได้รับความกรุณาจากผู้บังคับบัญชาให้มาจัดรายการ เนื่องจากไม่ได้ใช้เวลาราชการมาจัดรายการ...

สำหรับรายการทางดีทีวีที่หมวดเจี๊ยบจะจัด ก็คือ รายการ “ห้องเรียนประชาธิปไตย” โดยจัดร่วมกับ นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แนวร่วม นปช.โดยกำหนดว่า รายการดังกล่าวจะเริ่มจัดตั้งแต่วันเสาร์ที่ 24 ม.ค.นี้เป็นต้นไป

ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก พูดถึงกรณีที่หมวดเจี๊ยบจะไปจัดรายการทางดีทีวี (18 ม.ค.) ว่า เรื่องของหมวดเจี๊ยบต้องแยกเป็น 3 ประเด็น คือ 1.เรื่องผลสอบวินัยหมวดเจี๊ยบกรณีที่ขาดราชการ (เกือบ 20 วัน) เพื่อเดินทางไปสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพื่อเขียนหนังสือ “ทักษิณ WHERE ARE YOU?” ซึ่งกองทัพบกได้ตั้งคณะกรรมการสอบ เพราะอาจมีพฤติกรรมผิดระเบียบของกองทัพ โดยผลสอบของคณะกรรมการเสร็จเรียบร้อยแล้ว กรมกำลังทหารบกกำลังนำเรื่องเสนอ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พิจารณาเกี่ยวกับการลงทัณฑ์ ส่วนที่ผลสอบออกมาล่าช้านั้น พ.อ.สรรเสริญ บอกว่า เป็นเพราะมีหลายปัจจัยประกอบการพิจารณา

สำหรับประเด็นที่ 2 กรณีที่หมวดเจี๊ยบบอกว่าได้แจ้งผู้บังคับบัญชาแล้วว่าจะไปจัดรายการทางดีทีวีนั้น พ.อ.สรรเสริญ บอกว่า หมวดเจี๊ยบโทรศัพท์แจ้งต่อ พล.ต.วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล เลขานุการกองทัพบก ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา ว่า จะขอจัดรายการทีวี โดยไม่แจ้งว่าจัดที่ไหนและรายการประเภทใด ทำให้ พล.ต.วีรัณ ตอบกลับว่า ขอให้เข้ามาคุยกันก่อน แต่หมวดเจี๊ยบยังไม่ได้เข้ามาคุย ก็ไปร่วมแถลงข่าวเป็นพิธีกรรายการทีวีดังกล่าวก่อน โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งการได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาต้องเป็นลายลักษณ์อักษร ดังนั้น ถือเป็นการผิดระเบียบกระทรวงกลาโหมเรื่องการประชาสัมพันธ์ ทำให้ พล.ต.วีรัณ แจ้งหมวดเจี๊ยบให้เข้าชี้แจงรายละเอียดในวันที่ 20 ม.ค.

ส่วนประเด็นที่ 3 คือ การจัดรายการทีวี ซึ่งเป็นการหารายได้เสริมของกำลังพลนั้น สามารถทำได้ แต่ต้องมีการขออนุญาตจากผู้บังคับบัญชา และต้องดูว่า รายการนั้น สามารถทำได้หรือไม่ และหากเป็นรายการเกี่ยวกับการเมืองก็เข้าข่ายผิดข้อบังคับกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2499 เรื่องการห้ามข้าราชการประจำวิจารณ์รัฐบาล ดังนั้น ต้องพิจารณาว่าการจัดรายการของหมวดเจี๊ยบ สามารถทำได้หรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือนเป็นการกลั่นแกล้งทหารชั้นผู้น้อยหรือไม่ เมื่อเทียบกับกรณีที่ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย ที่ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ พ.อ.สรรเสริญ บอกว่า กรณีของ พล.อ.ปฐมพงษ์ นั้น ทาง พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสมัยนั้น ก็ได้ว่ากล่าวตักเตือนไปแล้ว และ พล.อ.ปฐมพงษ์ ก็ไม่ดำเนินการเช่นนั้นอีก จนกระทั่งเกษียณอายุราชการ ดังนั้น จึงต่างกับกรณีของหมวดเจี๊ยบ ซึ่งเจ้าตัวต้องเข้าชี้แจงข้อเท็จจริง

