ทอ.งงประธาน กมธ.ทหารใส่ร้าย หลังส่งรองเจ้ากรมสื่อสารฯ แจงปรับปรุงระบบอิเลกทรอนิกส์เครื่องบิน 21 ลำ จนเข้าใจแล้ว แต่ยังให้สัมภาษณ์บิดเบือน แถมตัวเลขที่ให้ข่าวก็ไม่ตรงข้อเท็จจริง ยันทุกอย่างโปร่งใส
เมื่อวันที่ 9 ม.ค. น.อ.มณฑล สัชฌุกร รองเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในฐานะรองโฆษกกองทัพอากาศ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร (กมธ.) สภาผู้แทนราษฎร ออกมาระบุประเด็นการใช้งบประมาณในการปรับปรุงระบบอิเลกทรอนิกส์ของเครื่องบินในกองทัพอากาศ จำนวน 21 ลำ วงเงิน 565.5 ล้านบาท ว่าไม่โปร่งใสในการเบิกจ่ายงบประมาณ ว่า เรื่องนี้กองทัพอากาศได้ชี้แจงใน กมธ.การทหาร ไปแล้ว เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา โดย พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ส่ง น.อ. ประกิต ศกุณตสิงห์ รองเจ้ากรมสื่อสารทหารอากาศ เป็นผู้แทนชี้แจงรายละเอียด ซึ่งในที่ประชุม กมธ. ซักถามทุกประเด็นข้อสงสัย ซึ่งกองทัพอากาศชี้แจงทุกข้อสงสัยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง และกรรมการใน กมธ.การทหาร หลายท่านก็เข้าใจไม่ติดใจอะไร แต่อาจมี กมธ.บางคนยังสงสัย
น.อ.มณฑล กล่าวว่า กองทัพอากาศดำเนินการเรื่องนี้ตามขั้นตอน ยึดตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีอย่างถูกต้อง ดังนั้น โครงการนี้มีความโปร่งใสตรวจสอบได้ และได้ชี้แจงในกรรมาธิการเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่เข้าใจว่าเหตุใด พ.ต.ท.สมชาย จึงมาตั้งประเด็นตามที่เป็นข่าว ซึ่งข้อมูลตัวเลขก็ไม่ตรงตามข้อเท็จจริง แต่รายละเอียดไม่สามารถระบุได้ เพราะไม่ต้องการให้นำเรื่องนี้เป็นประเด็นตอบโต้ผ่านสื่อ ดังนั้น หาก กมธ.ยังมีข้อสงสัยให้แจ้งมายังกองทัพอากาศ ซึ่งพร้อมชี้แจงทุกข้อกล่าวหา
“รองเจ้ากรมสื่อสารทหารอากาศ ตอบทุกประเด็นใน กมธ. อย่างละเอียด ดังนั้น ที่เป็นข่าวเราก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นข่าวแบบนี้ แต่หากยังมีข้อสงสัยก็ให้กองทัพไปชี้แจงเพิ่มเติมก็ยินดี แต่ไม่อยากที่จะชี้แจงผ่านสื่อ เพราะจะกลายเป็นการต่อปากต่อคำ กองทัพให้เกียรติกรรมาธิการทุกเรื่อง เมื่อมีข้อสงสัยก็ส่งคนเข้าไปรับฟัง หาก กมธ.สงสัยก็ขอให้พูดกับกองทัพอากาศโดยตรง การพูดผ่านสื่อไม่เกิดผลดีต่อทั้งผู้ถามและผู้ตอบ ยืนยันว่ากองทัพอากาศทำตามข้อระเบียบปฏิบัติของทางราชการทุกประการ ส่วนการจะให้จเรทหารเข้ามาตรวจสอบ คงเป็นเรื่องของกรรมาธิการทหาร” รองโฆษก ทอ.กล่าว
