“ชุมพล” น้อมรับคำตัดสินศาลฎีกาฯ สั่งคืนสิทธิผู้สมัครให้ “อดุลย์” มั่นใจพรรครายงานบัญชีสมาชิกทุกไตรมาส ทำถูกต้องตามขั้นตอน ซัด กกต.อ้างประกาศนายทะเบียนข้อ 6 ไม่ถูกต้อง
วันนี้ (7 ม.ค.) นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง มีคำสั่งยกคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อุทัยธานี ซึ่งวินิจฉัยว่า นายอดุลย์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้สมัคร ส.ส.อุทัยธานี เขต 1 พรรคชาติไทยพัฒนา เป็นผู้ขาดคุณสมบัติลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ครบ 90 วัน ว่า ไม่ได้กังวลประเด็นเรื่องคุณสมบัติ เพราะทำตามขั้นตอนทุกอย่าง และได้นำหลักฐานเสนอ กกต.ครบถ้วน แต่ประเด็นปัญหาคือจะถือประกาศนายทะเบียนข้อ 6 หรือข้อ 9 หรือจะถือ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 19 วรรค 4 และวรรค 6 โดยระเบียบนายทะเบียนข้อ 9 ตรงกับ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 19 วรรค 4 ทุกประการ แต่นายทะเบียนไปเพิ่มข้อ 6 ในประกาศนายทะเบียนปี 2550 ซึ่งพอไปเพิ่มขึ้นมาให้รายงานบัญชีรายชื่อสมาชิกทุกวันศุกร์
เราก็ชี้แจงว่า ในกฎหมายให้รายงานทุกไตรมาส ดังนั้น พรรคจึงไม่ได้ส่งไปทุกวันศุกร์ ในทางปฏิบัติ กกต.ก็ไม่ได้ปฏิบัติตามข้อ 6 พรรคจึงนำหลักฐานทั้งหมดส่งให้ศาลฎีกา ว่า ทุกพรรครวมทั้งชาติไทยเสนอรายชื่อเพิ่มเติมขึ้นมาทุกไตรมาส ภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป ดังนั้นเมื่อศาลฎีกาฯดูหลักฐานทั้งหมด จึงพิจารณาแล้วว่า นายอดุลย์ มีคุณสมบัติ ก็ต้องขอบคุณศาลฎีกาฯ
“ประเด็นข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้น เป็นความไม่เข้าใจ พรรคชาติไทยรู้ชะตามาตั้งแต่ตอนที่ กกต.ตั้งกรรมการที่จะยุบพรรคชาติไทย เราจึงได้ไปดำเนินการจัดตั้งพรรคชาติไทยพัฒนาขึ้นมารองรับ เผื่อว่า เกิดมีอุบัติเหตุขึ้นมา และระหว่างนั้นก็มีการดำเนินกิจกรรมของพรรคชาติไทยพัฒนามาโดยตลอด และที่เข้มที่สุดมาตรงจุดที่ว่า กกต.ตัดสินใจส่งให้อัยการสูงสุด เพื่อจะส่งศาลรัฐธรรมนูญ ยุบพรรคชาติไทย ดังนั้น ทุกคนในพรรคกระตือรือร้นหมด โดยเฉพาะกรรมการบริหารพรรคที่จะถูกเว้นวรรค 5 ปี ทุกคนเลยตัดสินใจไประดมสมาชิกมาเข้าพรรคชาติไทยพัฒนากันทั้งหมด” นายชุมพล กล่าวว่า
นายชุมพล กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2551 อัยการส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ พรรครู้ชะตาแล้วว่าวันนี้ คือ วันที่เราจะต้องมีปัญหา จากวันนั้นทุกคนระดมสมัคร ใบสมัครที่เข้ามาบางคนก็ยังไม่ได้แปะโป้ง บางคนก็ใส่วันที่ผิด บางคนก็ไม่มีรูป ก็เลยขลุกขลักมาตลอด พอมาถึงวันที่ 2 ธ.ค.2551 เราก็ไม่นึกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะยุบเร็วขนาดนั้น เมื่อยุบแล้ว ส.ส.13 คนที่โอนย้ายมาอยู่พรรคชาติไทยพัฒนา เราก็รับ เมื่อรับ เราก็ต้องแจ้งก่อนครบไตรมาส ซึ่งครบไตรมาส คือ วันที่ 7 ม.ค.2552