ด้าน หมวดเจี๊ยบ ยืนยัน (19 ม.ค.) ว่า พร้อมเข้าชี้แจงกรณีที่จะไปจัดรายการทางดีทีวี ต่อผู้บังคับบัญชา ว่า สิ่งที่จะเข้าไปทำ เป็นรายการส่งเสริมประชาธิปไตย ไม่ได้เป็นรายการมุ่งหวังที่จะโจมตีรัฐบาลหรือกองทัพ อยากวอนให้ผู้บังคับบัญชาเห็นใจ และว่า การเข้าไปร่วมจัดรายการกับดีทีวี เพราะอยากเข้ามามีส่วนร่วมในการสอนหรือให้ความรู้ต่อประชาชนเรื่องประชาธิปไตย สิ่งที่ตั้งใจทำ ถือเป็นประโยชน์ต่อทั้งกองทัพ สังคม และประชาชนด้วย

หมวดเจี๊ยบ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า หากตนไม่สามารถไปจัดรายการให้ความรู้เรื่องประชาธิปไตยกับสังคมได้ กำลังพลอีก 5 แสนคน ก็ต้องงงและกังขาเรื่องนี้ ว่า ขอบเขตของกองทัพให้กำลังพลแสดงออกต่อการเมืองมากน้อยแค่ไหน ถือเป็นกรณีศึกษาเรื่องขอบเขตกำลังพลต่อการเมืองว่า กองทัพแบ่งแยกแค่ไหน

ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.และ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย พูดถึงกรณีที่กองทัพอาจไม่อนุญาตให้หมวดเจี๊ยบมาจัดรายการที่ดีทีวี (19 ม.ค.) ว่า หากหมวดเจี๊ยบจัดรายการโทรทัศน์ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลแล้วมีความผิด กองทัพบกจะต้องปลด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.เป็นคนแรก ที่ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลนายสมชาย ยุบสภา นายจตุพร ยังแขวะกองทัพด้วยว่า “กองทัพบกอย่าทำตัวเป็นแม่ปูกับลูกปู ตัวเองต้องทำให้ดีก่อนถึงจะไปเตือนคนอื่น รังแกได้แต่ทหารผู้หญิงชั้นผู้น้อย”

ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ยืนยัน (19 ม.ค.) ว่า การเป็นข้าราชการกระทรวงกลาโหม จะไปวิจารณ์การทำงานรัฐบาลไม่ได้ และว่า “ถ้าน้องเจี๊ยบยังอยากทำตามฝันก็ต้องลาออก กองทัพบกไม่คัดค้าน เพื่อน้องจะได้ตามฝัน และกองทัพบกไม่ต้องแบกภาระ ที่ผ่านมา ที่คัดค้านเรื่องการลาออก (ของหมวดเจี๊ยบหลังขาดราชการเกือบ 20 วันไปสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ) เพราะต้องรอให้การสอบสวนเสร็จก่อน และน้องก็ขอยกเลิกใบลาออกเองด้วย”

ด้าน หมวดเจี๊ยบ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวอีกครั้งหลังเข้าชี้แจงเรื่องการจะไปจัดรายการทางดีทีวีต่อ พล.ต.วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล เลขานุการกองทัพบก ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาเมื่อวานนี้ (20 ม.ค.) ว่า พล.ต.วีรัณ ขอให้ทำหนังสือขออนุญาตไปทำงานนอกเวลาราชการอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ซึ่งตนก็ได้ทำหนังสือดังกล่าวแล้ว และว่า หลังจากนี้ จะรอผู้บังคับบัญชาให้คำตอบเป็นลายลักษณ์อักษรต่อไป หากผู้บังคับบัญชาไม่อนุญาต ก็ยินดีปฏิบัติตาม แม้จะต้องการใช้เสรีภาพแสดงออกอย่างถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตยก็ตาม แต่ตนทราบดีว่า มีกรอบกติกาที่ต้องเคารพ