แหล่งข่าวนายทหารระดับสูงกองทัพอากาศ ระบุว่า โครงการปรับปรุงระบบอิเลกทรอนิกส์ของเครื่องบินในกองทัพอากาศ จำนวน 21 ลำ เคยมีการร้องเรียนมายังกระทรวงกลาโหมแล้วถึงความไม่โปร่งใสในสมัยนาย สมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่ก็เงียบไป ทั้งนี้ บริษัทที่ได้รับอนุมัติจากกองทัพอากาศในโครงการนี้ เป็นบริษัทที่ได้รับอนุมัติจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพอากาศทุกโครงการในสมัยที่ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข เป็นผู้บัญชาการทหารอากาศ ซึ่งเป็นลักษณะบริษัทผูกขาดทุกโครงการของกองทัพอากาศ อาทิ เครื่องบินกริพเพนของประเทศสวีเดน แม้จะเป็นการจัดซื้อแบบจีทูจีหรือรัฐต่อรัฐ แต่บริษัทดังกล่าวเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการติดต่อจัดหาอากาศยานดังกล่าว รวมถึงโครงการปรับปรุงระบบอิเลกทรอนิกส์ในเครื่องบินที่เป็นข่าวนี้
แหล่งข่าวกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการซ่อมปรับปรุงเครื่องบินของโรงเรียนการบิน โดยบริษัทอุตสาหกรรมการบินจำกัด หรือ ทีเอไอ ไม่ใช่บริษัทรัฐวิสาหกิจ ขณะนี้ทีเอไอออกไปเป็นบริษัทเอกชน ทั้งนี้ การที่กองทัพอากาศให้ทีเอไอเป็นผู้ดำเนินการ เพราะกองทัพมีระเบียบขั้นตอน หากกองทัพอากาศจะเป็นผู้เลือกทำสัญญากับใคร แล้วให้บริษัทนี้เป็นนายหน้าขายดำเนินการจัดหายุทโธปกรณ์ แต่ที่มีปัญหาคือเมื่อมีผู้เสนอราคาที่ต่ำกว่า แต่ไม่ได้รับอนุมัติจากกองทัพอากาศให้เข้าดำเนินการ ทำให้บริษัทนี้ผูกขาดโครงการของกองทัพอากาศ ซึ่งบริษัท เอ วี แอล เอ แซท จำกัด เป็นบริษัทที่ทีเอไอจ้างดำเนินการรับช่วงโครงการต่อ ซึ่งมี “เสี่ยเล็ก” เป็นเจ้าของเป็นนายหน้าให้กับกองทัพอากาศหลายโครงการรวมทั้ง การจัดซื้อเครื่องบินกริพเพน
เมื่อวันที่ 9 ม.ค. น.อ.มณฑล สัชฌุกร รองเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในฐานะรองโฆษกกองทัพอากาศ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร (กมธ.) สภาผู้แทนราษฎร ออกมาระบุประเด็นการใช้งบประมาณในการปรับปรุงระบบอิเลกทรอนิกส์ของเครื่องบินในกองทัพอากาศ จำนวน 21 ลำ วงเงิน 565.5 ล้านบาท ว่าไม่โปร่งใสในการเบิกจ่ายงบประมาณ ว่า เรื่องนี้กองทัพอากาศได้ชี้แจงใน กมธ.การทหาร ไปแล้ว เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา โดย พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ส่ง น.อ. ประกิต ศกุณตสิงห์ รองเจ้ากรมสื่อสารทหารอากาศ เป็นผู้แทนชี้แจงรายละเอียด ซึ่งในที่ประชุม กมธ. ซักถามทุกประเด็นข้อสงสัย ซึ่งกองทัพอากาศชี้แจงทุกข้อสงสัยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง และกรรมการใน กมธ.การทหาร หลายท่านก็เข้าใจไม่ติดใจอะไร แต่อาจมี กมธ.บางคนยังสงสัย