ทั้งนี้ เราก็ทำหนังสือไป กกต.ว่า เรามีความจำเป็นขอยื่นบัญชีสมาชิกเพิ่มเติมก่อนครบไตรมาส ซึ่งไม่ได้มีข้อห้ามไม่ให้ยื่น และ กกต.ก็รับไว้เรียบร้อยแล้ว เหตุที่ยื่นเพราะเราต้องการรักษาสิทธิของ ส.ส.13 คน ซึ่งจะต้องมีชื่อปรากฏในสภา จะต้องมีป้ายขึ้นในสภา ประกอบกับระบบอิเลกทรอนิกส์ของ กกต.ใช้งานไม่ได้ เราเลยต้องทำหนังสือแจ้งไปที่ กกต.หลักฐานทั้งหมดมอบให้ทั้งศาล และ กกต.ทุกเขตทุกจังหวัดที่มีผู้สมัครของพรรคชาติไทยพัฒนา หลักฐานทั้งหมดผู้อำนวยการเลือกตั้งทั้ง 10 เขต ถึงรับสมัครหมด ยกเว้นที่ จ.อุทัยธานี จึงนำหลักฐานทั้งหมดร้องไปยังศาลฎีกาฯ
“การที่ไม่ยื่นทุกวันศุกร์ไม่เป็นการตัดสิทธิความเป็นสมาชิก เพราะความเป็นสมาชิกพรรคสมบูรณ์ตามข้อ 8(1) ของข้อบังคับพรรคแล้ว แล้วการรายงานจำนวนสมาชิกก็ถูกต้องตามมาตรา 19 วรรค 4 และถูกต้องตามประกาศนายทะเบียนข้อ 9 แต่ กกต.กลับไปอ้างข้อ 6 ซึ่งไม่ถูก ดังนั้น เลยทำให้เกิดความสับสนและปั่นป่วนไปหมด ซึ่งศาลก็ให้ความเป็นธรรม” นายชุมพล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกโล่งใจหรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับโล่งไม่โล่ง แต่เราทำถูกต้อง เราก็ยืนหยัดไปตามนั้น แล้วแต่ศาลจะพิจารณา ซึ่งกระบวนการศาลก็ต้องให้ความยุติธรรม เมื่อถามว่า มั่นใจในการลงคะแนนในพื้นที่มากขึ้นหรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า ทุกคนได้ลงพื้นที่ทุกคน รวมทั้ง นายอดุลย์ เพราะยังหาเสียงได้มาตลอด และไม่ได้งดเว้นการหาเสียง แต่จะได้มาเท่าไรไม่ทราบ ต้องอยู่ที่ประชาชน ซึ่งเราอยากจะได้ที่นั่งเราคืนมาทั้งหมด แต่จะได้เท่าไรก็เท่านั้น แล้วแต่ฟ้าจะลิขิต ประชาชนจะลิขิต
เมื่อถามว่า กรณี นายอดุลย์ จะทำให้ประชาชนเกิดความสับสนหรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า ไม่ ทุกคนก็หาเสียงเหมือนกัน ชาวบ้านก็รู้ กกต.ก็ประกาศแล้วว่า นายอดุลย์ ยังไม่เสียสิทธิที่จะเป็นผู้สมัคร ดังนั้น มีสิทธิหาเสียงได้ กกต.เขตว่าอย่างนั้น ซึ่งเขาก็ไปหาเสียงตามปกติ เมื่อถามว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถามถึงเรื่องนี้หรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า เรียนนายกฯ ว่า ศาลฎีกาฯวินิจฉัยคืนคุณสมบัติให้ผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา นายกฯยังพูดว่า ต้องดูของพรรคประชาธิปัตย์บ้าง เพราะรู้สึกจะมี 2 คน แต่ไม่รู้ว่าเรื่องของประชาธิปัตย์ไปถึงศาลฎีกาฯแล้วหรือไม่