หมวดเจี๊ยบ บอกอีกว่า ที่ต้องการไปจัดรายการทางดีทีวี เพราะต้องการทำหน้าที่นักสื่อสารมวลชนที่ดี ที่เกิดจากจิตวิญญาณเสรีที่มีอยู่ในตนเอง และเป็นโอกาสที่จะได้ทำงาน รวมทั้งยังให้ความรู้ด้านประชาธิปไตย พร้อมยืนยัน ตนไม่ได้ตกเป็นหมากการเมืองให้ใครมาชักจูง หรือบงการให้ทำในสิ่งที่ไม่ดี ส่วนเรื่องการลาออกนั้น หมวดเจี๊ยบ บอกว่า “เจี๊ยบรักในอาชีพทหาร เพราะมองว่าการเป็นทหาร ทำให้เจี๊ยบได้มีโอกาสใช้ความสามารถและสติปัญญาในการทำประโยชน์เพื่อประชาชนและประเทศชาติ งานนี้จึงเป็นงานที่มีคุณค่า ไม่เคยคิดจะลาออกจากกองทัพ และจะอยู่ต่อไปจนกว่ากองทัพจะไม่ต้องการเจี๊ยบแล้ว”

ก่อนจะรู้ผลว่า กองทัพบกจะอนุญาตให้หมวดเจี๊ยบไปจัดรายการที่ดีทีวีหรือไม่ หรือการที่ข้าราชการทหารจะไปจัดรายการโทรทัศน์ที่ประกาศเป็นศัตรูกับรัฐบาล จะถือเป็นความผิดวินัยตามระเบียบของกระทรวงกลาโหมหรือไม่ ลองมาฟังมุมมองของฝ่ายต่างๆ ในสังคมต่อประเด็นปัญหาของหมวดเจี๊ยบกันว่า น่าจะทำได้หรือไม่ หรือมีความเหมาะสมแค่ไหน?

พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ นายทหารเกษียณอายุราชการ อดีตหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการรัฐมนตรีกลาโหม (พล.ร.อ.ประพัฒน์ กฤษณะจันทร์) ซึ่งขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ในช่วงที่ผ่านมา ให้สัมภาษณ์วิทยุผู้จัดการ โดยยืนยันว่า การที่ทหารจะทำอะไร จะทำตามใจตัวเองไม่ได้ ต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบว่าจะอนุมัติหรือไม่ เพราะมีเรื่องของระเบียบวินัยอยู่ และว่า ทหารควรทำสิ่งที่สร้างสรรค์ ไม่ใช่ทำสิ่งที่กระทบต่อชาติบ้านเมือง

“การเป็นทหารเนี่ย มันมีระเบียบข้อบังคับ มีวินัยอยู่ การจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไรเนี่ย เราก็ต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เพื่อที่ท่านจะได้พิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติ เป็นปกติวิสัยของทหารที่มีระเบียบจะต้องทำอย่างนี้ (ถาม-อันนี้จะไม่เหมือนที่ท่านปรีชามาขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ใช่มั้ย?) ผมเป็นนายทหารเกษียณ เพราะฉะนั้นผมก็สามารถจะทำอะไรได้ แต่ก็ต้องอยู่ในกรอบ เพราะทหารเกษียณก็จริง แต่ก็ยังเป็นข้าราชการบำนาญอยู่ (ถาม-นปช.บอกว่า ที พล.อ.ปฐมพงษ์ ยังขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ได้เลย ตอนนี้อย่ามารังแกหมวดเจี๊ยบ?) ตอนนี้ พล.อ.ปฐมพงษ์ ท่านเกษียณแล้วนี่ ท่านก็ทำได้อย่างที่ผมทำนั่นแหละ ...ถ้าอยู่ในราชการ ต้องอยู่ในระเบียบของกองทัพอย่างเคร่งครัด จะทำอะไรต้องคำนึงถึงความเสียหายของกองทัพ ของชาติ ผลกระทบต่อหน่วยที่ตัวเองสังกัดอยู่”