น.อ.มณฑล กล่าวว่า กองทัพอากาศดำเนินการเรื่องนี้ตามขั้นตอน ยึดตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีอย่างถูกต้อง ดังนั้น โครงการนี้มีความโปร่งใสตรวจสอบได้ และได้ชี้แจงในกรรมาธิการเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่เข้าใจว่าเหตุใด พ.ต.ท.สมชาย จึงมาตั้งประเด็นตามที่เป็นข่าว ซึ่งข้อมูลตัวเลขก็ไม่ตรงตามข้อเท็จจริง แต่รายละเอียดไม่สามารถระบุได้ เพราะไม่ต้องการให้นำเรื่องนี้เป็นประเด็นตอบโต้ผ่านสื่อ ดังนั้น หาก กมธ.ยังมีข้อสงสัยให้แจ้งมายังกองทัพอากาศ ซึ่งพร้อมชี้แจงทุกข้อกล่าวหา
“รองเจ้ากรมสื่อสารทหารอากาศ ตอบทุกประเด็นใน กมธ. อย่างละเอียด ดังนั้น ที่เป็นข่าวเราก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นข่าวแบบนี้ แต่หากยังมีข้อสงสัยก็ให้กองทัพไปชี้แจงเพิ่มเติมก็ยินดี แต่ไม่อยากที่จะชี้แจงผ่านสื่อ เพราะจะกลายเป็นการต่อปากต่อคำ กองทัพให้เกียรติกรรมาธิการทุกเรื่อง เมื่อมีข้อสงสัยก็ส่งคนเข้าไปรับฟัง หาก กมธ.สงสัยก็ขอให้พูดกับกองทัพอากาศโดยตรง การพูดผ่านสื่อไม่เกิดผลดีต่อทั้งผู้ถามและผู้ตอบ ยืนยันว่ากองทัพอากาศทำตามข้อระเบียบปฏิบัติของทางราชการทุกประการ ส่วนการจะให้จเรทหารเข้ามาตรวจสอบ คงเป็นเรื่องของกรรมาธิการทหาร” รองโฆษก ทอ.กล่าว
แหล่งข่าวนายทหารระดับสูงกองทัพอากาศ ระบุว่า โครงการปรับปรุงระบบอิเลกทรอนิกส์ของเครื่องบินในกองทัพอากาศ จำนวน 21 ลำ เคยมีการร้องเรียนมายังกระทรวงกลาโหมแล้วถึงความไม่โปร่งใสในสมัยนาย สมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่ก็เงียบไป ทั้งนี้ บริษัทที่ได้รับอนุมัติจากกองทัพอากาศในโครงการนี้ เป็นบริษัทที่ได้รับอนุมัติจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพอากาศทุกโครงการในสมัยที่ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข เป็นผู้บัญชาการทหารอากาศ ซึ่งเป็นลักษณะบริษัทผูกขาดทุกโครงการของกองทัพอากาศ อาทิ เครื่องบินกริพเพนของประเทศสวีเดน แม้จะเป็นการจัดซื้อแบบจีทูจีหรือรัฐต่อรัฐ แต่บริษัทดังกล่าวเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการติดต่อจัดหาอากาศยานดังกล่าว รวมถึงโครงการปรับปรุงระบบอิเลกทรอนิกส์ในเครื่องบินที่เป็นข่าวนี้
แหล่งข่าวกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการซ่อมปรับปรุงเครื่องบินของโรงเรียนการบิน โดยบริษัทอุตสาหกรรมการบินจำกัด หรือ ทีเอไอ ไม่ใช่บริษัทรัฐวิสาหกิจ ขณะนี้ทีเอไอออกไปเป็นบริษัทเอกชน ทั้งนี้ การที่กองทัพอากาศให้ทีเอไอเป็นผู้ดำเนินการ เพราะกองทัพมีระเบียบขั้นตอน หากกองทัพอากาศจะเป็นผู้เลือกทำสัญญากับใคร แล้วให้บริษัทนี้เป็นนายหน้าขายดำเนินการจัดหายุทโธปกรณ์ แต่ที่มีปัญหาคือเมื่อมีผู้เสนอราคาที่ต่ำกว่า แต่ไม่ได้รับอนุมัติจากกองทัพอากาศให้เข้าดำเนินการ ทำให้บริษัทนี้ผูกขาดโครงการของกองทัพอากาศ ซึ่งบริษัท เอ วี แอล เอ แซท จำกัด เป็นบริษัทที่ทีเอไอจ้างดำเนินการรับช่วงโครงการต่อ ซึ่งมี “เสี่ยเล็ก” เป็นเจ้าของเป็นนายหน้าให้กับกองทัพอากาศหลายโครงการรวมทั้ง การจัดซื้อเครื่องบินกริพเพน