วันนี้ (7 ม.ค.) นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง มีคำสั่งยกคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อุทัยธานี ซึ่งวินิจฉัยว่า นายอดุลย์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้สมัคร ส.ส.อุทัยธานี เขต 1 พรรคชาติไทยพัฒนา เป็นผู้ขาดคุณสมบัติลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ครบ 90 วัน ว่า ไม่ได้กังวลประเด็นเรื่องคุณสมบัติ เพราะทำตามขั้นตอนทุกอย่าง และได้นำหลักฐานเสนอ กกต.ครบถ้วน แต่ประเด็นปัญหาคือจะถือประกาศนายทะเบียนข้อ 6 หรือข้อ 9 หรือจะถือ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 19 วรรค 4 และวรรค 6 โดยระเบียบนายทะเบียนข้อ 9 ตรงกับ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 19 วรรค 4 ทุกประการ แต่นายทะเบียนไปเพิ่มข้อ 6 ในประกาศนายทะเบียนปี 2550 ซึ่งพอไปเพิ่มขึ้นมาให้รายงานบัญชีรายชื่อสมาชิกทุกวันศุกร์
เราก็ชี้แจงว่า ในกฎหมายให้รายงานทุกไตรมาส ดังนั้น พรรคจึงไม่ได้ส่งไปทุกวันศุกร์ ในทางปฏิบัติ กกต.ก็ไม่ได้ปฏิบัติตามข้อ 6 พรรคจึงนำหลักฐานทั้งหมดส่งให้ศาลฎีกา ว่า ทุกพรรครวมทั้งชาติไทยเสนอรายชื่อเพิ่มเติมขึ้นมาทุกไตรมาส ภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป ดังนั้นเมื่อศาลฎีกาฯดูหลักฐานทั้งหมด จึงพิจารณาแล้วว่า นายอดุลย์ มีคุณสมบัติ ก็ต้องขอบคุณศาลฎีกาฯ
“ประเด็นข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้น เป็นความไม่เข้าใจ พรรคชาติไทยรู้ชะตามาตั้งแต่ตอนที่ กกต.ตั้งกรรมการที่จะยุบพรรคชาติไทย เราจึงได้ไปดำเนินการจัดตั้งพรรคชาติไทยพัฒนาขึ้นมารองรับ เผื่อว่า เกิดมีอุบัติเหตุขึ้นมา และระหว่างนั้นก็มีการดำเนินกิจกรรมของพรรคชาติไทยพัฒนามาโดยตลอด และที่เข้มที่สุดมาตรงจุดที่ว่า กกต.ตัดสินใจส่งให้อัยการสูงสุด เพื่อจะส่งศาลรัฐธรรมนูญ ยุบพรรคชาติไทย ดังนั้น ทุกคนในพรรคกระตือรือร้นหมด โดยเฉพาะกรรมการบริหารพรรคที่จะถูกเว้นวรรค 5 ปี ทุกคนเลยตัดสินใจไประดมสมาชิกมาเข้าพรรคชาติไทยพัฒนากันทั้งหมด” นายชุมพล กล่าวว่า
นายชุมพล กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2551 อัยการส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ พรรครู้ชะตาแล้วว่าวันนี้ คือ วันที่เราจะต้องมีปัญหา จากวันนั้นทุกคนระดมสมัคร ใบสมัครที่เข้ามาบางคนก็ยังไม่ได้แปะโป้ง บางคนก็ใส่วันที่ผิด บางคนก็ไม่มีรูป ก็เลยขลุกขลักมาตลอด พอมาถึงวันที่ 2 ธ.ค.2551 เราก็ไม่นึกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะยุบเร็วขนาดนั้น เมื่อยุบแล้ว ส.ส.13 คนที่โอนย้ายมาอยู่พรรคชาติไทยพัฒนา เราก็รับ เมื่อรับ เราก็ต้องแจ้งก่อนครบไตรมาส ซึ่งครบไตรมาส คือ วันที่ 7 ม.ค.2552