พล.อ.ปรีชา ยังบอกด้วยว่า การที่ผู้ใต้บังคับบัญชาจะวิจารณ์ผู้บังคับบัญชานั้น ถ้าชอบด้วยเหตุผลก็สามารถทำได้ แต่ต้องทำให้เหมาะกาลเทศะด้วย

“การวิจารณ์ผู้บังคับบัญชากระทำได้ ถ้าชอบด้วยเหตุด้วยผล และอยู่ในฐานะที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายในการบังคับบัญชา เช่น เข้าไปหาท่านเป็นการส่วนตัว คิดว่าดิฉันว่าอย่างนี้ ผมว่าอย่างนั้น อะไรอย่างนี้ได้ เพราะทหารก็มีเสรีประชาธิปไตย แต่ต้องมีความแนบเนียน ด้วยจิตที่บริสุทธิ์ ผมก็เคยทำ บางอย่างนี่เห็นแย้งกับผู้บังคับบัญชา ก็ไม่ไปทะลุกลางปล้องที่ประชุม ให้ผู้บังคับบัญชาท่านเสียในการบังคับบัญชา แต่เมื่อขออนุญาตพบท่านสองต่อสอง ก็รายงานข้อเท็จจริงที่ผมมีความเห็นแย้งให้ท่านทราบด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ ก็เป็นการสร้างสรรค์หน่วยงานของเรา (ถาม-โฆษกกองทัพบก บอกว่า ถ้าหมวดเจี๊ยบอยากทำตามฝันอยากจัดรายการ ก็ขอให้ลาออกไปทำตามฝัน อย่างนั้นจะจบมั้ย?) ก่อนถึงขั้นนั้น ผมคิดว่า ถ้าเป็นผม ผมจะเข้าไปรายงานตัวกับผู้บังคับบัญชา และแสดงความต้องการ โดยมารยาทควรจะเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร เท้าความทั้งหมดที่เกิดขึ้น และขออนุญาต ถ้าสามารถให้ทำได้ เราก็ไปทำ ถ้าทำไม่ได้ ติดด้วยกฎระเบียบข้อบังคับ เราก็ต้องหยุดกระทำ แต่ถ้าเราต้องการจะกระทำ เราก็ต้องอยู่นอกกฎเกณฑ์ของกองทัพ คือเราก็ต้องออกน่ะ มันเป็นเรื่องปกติวิสัย”

ด้านนายไพศาล พืชมงคล ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย และอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มองว่า หากหมวดเจี๊ยบไปจัดรายการที่ดีทีวี จะถือว่าผิดวินัย เพราะทหารมีหน้าที่ต้องปกป้องรักษาเอกราช อธิปไตย และความมั่นคงของชาติ แต่ดีทีวีประกาศตัวชัดเจนว่าเป็นศัตรูกับรัฐบาล

“ก็สถานีนั้นเขาประกาศต่อต้านรัฐบาล แล้วทหารของกองทัพไปทำอย่างนั้นน่ะ มันผิดวินัยหรือไม่ ถ้าผิดก็ต้องลงโทษ ไม่ผิดก็ไม่ผิดน่ะ ไม่ใช่เรื่องเหมาะสมหรือภาพลักษณ์นะ เป็นเรื่องของผิดวินัยหรือเปล่า หน่วยงานหรือขบวนการหนึ่งที่เขาประกาศว่าเขาจะต่อต้านนายกรัฐมนตรี ต่อต้านรัฐบาล เขาประกาศชัดเจน เมื่อประกาศชัดเจนแล้ว และมีเจ้าหน้าที่กำลังพลของกองทัพไปร่วมสังฆกรรมด้วยเนี่ย ผิดวินัยหรือเปล่า (ถาม-เพราะฉะนั้นหมวดเจี๊ยบไม่สามารถอ้างได้ว่า รายการที่จะไปจัดมันส่งเสริมประชาธิปไตย?) ก็เขาประกาศอยู่เองว่า รายการนี้เป็นศัตรูของรัฐบาล จะต่อต้านรัฐบาล จะเป็นศัตรูกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เขาประกาศชัดเจนไม่ใช่หรือ ถ้าสื่อมวลชนรายงานข่าวนี้ถูกเนี่ย การไปร่วมอย่างนั้นผมว่าผิดวินัย ถ้าผิดวินัย ผู้บังคับบัญชาก็ต้องปฏิบัติไปตามระเบียบวินัยทหาร มิฉะนั้นทหารก็ไร้วินัยหมด (ถาม-อย่างนี้จะทำให้ทหารชั้นผู้น้อยหรือแม้แต่หมวดเจี๊ยบเอง ตั้งคำถามได้มั้ยว่า ทหารไม่มีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นหรือแสดงออกทางการเมืองเลยใช่มั้ย?) มีสิทธิ แต่ต้องไม่ผิดวินัยทหารไง เพราะทหารนั้นเป็นหน่วยงานที่มีไว้เพื่อปกป้องรักษาเอกราช อธิปไตย รักษาความลับความมั่นคงของชาติ มีวินัยเฉพาะอยู่ ไม่เหมือนกับชาวบ้าน ถ้าอยากมีสิทธิเหมือนชาวบ้าน ก็เป็นชาวบ้านสิ”

นายไพศาล ยังชี้ด้วยว่า แกนนำ นปช.จะนำกรณีหมวดเจี๊ยบมาเทียบกับกรณีของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ที่เสนอให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ยุบสภาไม่ได้ เพราะกรณีของ พล.อ.อนุพงษ์ ถือเป็นการทำหน้าที่ เพราะประเทศชาติอยู่ในภาวะวิกฤต ทหารมีหน้าที่ต้องรักษาความเรียบร้อยของบ้านเมือง

ส่วนกรณีที่โฆษกกองทัพบก บอกว่า หากหมวดเจี๊ยบอยากจัดรายการทางดีทีวี ก็ขอให้ลาออกจากทหารก่อนนั้น นายไพศาล มองว่า ก่อนจะถึงจุดนั้น กองทัพต้องพูดให้ชัดก่อนว่า การจะไปจัดรายการที่ดีทีวีเป็นเรื่องผิดวินัยหรือไม่ ไม่ใช่ใครนึกอยากจะออกจากทหารไปร่วมกับขบวนการที่ต่อต้านรัฐบาล ก็ออกได้ทันที เพราะจะแน่ใจได้อย่างไรว่า หากออกไป แล้วไปจัดรายการ ความลับในราชการจะไม่รั่วไหลหรือแพร่งพรายออกไป ซึ่งหากข้อมูลนั้นเป็นอันตรายหรือกระทบต่อบ้านเมืองด้วยแล้ว จะว่าอย่างไร ดังนั้น กองทัพต้องทำเรื่องนี้ให้ชัดว่า ผิดวินัยหรือไม่

ขณะที่ อ.อนุสรณ์ ศรีแก้ว คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต มองว่า หากหมวดเจี๊ยบเป็นประชาชนทั่วไป ก็สามารถใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่ตามรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อเป็นข้าราชการ โดยเฉพาะทหาร จะมีกฎระเบียบมีข้อจำกัดเรื่องนี้อยู่ ดังนั้นต้องพิจารณาว่าการจะไปจัดรายการทางดีทีวีสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งส่วนตัวแล้วเห็นด้วยกับที่โฆษกกองทัพบกบอกว่า หากหมวดเจี๊ยบอยากไปจัดรายการดังกล่าว ก็ควรลาออกจากราชการเสียก่อน เพราะทหารกินเงินเดือนจากภาษีของประชาชน จึงควรทำในสิ่งที่สร้างสรรค์