ทั้งนี้ เราก็ทำหนังสือไป กกต.ว่า เรามีความจำเป็นขอยื่นบัญชีสมาชิกเพิ่มเติมก่อนครบไตรมาส ซึ่งไม่ได้มีข้อห้ามไม่ให้ยื่น และ กกต.ก็รับไว้เรียบร้อยแล้ว เหตุที่ยื่นเพราะเราต้องการรักษาสิทธิของ ส.ส.13 คน ซึ่งจะต้องมีชื่อปรากฏในสภา จะต้องมีป้ายขึ้นในสภา ประกอบกับระบบอิเลกทรอนิกส์ของ กกต.ใช้งานไม่ได้ เราเลยต้องทำหนังสือแจ้งไปที่ กกต.หลักฐานทั้งหมดมอบให้ทั้งศาล และ กกต.ทุกเขตทุกจังหวัดที่มีผู้สมัครของพรรคชาติไทยพัฒนา หลักฐานทั้งหมดผู้อำนวยการเลือกตั้งทั้ง 10 เขต ถึงรับสมัครหมด ยกเว้นที่ จ.อุทัยธานี จึงนำหลักฐานทั้งหมดร้องไปยังศาลฎีกาฯ
“การที่ไม่ยื่นทุกวันศุกร์ไม่เป็นการตัดสิทธิความเป็นสมาชิก เพราะความเป็นสมาชิกพรรคสมบูรณ์ตามข้อ 8(1) ของข้อบังคับพรรคแล้ว แล้วการรายงานจำนวนสมาชิกก็ถูกต้องตามมาตรา 19 วรรค 4 และถูกต้องตามประกาศนายทะเบียนข้อ 9 แต่ กกต.กลับไปอ้างข้อ 6 ซึ่งไม่ถูก ดังนั้น เลยทำให้เกิดความสับสนและปั่นป่วนไปหมด ซึ่งศาลก็ให้ความเป็นธรรม” นายชุมพล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกโล่งใจหรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับโล่งไม่โล่ง แต่เราทำถูกต้อง เราก็ยืนหยัดไปตามนั้น แล้วแต่ศาลจะพิจารณา ซึ่งกระบวนการศาลก็ต้องให้ความยุติธรรม เมื่อถามว่า มั่นใจในการลงคะแนนในพื้นที่มากขึ้นหรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า ทุกคนได้ลงพื้นที่ทุกคน รวมทั้ง นายอดุลย์ เพราะยังหาเสียงได้มาตลอด และไม่ได้งดเว้นการหาเสียง แต่จะได้มาเท่าไรไม่ทราบ ต้องอยู่ที่ประชาชน ซึ่งเราอยากจะได้ที่นั่งเราคืนมาทั้งหมด แต่จะได้เท่าไรก็เท่านั้น แล้วแต่ฟ้าจะลิขิต ประชาชนจะลิขิต
เมื่อถามว่า กรณี นายอดุลย์ จะทำให้ประชาชนเกิดความสับสนหรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า ไม่ ทุกคนก็หาเสียงเหมือนกัน ชาวบ้านก็รู้ กกต.ก็ประกาศแล้วว่า นายอดุลย์ ยังไม่เสียสิทธิที่จะเป็นผู้สมัคร ดังนั้น มีสิทธิหาเสียงได้ กกต.เขตว่าอย่างนั้น ซึ่งเขาก็ไปหาเสียงตามปกติ เมื่อถามว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถามถึงเรื่องนี้หรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า เรียนนายกฯ ว่า ศาลฎีกาฯวินิจฉัยคืนคุณสมบัติให้ผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา นายกฯยังพูดว่า ต้องดูของพรรคประชาธิปัตย์บ้าง เพราะรู้สึกจะมี 2 คน แต่ไม่รู้ว่าเรื่องของประชาธิปัตย์ไปถึงศาลฎีกาฯแล้วหรือไม่