“ผมคิดว่าก็เป็นข้อแนะนำที่ดี ถ้าหมวดเจี๊ยบมีความประสงค์ มีความฝันของตัวเอง อยากจะเป็นผู้จัดรายการ ไม่ว่าจะเป็นวิทยุหรือโทรทัศน์ต่างๆ ก็แล้วแต่ สามารถแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่ หมวดเจี๊ยบก็สามารถทำตามความฝันของตัวเองได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องลาออกจากข้าราชการ ไปเป็นราษฎรธรรมดา เพราะต้องยอมรับว่าการเป็นข้าราชการนั้นเนี่ย ก็กินภาษีอากรของราษฎร เพราะฉะนั้นการแสดงความคิดเห็นอะไรบางอย่างเนี่ย ก็ต้องดูว่ามันเป็นการแสดงความคิดเห็นที่สร้างสรรค์หรือไม่ อย่างไร เป็นการวิพากษ์วิจารณ์หัวหน้าหน่วยงานของตัวเองหรือไม่ อย่างไร ซึ่งอันนี้ก็ต้องยอมรับในเรื่องของระเบียบวินัยของการเป็นข้าราชการหรือกองทัพว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน อย่างไร”

อ.อนุสรณ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่แกนนำ นปช.ประกาศว่า จะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเข้ามายังรายการทางดีทีวีด้วยว่า ไม่น่าจะทำให้สถานการณ์การเมืองน่าห่วง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณก็เคยโฟนอินมาหลายครั้งแล้ว ทั้งผ่านเวทีคนเสื้อแดง หรือแม้แต่การโฟนอินเข้าไปในระดับหมู่บ้านหรือตำบลเล็กๆ ซึ่งส่วนตัวแล้วมองว่า จุดพีคหรือจุดสูงสุดของ พ.ต.ท.ทักษิณผ่านไปแล้ว โอกาสที่เขาจะทำอะไรแบบยิ่งใหญ่ที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงๆ ก็ลดน้อยถอยลงตามลำดับ เพราะกลุ่มเสื้อแดงก็ขาดเอกภาพ ยิ่งนานวันก็ยิ่งแตกเป็นหลายกลุ่มหลายก้อน ขณะที่สถานะของ พ.ต.ท.ทักษิณเองก็ยิ่งตกต่ำลงเรื่อยๆ จึงคิดว่าการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่เรื่องน่ากลัวสำหรับสังคมไทย

อย่างไรก็ตาม อ.อนุสรณ์ ฝากข้อคิดสำหรับผู้ที่ทำหน้าที่สื่อมวลชน รวมถึง “ดีทีวี” ที่เพิ่งเปิดตัวขึ้นมาว่า การจะนำใครมาออกอากาศหรือโฟนอิน ควรคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นด้วย เช่น การจะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินนั้น บุคคลคนนี้ไม่ใช่พลเมืองธรรมดาของสังคมไทยอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นนักโทษชายคนหนึ่ง ดังนั้นสื่อมวลชนต้องใคร่ครวญให้ดีว่า การให้นักโทษโฟนอินนั้น เป็นสิ่งดีสำหรับสังคมไทยหรือไม่? จะทำให้สังคมเกิดความเบี่ยงเบนเกี่ยวกับคุณธรรม-จริยธรรมแค่ไหน หากสื่อบางประเภทยังคงยอมรับและยกย่องนักโทษหนีคดีที่ถูกศาลตัดสินจำคุกแบบนี้!!
โฉมหน้าผู้ก่อตั้งและผู้ดำเนินรายการของสถานีโทรทัศน์ดีทีวี ที่ประกาศตัวเป็นศัตรูกับรัฐบาล
หมวดเจี๊ยบ ให้สัมภาษณ์หลังเข้าชี้แจงผู้บังคับบัญชา กรณีต้องการไปจัดรายการที่ดีทีวี(20 ม.ค.)

หมวดเจี๊ยบ เรียกร้องความเห็นใจเมื่อครั้งขาดราชการไปสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อเขียนหนังสือเล่มที่อยู่ในมือ
กำลังโหลดความคิดเห็น